ตอนที่ 358 มีดต้องสาป
ตอนที่ 358 มีดต้องสาป
ปัจจุบันเซี่ยเฟยมีอาวุธอยู่ 3 ชิ้นคือเซเลสเชียลมูน, ดาบอีวีสเซอเรทและมีดสั้นพิเศษของสมาพันธ์จัสทิส
ในบรรดาอาวุธทั้งหมดชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะยืนยันระดับอาวุธของตัวเองได้ แต่หลังจากการใช้งานเซเลสเชียลมูนกับดาบอีวีสเซอเรทก็น่าจะเป็นอาวุธระดับลีเจนด์ ส่วนมีดสั้นจัสทิสเขาก็ไม่รู้ระดับของมันจริง ๆ เพราะโดยปกติเขามักจะใช้มันปอกผลไม้และใช้เดือยกระดูกในการต่อสู้
แต่ในตอนนี้เซี่ยเฟยได้แลกเปลี่ยนเดือยกระดูกกับลูกแก้วดาวตกแล้ว เขาจึงไม่เหลือมีดสั้นเอาไว้ใช้งาน และมีดสั้นของจัสทิสก็คงจะไม่สามารถนำมาทดแทนเดือยกระดูกที่เขาแลกเปลี่ยนออกไปได้
ไม่มีทหารคนไหนใช้อาวุธเพียงแค่ชิ้นเดียว เพราะอาวุธแต่ละชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในแต่ละสถานการณ์
ในบรรดาอาวุธในปัจจุบันเซเลสเชียลมูนก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธหลักของเขา เพราะมันมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานอย่างมากมาย ทำให้เขาสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่นมากที่สุด
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าดาบอีวีสเซอเรทจะมีความยาวมากกว่า 150 เซนติเมตรและมีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม แต่ในบางครั้งเขาก็จำเป็นจะต้องใช้อาวุธชนิดพิเศษเพื่อทำการจู่โจมศัตรูในคราวเดียว มันจึงเป็นอาวุธทางเลือกที่เซี่ยเฟยมักจะหยิบขึ้นมาใช้ในบางสถานการณ์
ในแง่ของการป้องกันชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดและรองเท้าอีซูซุต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูงมากอยู่แล้ว และเขาก็ยังไม่จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนพวกมันในเร็ว ๆ นี้
แต่เมื่อพูดถึงมีดสั้นก็ต้องบอกว่ามีดสั้นของสมาพันธ์จัสทิสเป็นอาวุธที่มีคุณภาพต่ำที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมด และมันก็แทบที่จะไม่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้จริง ๆ ได้เลย เซี่ยเฟยจึงมักจะใช้มันเอาไว้สำหรับการปอกผลไม้เท่านั้น
นักสู้มักที่จะสรรหาอาวุธอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะความแตกต่างแค่เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาในบางครั้งได้เลย
มีดสั้นตรงหน้าถูกบรรจุในกล่องโปร่งใส โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัย 2 คนคอยยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าสินค้าชิ้นนี้มีความพิเศษมากกว่าสินค้าชิ้นอื่น ๆ
นักสู้จากสมาพันธ์ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่หันมาดูอาวุธชิ้นนี้ด้วยความสนใจ แต่น่าเสียดายที่ราคาของมันสูงมากเกินไปทำให้ไม่ใช่ทุกคนที่มีศักยภาพมากพอที่จะแลกเปลี่ยนมันออกไปได้
“นี่มันหิมะโปรยงั้นเหรอ?” ชายชราร่างผอมอุทานขึ้นมาด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่สามารถละความสนใจไปจากมีดสั้นเล่มนี้ได้จริง ๆ
“ว่ากันว่ามีดสั้นของหิมะโปรยสามารถสังหารได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย เนื่องมาจากความเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ที่สามารถปกปิดบาดแผลได้ในทันที ดังนั้นเลือดจะไม่ไหลซึมออกมาเนื่องมาจากพวกมันถูกแช่แข็งด้วยความเย็นจากใบมีด”
