ตอนที่แล้วMartial Peak ตอนที่ 2179 นี่ไม่ใช่การปล้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMartial Peak ตอนที่ 2181 คนต่อไป

Martial Peak ตอนที่ 2180 ดอกบัวเยือกแข็งลึกลับ


บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีเมฆลอยวนอยู่รอบๆขณะเกิดลมพัดอย่างรุนแรง ภาพตื่นตาตื่นใจนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันอันน่าพิศวงนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า

ดอกบัวมหาสมบัติกำลังผลิบานอย่างช้าๆจนกลายเป็นดอกไม้สีขาวที่ไร้ตำหนิ มีร่องรอยของวิถีแห่งฟ้าลอยอยู่รอบๆพร้อมส่งกลิ่นหอมซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้กลิ่นรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

หยางไคนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลจากดอกไม้วิญญาณนี้ จิตปราศจากความคิดฟุ้งซ่านและหลับตาอยู่ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ที่เงียบงัน พยายามปิดกั้นการเข้าถึงของทุกสิ่งอย่าง

ห่างออกไปสามร้อยลี้ เงาจำนวนหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วขณะมองไปทางภูเขา ปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดชอันกว้างใหญ่ได้ดึงดูดพวกเขามาพักหนึ่งแล้ว มันทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจและอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้ดูเหมือนจะมาจากกองกำลังอันยิ่งใหญ่ที่ต่างกันและเดินทางร่วมกันด้วยความบังเอิญเท่านั้น เป็นเพราะว่าพวกเขาสังเกตเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ความแข็งแกร่งของคนกลุ่มนี้ผสมปนเปกันไปหมด มีตั้งแต่เขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่งจนถึงเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม

ขณะที่บินอยู่ จู่ๆชายคนหนึ่งก็หันไปถาม "พี่จิง ท่านพอบอกได้รึไม่ว่าข้างหน้ามันเกิดอะไรขึ้น?"

คนที่ถูกเอ่ยถามคือจิงลี่ ศิษย์ของสำนักเหรินหวู่และเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่หยางไคพบที่วิหารกาลเวลา แม้ระดับยุทธของคนๆนี้จะเป็นเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม แต่เขาก็ทำได้เพียงนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้าอู๋ฉาง แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะได้ความมั่นใจกลับคืนมาแล้ว

เมื่อได้ยินคำถาม จิงลี่จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ “ปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดชนี้เกี่ยวข้องกับการกำเนิดของสมบัติหายากหรือไม่ก็เป็นสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าที่กำลังสุกงอม… ดูจากกลิ่นหอมในอากาศแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า”

"โอ้?" ดวงตาของผู้ถามเป็นประกายในขณะที่เขาพูดอย่างมีความสุข “พี่จิงก็คิดเช่นนั้นรึ?” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถามเพราะไม่รู้ แต่เป็นเพียงการยืนยันเฉยๆ “ข้าไม่แน่ใจว่าพี่จิงจะมองออกรึไม่ว่านี่เป็นสมุนไพรวิญญาณชนิดใด?”

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน?” จิงลี่กลอกตา “มีสมุนไพรวิญญาณล้ำค่าอยู่มากมาย แต่สิ่งที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายเช่นนี้ได้นั้นจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

“หึหึหึ…” ทันใดนั้น ชายอีกคนในกลุ่มก็หัวเราะเบาๆพลางเลียริมฝีปาก “บางทีโอกาสที่ข้ารอคอยอาจมาถึงแล้ว”

ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็หยุดลง

จิงลี่พูดเสริมอย่างรวดเร็ว “ด้วยโอกาสที่อยู่ตรงหน้าเรา ที่เหลือคงขึ้นอยู่กับโชควาสนา หากจิงคนนี้ได้รับโอกาสไป พวกท่านก็ไม่ควรอิจฉาให้มากนัก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

เขาหัวเราะยาวๆราวกับว่าสมบัติอะไรก็ตามที่อยู่ข้างหน้านั้นตกไปอยู่ในกำมือของเขาแล้ว…

