นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 20 - สไปรเยอร์
“ตอนนี้! ได้เวลาของเรื่องหลักแล้ว” ใบหน้าเอลล่าเปลี่ยนเป็นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย เผยเป็นรอยยิ้มอันแปลกประหลาดออกมา สายตาของเธอนั่นดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเธอ ปรากฏเป็นแรงกดดันมหาศาลขึ้นมาในทันที และมันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นอายอันน่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง
วู้! วู้! วู้!
อากาศในสนามฝึกซ้อมแห่งนี้เริ่มปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อย รอบ ๆ ร่างอันยั่วยวนของเธอ มีสายลมพัดกรรโชกแรง ผมสีบลอนด์ของเธอปลิวสยาย สายลมอันรุนแรงพัดวนอยู่รอบตัว สร้างเป็นพายุหมุนขนาดเล็กขึ้นมา แม้ว่าจะเริ่มมีฝุ่นควันคละคลุ้งขึ้นมาแล้ว แต่ร่างของเธอนั้นยังคงเห็นได้อย่างเด่นชัด มันยืนเด่นอยู่ที่จุดศูนย์กลางของลมหมุนนั้น คล้ายกับว่าเธอนั้นเป็นตาของพายุทอร์นาโดลูกเล็ก ๆ นั่นเสียเอง
ดวงตาของเธอเปล่งประกายคมกล้าออกมา มันทิ่มแทงและขมขู่เข้าไปหัวใจของนักเรียนทุกคน เพราะเหมือนกับสายตานั้น สามารถทิ่มแทงทะลุทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่จ้องมองเท่านั้น
เมื่อเห็นสภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างกายของเดวิดดูเฉื่อยชาลงไปอีก ดวงตาของเขาหรี่ลงมากกว่าเดิม
ตอนนี้ดวงตาของเขาเกือบจะปิดสนิทจริง ๆ แล้ว ช่องว่างที่เหลืออยู่ก็ถูกปิดบังไว้ด้วยขนตายาวของตัวเอง นั่นทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาได้ แต่อย่างไรก็ดี เขายังสามารถมองเห็นสถานการณ์รอบตัวได้อย่างชัดเจน ราวกับว่าสามารถมองทะลุเปลือกตาของตัวเองออกมาได้
เขาเอียงศีรษะของตัวเองเล็กน้อย ผมยาวตกลงมาปิดใบหน้าเอาไว้ เดวิดไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองเลย ไม่แม้แต่จะประหลาดใจ ด้วยประสบการณ์ที่มีมาจนถึงตอนนี้ เขารับรู้ได้ว่า ร่างกายของเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแปลก ๆ อย่างนี้ ถ้าเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์ที่อันตราย หรือว่ามีใครกำลังคุกคามเขาอยู่
เขาค่อย ๆ สังเกตสถานการณ์รอบตัวอย่างไม่ตื่นตระหนก ดวงตาที่เกือบจะปิดลงไปแล้วนั้น มีประกายของความคาดหวังปรากฏออกมา และมันยังมีความตื่นเต้นผสมอยู่อีกไม่น้อย แต่เดวิดก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองประมาทเลย เขาคิดว่าตัวเองเดาได้ ว่าสิ่งที่จะตามมาคืออะไร?
และไม่ได้มีเพียงเขาแค่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ นักเรียนอีกจำนวนไม่น้อยได้เตรียมตัวของพวกเขาให้พร้อมรับมือกับการโจมตีเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาฟิลลิดา ที่ตอนนี้มีสีหน้าผ่อนคลายมาก นี่ทำให้สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ว่าเธอก็น่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ และถ้าสังเกตไปที่สีหน้าของนักเรียนหลายคน จะพบว่าพวกเขาก็ค่อนข้างที่จะผ่อนคลาย มีแค่ความตื่นเต้นปรากฏอยู่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเขาก็น่าจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถเดาออกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร
แต่สำหรับนักเรียนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาพากันตื่นตระหนก สีหน้านั้นแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก มีบางคนที่สามารถควบคุมให้ตัวเองอยู่นิ่ง ๆ ได้ แต่ในขณะที่ส่วนใหญ่แล้ว เริ่มขยับตัวหมุนซ้ายหมุนขวา ทำท่าจะหาที่สำหรับหลบภัยแล้ว โดยเฉพาะพวกเด็กผู้หญิง หน้าตาของพวกเธอเหมือนอยากจะตะโกนว่า ‘ยัยฆาตกร’ ออกมาเต็มที่เลย
สายตาของครูฝึกเอลล่ายังคงกวาดไปที่นักเรียนอย่างทั่วถึง เฝ้าสังเกตอารมณ์ และการแสดงออกที่หลายหลายบนใบหน้าของนักเรียนของเธอ รอยยิ้มอันชั่วร้ายบนใบหน้ายิ่งเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มสอนวิชานี้มาหลายปี นี่คือส่วนที่เธอนั้นไม่เคยเบื่อที่จะทำเลยสักครั้ง มันเป็นการให้บทเรียนแรกกับนักเรียนที่เข้าเรียนวิชาทักษะการตู่สู้นี้ พวกเขาจะต้องผ่านการทดสอบแบบนี้ก่อนทุกครั้ง เมื่อผ่านไปสักครู่ เอลล่าก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เธอยกเท้าซ้ายของตัวเองขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกระทืบมันกลับไปที่พื้นอย่างเต็มแรง
บูม!!!