“ฉันเคยได้ยินมาว่าเคยมีนักฆ่าใช้หิมะโปรยลอบสังหารเศรษฐีคนหนึ่ง แต่เศรษฐีที่ถูกแทงเข้าไปที่ไตกลับไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เสียชีวิตด้วยอาการไตวาย”
“สาเหตุที่มันเป็นแบบนั้นเพราะความเย็นบนใบมีดได้ปิดกั้นประสาทสัมผัสของเหยื่อเอาไว้ทั้งหมด และกว่าที่เหยื่อจะทันได้รู้สึกตัวมันก็สายเกินไปที่จะแก้ไขผลกระทบที่เกิดขึ้นมาแล้ว มันจึงทำให้อาวุธชิ้นนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าปีศาจไร้เสียง”
เมื่อมีคนอธิบายรายละเอียดของหิมะโปรยมากยิ่งขึ้น มันก็ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประทับใจอาวุธชิ้นนี้มากขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเฟยพยายามจำลองสถานการณ์ว่าถ้าหากเขาได้ใช้อาวุธชิ้นนี้ควบคู่กับวิชาเล่ห์สังหาร มันก็คงจะทำให้เหยื่อเข้าใกล้ความตายโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้มันยังเป็นอาวุธที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ความเร็วโดยเฉพาะ เพราะผู้ใช้ความเร็วสามารถที่จะจู่โจมและถอยกลับออกมาได้ก่อนที่เหยื่อจะทันได้รู้ตัวเสียอีก
ไม่ว่าจะมองยังไงอาวุธชิ้นนี้มันก็เป็นอาวุธที่สร้างขึ้นมาสำหรับเขา!!
เมื่อชายหนุ่มได้มองไปยังความต้องการในการแลกเปลี่ยนของผู้นำอาวุธมาวางขาย เขาก็พบว่าสิ่งที่ผู้ขายต้องการคือหัวใจจักรวาลสีม่วงที่มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 2 กิโลกรัม และมีความบริสุทธิ์จัดอยู่ในระดับสูง
เซี่ยเฟยพยายามค้นหาหัวใจจักรวาลที่ตรงตามเงื่อนไขของผู้ขาย และเขาก็ได้พบว่าหัวใจจักรวาลภายในแหวนมีจำนวนมากกว่า 100 ก้อนที่ตรงตามเงื่อนไขของผู้ขายรายนี้
แต่เมื่อเซี่ยเฟยได้กลับมาคิดเรื่องนี้อีกครั้งเขาก็ตระหนักว่าสถานการณ์ในปัจจุบันค่อนข้างจะแปลกประหลาดมากเกินไป เพราะไม่ว่าหัวใจจักรวาลสีม่วงจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่า แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงเพียงแค่ 2 กิโลกรัมย่อมมีมูลค่าไม่มากพอที่จะแลกเปลี่ยนจากอาวุธระดับอีเทอนิตี้ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้งานแสดงสินค้าระดับสูงยังจัดขึ้นมาวันนี้เป็นวันที่ 2 แล้ว แต่ทำไมมันถึงยังไม่มีใครแลกเปลี่ยนอาวุธชิ้นนี้ออกไปเลย?
ไม่ว่าจะมองยังไงการแลกเปลี่ยนหัวใจจักรวาลสีม่วง 2 กิโลกรัมกับมีดสั้นหิมะโปรยระดับอีเทอนิตี้ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ซื้อเป็นอย่างมาก และในขณะที่มันกำลังจะมีผู้คนเคลื่อนไหวออกไปแลกเปลี่ยนเหมือนเซี่ยเฟย ชายชราหนวดแพะก็เริ่มถอนหายใจและบรรยายตำนานเกี่ยวกับหิมะโปรยต่อไป
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ ถึงแม้ว่าหิมะโปรยจะเป็นอาวุธที่ล้ำค่า แต่มันก็มีตำนานว่ามันเป็น อาวุธต้องสาปที่สังหารผู้ใช้ตัวมันเอง”
ผู้ชมหลายคนเริ่มไม่เชื่อในสิ่งที่ชายชราคนนี้กำลังพูด แต่ชายชราร่างอ้วนกลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันและพูดตอบกลับแขกพวกนั้นกลับไปว่า
“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็ลองหาข้อมูลในสตาร์เน็ตเวิร์กดูสิ ยุคนี้มันยุคไหนแล้วข้อมูลเกือบทุกอย่างสามารถตรวจสอบในอินเตอร์เน็ตได้ทั้งนั้นแหละ พวกคุณไม่สงสัยจริง ๆ เหรอว่าทำไมอาวุธระดับนี้ถึงใช้แลกเปลี่ยนได้แค่หัวใจจักรวาลสีม่วง 2 กิโลกรัม!!”