“เหอะ เจ้าก็ต้องการฉวยโอกาสนี่ด้วยรึ?” เสียงเยาะเย้ยดังออกมาจากฝูงชน

“รึพี่โจวหวายจะไม่เห็นด้วยกับจิงคนนี้?” จิงลี่มองไปทางผู้พูดอย่างเย็นชาขณะแสดงสีหน้ายั่วยุ แม้จิงลี่จะหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอู๋ฉางด้วยเกรงว่าจะเชื้อเชิญความโกรธอันลือชื่อของอีกฝ่าย แต่จิงลี่เองก็เป็นถึงยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สาม เช่นนี้แล้วเขาจะไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งได้อย่างไร?

“หากเป็นคนอื่นข้าจะไม่คัดค้านเลย ยกเว้นก็แต่เจ้าเท่านั้น!” โจวหวายไม่ยอมถอยเช่นกัน ดูเหมือนจะมีข้อบาดหมางบางอย่างระหว่างสองคนนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พยายามซ่อนการแว้งกัดกันเลยแม้แต่น้อย

สีหน้าของจิงลี่ทรุดลงและเมื่อเขากำลังจะโต้กลับ จู่ๆคนในกลุ่มก็ร้องตะโกนขึ้น “ดูนั่น มีคนมาถึงก่อนเรา”

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา หัวใจของทุกคนก็ทรุดพร้อมกัน เมื่อพวกเขามองไปข้างหน้าและเห็นว่าบนยอดเขานั้นมีร่างๆหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่อย่างสงบข้างๆดอกไม้ที่บานมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เป็นดอกไม้สีขาวที่เปล่งแสงระยิบระยับและกระแสพลังแปลกประหลาดทว่าน่าหลงใหล

*ฟิ่วฟิ่วฟิ่ว…*

กลุ่มของจิงลี่เร่งความเร็วขึ้นทันที และในพริบตาพวกเขามาอยู่ใกล้ๆกับดอกบัวมหาสมบัติ ความโลภฉายอยู่เต็มใบหน้าขณะที่พวกเขาจ้องมองมัน

จิงลี่เหลือบมองหยางไคและรู้สึกว่าคนๆนี้ดูคุ้นตามาก เหมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่เมื่อสังเกตเห็นระดับยุทธของอีกฝ่าย เขาก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ “ข้าก็มัวสงสัยอยู่ว่าใคร… ที่แท้ก็แค่ขยะเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่งเท่านั้นเอง”

หลังจากรู้เรื่องนี้ เขาก็เลิกสนใจหยางไค

คนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน

เมื่อรู้ว่ามีคนมาถึงดอกไม้วิญญาณประหลาดนี่ก่อน ทุกคนก็ดูกระสับกระส่ายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าระดับยุทธของหยางไคอ่อนแอมาก พวกเขาก็ผ่อนคลายลงทันที

หลังจากที่คนกลุ่มนี้มาถึง สายตาก็มองข้ามหยางไคและไปจับจ้องอยู่ที่ดอกบัวมหาสมบัติแทน

แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้วิญญาณชนิดใด แต่เพราะมันได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดชขณะกำลังโตเต็มที่ ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่ามันมีค่ามากเพียงใด!

“พี่ผังไห่ หากจิงคนนี้จำไม่ผิด ท่านได้ศึกษาการเล่นแร่แปรธาตุมาค่อนข้างมากมิใช่รึ?” ทันใดนั้นจิงลี่ก็หันไปมองชายร่างท้วมที่อยู่ในฝูงชน

ชายร่างท้วมได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ผังคนนี้ได้ศึกษาวิถีแห่งการแปรธาตุแบบผิวเผินเท่านั้น แต่ฝีมือยังด้อยอยู่มาก เป็นแค่ระดับราชันหวนกำเนิด ไม่มีอะไรน่าพูดถึง!”