พื้นของสนามฝึกซ้อมตรงจุดที่เอลล่าเคยยืนอยู่นั้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่ตัวของเธอพุ่งทะยานขึ้นไปกลางอากาศราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่แล้ว ตอนที่ร่างอันน่าดึงดูดใจของเธอปรากฏตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 15 เมตรเหนือพื้นดินนั้น เหมือนกับว่าร่างกายของเธอจะสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ชั่วขณะหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้เธอช่างดูเหมือนเทพธิดาที่จุติลงมาจากสวรรค์ไม่มีผิด ด้วยรูปร่างอันสวยงามสมส่วนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ประกอบกับผมสีบลอนด์ของที่สยายออกมา ทำให้เธอนั้นดูน่าดึงดูดอย่างประหลาด
และสายตาของเธอยังจ้องลงมาอยู่ที่หมู่นักเรียนเบื้องล่าง รอยยิ้มที่ค่อนข้างจะดูชั่วร้ายเริ่มเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวาน นั่นยิ่งทำให้เธอดูสวยมาขึ้นไปอีก มันแตกต่างจากท่าทีเย็นชาก่อนหน้านั้นราวกับเป็นคนละคน
แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อเสียง ‘ซัว!’ ดังขึ้นเบา ๆ สิ่งที่คล้ายโลหะสีขาวก็พุ่งทะลุออกมาจากแขนซ้ายของเธอ และเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นดาบกระดูกที่คมกริบ และมีความยาวมากกว่า 1 เมตร มันมีกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ราวกับว่า สามารถตัดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ให้เป็นสองส่วนได้ ด้วยคมดาบของมัน
ทันทีที่เดวิดสังเกตเห็นดาบกระดูกด้ามยาวนั้นพุ่งออกมาจากแขนของหญิงสาวคนหนึ่ง ความตื่นกลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาที่ปรืออยู่เป็นอย่างมากของเขาทันที และอย่างไม่รู้ตัว เขาขยับถอยหลังออกไปเป็นครั้งแรก แต่จากหางตา จะเห็นได้ว่ามีอีกหลายคนที่กระโดดหนีออกไป พวกนั้นหนีได้เร็วกว่า และไกลกว่าเขาไม่น้อย ฟิลลิดาก็เป็นคนหนึ่งในนั้น แต่สายตาของเธอยังจ้องอยู่ที่กลางอากาศเขม็ง
รอยยิ้มของครูฝึกกลับมาให้ความรู้สึกชั่วร้ายอีกครั้งหนึ่งแล้ว ตาของเธอมีประกายแห่งความบ้าคลั่งอยู่เล็กน้อย เอ่ยตวาดออกมาเสียงไม่ดังมากนัก “ฮ่า!!” ก่อนจะตวัดดาบกระดูกอย่างรวดเร็ว ฟันเป็นแนวทแยงลงมาใส่นักเรียนที่อยู่ด้านล่างทันที!