ทันใดนั้นแขกหลายสิบคนก็เริ่มเปิดหน้าจออินเตอร์เน็ตของตัวเองขึ้นมา แล้วมันก็ทำให้พวกเขาต้องส่ายหัวก่อนที่จะเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ
“มันคืออาวุธต้องสาปจริง ๆ เหรอ?” อันธอุทาน
เซี่ยเฟยก็รู้สึกเสียดายด้วยเหมือนกันที่อาวุธชั้นยอดแบบนี้ดันมีชื่อเสียงในเรื่องการสังหารผู้ใช้ตัวมันเอง
แต่เมื่อเซี่ยเฟยได้จับตาดูชายชราร่างผอมอย่างระมัดระวัง เขาก็ได้พบว่าชายชราคนนั้นกำลังเดินไปเดินมาเพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาของแขกที่กำลังให้ความสนใจหิมะโปรย
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตระหนักว่าวิธีที่ชายชราคู่นี้กำลังใช้คือกลวิธีลิ้นพิษที่เคยถูกใช้โดยชาวเจียงหู
ผู้ที่ใช้กลวิธีลิ้นพิษมีหน้าที่ในการเผยแพร่ข่าวลือผิด ๆ ในการใส่ร้ายเป้าหมายของตัวเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่พวกเขามักจะใส่ร้ายสินค้าล้ำค่าให้ผู้ซื้อรายอื่น ๆ รู้สึกหวาดกลัว และเมื่อมันไม่มีใครสนใจสินค้าชิ้นนี้พวกเขาก็จะขอซื้อสินค้าในราคาต่ำก่อนที่จะนำไปปล่อยขายในราคาสูง
เซี่ยเฟยเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาข้างถนน เขาจึงรู้กลวิธีในการคดโกงต่าง ๆ เป็นอย่างดีและด้วยธรรมชาติที่ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาแบบนี้ มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นคนดื้อรั้นอย่างในปัจจุบัน
เมื่อได้พบกลวิธีของชายชราแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มสงบสติอารมณ์และทำการเปิดหน้าต่างค้นหาของสตาร์เน็ตเวิร์กขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มค้นหาคำสำคัญเช่นหิมะโปรย, ตำนาน, ปีศาจไร้เสียงและคำอื่น ๆ ที่เขาคิดได้ โดยตั้งค่าให้ระบบทำการกรองข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงออกไป
ฟังก์ชั่นการค้นหาพร้อมการวิเคราะห์จำเป็นจะต้องใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งในช่วงเวลานี้เซี่ยเฟยก็ยังคงพิจารณาหิมะโปรยตรงหน้าโดยไม่เดินหนีออกไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีกลุ่มนักสู้กลุ่มใหม่เข้ามาชื่นชมหิมะโปรยอีกครั้ง และพวกเขาก็โดนชายชราเล่าตำนานของมันจนทำให้พวกเขาล้มเลิกความสนใจในตัวมีดสั้นเล่มนี้ไป
มูลค่าของหัวใจจักรวาลสีม่วง 2 กิโลกรัมไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วมันก็คงจะมีคนยอมเสี่ยงใช้หัวใจจักรวาลเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธต้องสาปเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ระหว่างรอเซี่ยเฟยก็หยิบข้อมูลที่คิวเลกซ์นำมาให้กับเขาเมื่อวานเพื่อพยายามหาข้อมูลของสินค้าที่ถูกวางขายภายในอาคารแห่งนี้