ถึงจะพูดจาถ่อมตัว แต่ก็สีหน้าของเขากลับดูหยิ่งผยองมากแม้ปากจะบอกว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

อันที่จริงแล้วเขามีเหตุผลที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้

นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นหายากยิ่ง และนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ นักเล่นแร่แปรธาตุยังมีสถานะที่สูงส่งในโลกแห่งการฝึกยุทธ ดังนั้นผังไห่ผู้นี้ที่เป็นทั้งผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีและนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นราชันหวนกำเนิดอาจถือได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ยิ่ง

เป็นธรรมดาที่นักเล่นแร่แปรธาตุจะมุ่งความสนใจไปที่การเล่นแร่แปรธาตุในขณะที่การฝึกวิชาของพวกเขาจะกลายเป็นเรื่องรองแทน นักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านี้มักจะไม่มีเวลาพอที่จะฝึกฝนในขณะที่พวกเขาพัฒนาศาสตร์การเล่นแร่แปรธาตุ นั่นส่งผลให้นักเล่นแร่แปรธาตุส่วนใหญ่มีระดับยุทธที่ต่ำกว่า

---------------

สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel

---------------

ดังนั้นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นราชันหวนกำเนิดส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ฝึกยุทธเขตแดนหวนกำเนิดหรือไม่ก็ราชันหวนกำเนิดเท่านั้น

แต่ผังไห่ยังเป็นถึงยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สองอีกด้วย!

เขาได้รับความสำเร็จที่ดีทั้งในวิถีแห่งยุทธและวิถีแห่งการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางยอดฝีมือและปรมาจารย์เพียงไม่กี่คนจากทั้งสองสาขา นับเป็นเรื่องธรรมดามากที่เขาจะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง

“ขั้นราชันหวนกำเนิด…” จิงลี่นั้นเป็นประเภทที่อ่านค่าของคนคนอื่นออก เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว เขาก็อุทานด้วยความชื่นชมจากใจจริง “พี่ผังไห่ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง จิงคนนี้ขอนับถือ!”

และแม้คนอื่นจะไม่พูดอะไร แต่ทุกคนก็แสดงท่าทางนอบน้อมเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าผังไห่คุ้นเคยกับฉากเช่นนี้ดี เขาจึงเริ่มแสดงละครและโบกมือไปมาอย่างรู้งาน รอยยิ้มบนใบหน้าอ้วนท้วนดูกว้างกว่าเดิม “พี่จิงสุภาพเกินไปแล้ว อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะมัวแต่ศึกษาวิถีแห่งการเล่นแปรธาตุซึ่งทำให้การฝึกฝนของข้าล่าช้า ผังคนนี้คงก้าวข้ามไปยังเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สามนานแล้ว!”

ความหมายที่เขาต้องการจะสื่อก็คือความถนัดในวิถียุทธของเขานั้นไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่นเลย แต่เขาต้องแบ่งเวลาให้กับการเล่นแร่แปรธาตุด้วย ราวกับว่าถ้าไม่มีอาชีพรองนี้อยู่ เขาคงจะเป็นคู่แข่งของเซี่ยเชิง อู๋ฉาง และอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่นๆของเขตแดนใต้ไปแล้ว!

“พี่ผังไห่ ในเมื่อท่านเป็นถึงนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นราชันหวนกำเนิด ท่านพอจะรู้จักดอกไม้วิญญาณชนิดนี้รึไม่?” จิงลี่ถาม

คนอื่นๆก็มองไปที่ผังไห่และรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

ศิษย์พี่ ได้โปรดแจกผลึกต้นกำเนิดให้ข้าที่ mynovel.co เพื่อที่ข้าจะได้พาหยางไคเพิ่มระดับไปให้สูงยิ่งขึ้น

ผังไห่ได้ยินเช่นนี้ ก็เลยใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อจ้องมองดอกบัวมหาสมบัติดังกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงกล่าวขึ้น “หากผังคนนี้จำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นดอก…”

เขาหยุดไปชั่วคราวเพื่อเพิ่มความตื่นเต้น

หยางไคเองก็ลืมตาขึ้นด้วยความสนใจ รู้สึกสงสัยจริงๆว่าสหายนักเล่นแร่แปรธาตุคนนี้จะตอบว่าอย่างไร

ผังไห่ประกาศอย่างมั่นใจ “ดอกบัวเยือกแข็งลึกลับในตำนาน!”