สีหน้าของนักเรียนกลายเป็นแตกตื่นกันทุกคนแล้ว ความหวาดหวั่นที่มีก่อนหน้านี้ กลายเป็นความหวาดกลัวอย่างที่สุดขึ้นมา และต่างก็พากันกระโดดหนีอย่างจ้าละหวั่น
เสียงของดาบที่แหวกอากาศดังตามมาเข้าหูนักเรียนทุกคน และถึงแม้ว่าดาบกระดูกของเธอนั้นจะไม่ได้ยาวจนสามารถฟันลงมาถึงพื้นดินได้ แต่มันกลับทำให้อากาศที่อยู่ตรงหน้า รวมตัวกันเป็นดาบโปร่งแสงที่มีความยาวมากกว่า 20 เมตร และเป็นแรงอัดอากาศนี้เอง ที่พุ่งเข้าใส่นักเรียนด้วยความเร็วที่มองตามไม่ทัน
เดวิดรู้สึกชาวาบจากกระดูกสันหลังจนถึงเท้าในทันที แม้ว่าเขาจะขยับตัวถอยออกมาบ้างแล้ว แต่ก็รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองนั้นยังไม่พ้นอันตรายอย่างสิ้นเชิง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า เห็นคมดาบโปร่งแสงนั้นกำลังฝ่าอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของมันคือเขา และนักเรียนที่อยู่ข้าง ๆ ตอนนี้มันอยู่ห่างจากตัวเขาไม่ถึง 5 เมตรแล้ว
สีหน้าของเขานั้นไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่กระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างรุนแรง เปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่อย่างฉับพลัน เอวของเขาบิดไปทางซ้าย เสียงเอ็น กล้ามเนื้อ และกระดูกในร่างกายที่บิดตัวอย่างกระทันหันดังลั่น เหมือนกับสายธนูที่โดนน้าว และเมื่อมันคืนตัวกับมา แรงสะท้อนที่เกิดขึ้น ทำให้ร่างของเขาหมุน 360 องศาไปทางด้านขวา ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตเลย
แต่เดวิดไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจออกมา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้สังเกตถึงความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจมันต่างหาก เพราะตอนนี้ สถานการณ์นั้นยังอันตรายอยู่เหมือนเดิม การทำให้ตัวเองเสียสมาธิ ก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลย
แรงอัดอากาศรูปคมดาบนั้นเหลืออีกไม่ถึง 1 เมตรก็จะถึงตัวเขาแล้ว มันเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ และนั่นทำให้เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะรวมรวมพลังอะไรขึ้นมาเลย ได้แต่ต่อยหมัดทั้งสองข้างสวนเข้าไปที่คมดาบนั้นอย่างสุดแรง
ในบริเวณรอบตัวของเดวิด ก็มีการตอบสนองที่ไม่ต่างกันมากนัก การโจมตีหลายหลายชนิดถูกนักเรียนใช้ออกมา เด็กหนุ่มตาสีน้ำเงิน ผมสีบลอนด์คนหนึ่งตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขากระทืบเท้าทั้งสองข้างลงบนฟื้น ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนแบบแปลก ๆ ออกมา มันค่อย ๆ พุ่งจากต้นขาของเขาไปที่มือ ถ้าดูด้วยสายตาแล้ว ภาพที่เห็นมันเหมือนกับมีมดเป็นล้าน ๆ ตัวคลานขึ้นไป ก่อนพวกมันจะไปรวมกันอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือ ที่กำแน่นเป็นกำปั้นของเขา ซึ่งตอนนี้มีสีแดงกล่ำ เหมือนกับว่าเลือดนั้นสูบฉีดที่บริเวณนั้นมากเกินไป และมีเสียงดังราวกับมีอะไรกำลังแตกหักออกมา เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้ปล่อยให้เวลาพ้นไปเนิ่นนานมากนัก เขาต่อยเข้าใส่ดาบอากาศนั้นอย่างเต็มที่
การตอบสนองของฟิลลิดานั้นค่อนข้างจะผ่อนคลายอยู่ไม่น้อย แม้ว่าหน้าตาของเธอจะดูจริงจัง แต่หลังจากที่หันหลังวิ่งหนีการโจมตีออกไปแล้ว และพบว่าตัวเองไม่อาจจะหนีพ้นอันตรายได้ เธอไม่ได้มีอาการวิตกหรือหวาดกลัวแสดงออกมาให้เห็นเลย
แต่กลับทำเพียงแค่ยื่นมือไปข้างหลัง โดยไม่ได้หันหน้ามาเผชิญกับคมดาบเสียด้วยซ้ำ นิ้วชี้ที่กำลังชี้ออกมาของเธอนั้น มีสีน้ำเงินเข้ม!
นักเรียนที่เหลือก็ใช้การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองออกมา ทั้งนิ้วมือ หมัด ลูกเตะ และการโจมตีทั้งหมดเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
และในที่สุด การโจมตีของพวกเขาก็ปะทะเข้ากับดาบอากาศนั้น