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าหิมะโปรยได้ถูกนำมาวางขายตั้งแต่เมื่อวานแล้วจริง ๆ เพียงแต่ราคาของมันถูกตั้งเอาไว้ที่หัวใจจักรวาลสีม่วง 3 กิโลกรัม แต่ในวันนี้มันถูกลดราคาลงมาเหลือเพียงหัวใจจักรวาลสีม่วง 2 กิโลกรัมแล้ว
เซี่ยเฟยต้องการที่จะพิสูจน์ความจริงมากกว่านี้ เขาจึงยื่นมือออกไปเพื่อแตะหน้าจอทำธุรกรรมของร้าน ในขณะเดียวกันเขาก็สังเกตปฏิกิริยาของชายชราร่างผอมและชายชราร่างอ้วนจากมุมหางตา
ปฏิกิริยาของชายชราทั้งสองเป็นไปอย่างที่เซี่ยเฟยได้คาดไว้ เขาจึงสัมผัสหน้าจอทำธุรกรรมอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันเขาก็ยังคงสังเกตปฏิกิริยาของชายชราทั้งสองอย่างไม่วางตา และเขาก็ได้เห็นว่าใบหน้าของชายชราทั้งสองคนนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือด
สินค้าทุกชิ้นต่างก็มีหน้าจอสำหรับการทำธุรกรรมเป็นของตัวเอง และตราบใดก็ตามที่แขกนำบัตรผ่านไปแตะจากหน้าจอพวกเขาก็สามารถยืนยันคำสั่งซื้อได้ในทันที หลังจากนั้นพนักงานจะนำสินค้าออกไปโดยเร็วที่สุดและนำสินค้าชิ้นอื่นเข้ามาทดแทน ซึ่งในระหว่างนั้นผู้ซื้อจะต้องนำสิ่งของที่ตกลงแลกเปลี่ยนมาให้ทางผู้จัดงานในเวลา 3 วัน ซึ่งมันถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก
เมื่อเซี่ยเฟยยืนยันคำสั่งซื้อ พนักงานก็รีบนำหิมะโปรยออกไปแล้วแทนที่ด้วยมีดสั้น 2 คม
“ทำไมนายถึงรีบด่วนตัดสินใจแบบนั้นล่ะ? ฉันรู้ว่านายไม่เชื่อเรื่องมีดต้องสาปแต่อย่างน้อยก็รอให้ผลการค้นหาจากสตาร์เน็ตเวิร์กออกมาก่อนไม่ได้เหรอ?” อันธส่งเสียงบ่นขึ้นมาจากด้านข้าง
“เชื่อฉันเถอะ มันไม่มีปัญหาหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังชั้นบน ขณะที่ชายชราลิ้นพิษทั้งสองคนกำลังก้มหน้าลงด้วยความเจ็บใจ โดยในเวลาเดียวกันมันก็มีแรงสั่นสะเทือนขึ้นมาเล็กน้อยจากไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบการค้นหาอัจฉริยะได้ทำการประมวลผลเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเฟยยังไม่รีบร้อนที่จะทำการตรวจสอบผลลัพธ์ของการค้นหา แต่เขาได้มองหาที่นั่งสบาย ๆ ก่อนที่จะเปิดหน้าจอขึ้นมาและอ่านข้อมูลอย่างช้า ๆ
ระหว่างนี้อันธก็กำลังเฝ้าดูอย่างกระวนกระวาย เพราะท้ายที่สุดมันก็คงไม่มีใครต้องการใช้อาวุธที่ขึ้นชื่อเรื่องการสังหารผู้ใช้ตัวมันเอง
“ดูเหมือนว่ามีดเล่มนี้ไม่ควรจะถูกเรียกว่าหิมะโปรย แต่ควรจะถูกเรียกว่าหิมะโปรยเดือนตุลา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เขาได้อ่านข้อมูล
***************