*อุฟ…*

ในทันใดนั้นเอง หยางไคก็มิอาจหยุดยั้งตัวเองและหลุดขำออกมานิดหน่อย แม้เขาจะพยายามกลั้นเสียงเอาไว้แล้วก็ตาม

ผังไห่มองเขาด้วยสีหน้าชั่วร้ายทันที

ในทางกลับกัน จิงลี่และคนอื่นๆพลันเบิกตากว้างและเริ่มถามด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ  “นี่คือดอกบัวเยือกแข็งลึกลับเองรึ? ดอกบัวเยือกแข็งลึกลับที่มีข่าวลือว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทะเลแห่งความรู้และเพิ่มพลังของปราณจิตสัมผัสได้อย่างมหาศาลนั่นน่ะรึ?”

แน่นอนว่าจิงลี่เคยได้ยินชื่อดอกบัวเยือกแข็งลึกลับมาก่อน ดังนั้นดวงตาของเขาจึงส่องแสงเจิดจ้าอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบของผังไห่

ปฏิกิริยาของคนอื่นๆก็ดูคล้ายกัน กลิ่นของความโลภแทบจะปะทุออกมาจากสีหน้าเหล่านั้น

"เป็นเช่นนั้นจริง!" ผังไห่พยักหน้าแรงๆ “นี่คือดอกบัวเยือกแข็งลึกลับไม่ผิดแน่นอน!”

“ข้าเชื่อพี่ผังไห่!” จิงลี่กลืนน้ำลายอึกใหญ่

“ข้าเองก็เชื่อพี่ผังไห่เช่นกัน แต่จากปฏิกิริยาที่เจ้าเด็กน้อยนั่นตอบสนองเมื่อครู่ ดูเหมือนเขาจะคิดต่างออกไป…” โจวหวายหันไปมองหยางไคอย่างครุ่นคิด “แถมเขายังมาถึงที่นี่เป็นคนแรกด้วย ฉไนเราจึงไม่ลองถามเขาดูล่ะ?”

แม้จะพูดออกไปเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ถามความคิดเห็นจากคนอื่นในกลุ่มและเริ่มตะโกนใส่หยางไคโดยตรง “นี่ไอ้หนู โจวคนนี้มีคำถามบางอย่างจะถามเจ้า จงตอบมาให้หมด มิฉะนั้น… ฮึ่ม!”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงคุกคามซึ่งเปี่ยมไปด้วยความมุ่งร้าย

“อื้ม เชิญท่านว่ามาได้เลย” หยางไคพยักหน้าให้เขาอย่างเรียบเฉย

"เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?" โจวหวายถาม

“ประมาณหนึ่งชั่วโมง” หยางไคตอบ

“เช่นนั้นปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดชได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนงั้นรึ?” สีหน้าของโจวหวายเปลี่ยนไปขณะมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แล้วทำไมถึงไม่มีใครอื่นมาที่นี่อีก?”

แม้จะรู้สึกว่ามันแปลก แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรนัก เพราะเป็นไปได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้พอที่จะสังเกตเห็นปรากฏการณ์สวรรค์สำแดงเดช ข้อสันนิษฐานอีกอย่างก็คือกลุ่มอื่นกำลังเดินทางมาที่นี่แต่แค่ยังมาไม่ถึง เขาสรุปออกมาได้เช่นนั้นและถามต่อ “เมื่อตอนที่พี่ผังไห่บอกว่านี่คือดอกบัวเยือกแข็งลึกลับ ดูเหมือนเจ้าจะไม่เห็นด้วย… แล้วเจ้ารู้รึไม่ว่านี่คือดอกไม้วิญญาณชนิดใด?”

"ข้าไม่รู้!" หยางไคส่ายหน้ายิกๆ

“ในเมื่อเจ้าไม่รู้อะไรเลยแล้วทำไมถึงแสดงกิริยาเช่นนั้นออกมา? น่าขำจริงๆ!” ผังไห่แค่นเสียงเย็นชา

หยางไคส่ายหน้าอีกครั้ง “แม้จะไม่รู้ว่านี่คือดอกอะไร แต่ข้าก็รู้ว่ามันไม่ใช่ดอกบัวเยือกแข็งลึกลับ!”

มาถึงจุดนี้ สีหน้าของหยางไคเริ่มดูเคร่งขรึมและเริ่มพูดอย่างจริงจัง “ดอกบัวเยือกแข็งลึกลับจะถือกำเนิดในสภาพแวดล้อมที่หนาวจัดเท่านั้น มันมีเจ็ดกลีบ หยั่งรากลึก ก้านยาว และส่งกลิ่นหอมน่าหลงใหลซึ่งค่อนข้างคล้ายกับดอกไม้วิญญาณอันนี้ แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…” น้ำเสียงของเขาลดต่ำลงทันทีขณะที่รอยยิ้มฉายขึ้นบนใบหน้า “เมื่อดอกบัวเยือกแข็งลึกลับผลิบาน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเข้าใกล้มันในระยะร้อยลี้ได้ เนื่องจากกลิ่นหอมของดอกบัวนั้นรุนแรงมากพอที่จะส่งผลกระทบกับยอดฝีมือเขตแดนจักรพรรดิด้วยซ้ำ มันจะแทรกแซงจิตวิญญาณของทุกคนที่เข้าใกล้และดึงเข้าไปในภาพลวงตาที่พวกเขาไม่อาจคลี่คลายได้ด้วยตัวเอง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น หากไม่ได้รับความช่วยเหลือในทันที ผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกขังอยู่ในคุกแห่งจิตใจของตัวเองตลอดไป!”

หยางไคยกแขนยักไหล่ “ในเมื่อตอนนี้ไม่มีใครได้รับผลกระทบเลย และพวกท่านก็ไม่เห็นภาพหลอนใดๆทั้งสิ้น นี่จะเป็นดอกบัวเยือกแข็งลึกลับไปได้อย่างไร?”

หลังจากที่เขาอธิบายจบ ทุกคนที่ฟังอยู่ก็ตกตะลึงขณะที่ผังไห่หน้าแดงก่ำ…

เขาไม่ได้รู้จริงๆว่าดอกไม้วิญญาณชนิดนี้คืออะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอคนรู้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงพูดไปพล่อยๆว่ามันคือดอกบัวเยือกแข็งลึกลับโดยคิดว่าคงไม่มีใครโต้แย้งได้ นั่นจะทำให้เขาได้เปรียบและรู้สึกเป็นต่อคนอื่นๆในกลุ่ม

เมื่อชิงความได้เปรียบมาแล้ว เขาก็จะค่อยๆรวบรวมข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองซึ่งจะช่วยในการดำเนินแผนการขั้นต่อไป

แต่ไม่คิดเลยว่าทันทีที่อ้าปาก หยางไคก็เปิดโปงคำโกหกของเขาจนหมด… คำพูดของเด็กนี่ละเอียดถี่ถ้วนและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าทุกคนยอมรับความคิดเห็นของเขา ผังไห่เลยได้แต่โกรธเพราะความละอาย!

“สิ่งที่สหายพูดมานั้น… มีเหตุผล!” ดวงตาของโจวหวายเป็นประกายขณะหันไปมองผังไห่ “พี่ผังไห่ ท่านคิดเห็นเช่นไร?”

'บรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของเจ้าคงเป็นพวกสารเลวหมดทุกคนเลยสินะ…' ผังไห่สาปแช่งในใจ

---------------

อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation

ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด