Martial Peak ตอนที่ 2179 นี่ไม่ใช่การปล้น
ปราณกระบี่จำนวนมหาศาลพุ่งเข้าใส่ตำแหน่งที่หยางไคยืนอยู่ พวกมันแล่นผ่านอากาศด้วยเสียงหวีดแหลม
สีหน้าของเฉิงไท่เปลี่ยนไปเล็กน้อย…
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าคู่ชายหญิงจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งไม่เคยใช้กำลังเต็มที่เมื่อตอนที่สู้กัน หากพวกเขาใช่วิชาลับเช่นนี้ตั้งแต่แรก เขาคงไม่อาจต้านทานได้
แม้การโจมตีครั้งนี้จะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาโดยตรง แต่มันก็ทำให้เฉิงไท่รู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจนัก ราวกับว่ากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมจะหันมาทางนี้แทนเสมอ
เขาเบิกตากว้าง ในใจอยากรู้มากว่าหยางไคจะรับมือเพลงกระบี่นี้อย่างไร
เพราะอย่างไรซะ เจ้าเด็กนิรนามคนนี้ก็มีสมบัติจักรพรรดิ ภูมิหลังของเขาย่อมไม่ธรรมดาและควรจะได้เรียนวิชาที่สูงล้ำกว่าสำนักทั่วไป จริงอยู่ที่การโจมตีของคู่ชายหญิงนั้นรุนแรงมาก แต่มันก็ไม่น่าคร่าชีวิตของเด็กคนนี้ได้ในคราเดียว… หรืออย่างน้อย นั่นก็เป็นสิ่งที่เฉิงไท่คิดเอาไว้
แต่แล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับอยู่เหนือความคาดหมายไปมาก
เมื่อกลุ่มปราณกระบี่พุ่งเข้าใส่ หยางไคก็ยังยืนนิ่งอย่างเรียบเฉย ราวกับว่าเขาไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา ไม่แม้แต่จะทำการรับมือใดๆจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
แต่ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว…
*ชิชิชิชิชิชิ…*
เสียงอู้อี้ราวกับของบางอย่างถูกตัดดังออกมาเรื่อยๆขณะที่ร่างของหยางไคจมอยู่ใต้ปราณกระบี่นับไม่ถ้วน พวกมันตัดเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“หา?” เฉิงไท่อุทานขณะมองออกไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “นี่เขา… ตายแล้วรึ?”
เจ้าเด็กนิรนามที่ดูเหมือนอ่านยากคนนี้ แท้จริงแล้วถูกฆ่าอย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว นับเป็นฉากที่เหลือเชื่อจนเฉิงไท่ยากจะยอมรับได้!
แต่ไม่นานเขาก็ดูผ่อนคลายลง…
เขาแอบคิดว่าสาเหตุที่หยางไคโจมตีรุนแรงในตอนแรกได้นั้นเป็นเพราะสมบัติจักรพรรดิ และความแข็งแกร่งของหยางไคเองน่าจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่งธรรมดาทั่วไป เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วทุกอย่างก็ลงตัวพอดี
“มั่นใจเกินไปแล้ว!” ศิษย์พี่เหอเอ่ยเยาะขณะสะบัดกระบี่เบาๆ แสงแห่งความตื่นเต้นแล่นผ่านดวงตาขณะที่เขาหันมาทางกระบี่ปราบพันอริในมือของหยางไค
แต่ในขณะนั้นเอง ศพของหยางไคซึ่งถูกหั่นเป็นชิ้นๆนับไม่ถ้วนกลับดูบิดเบี้ยวและจางหายไปแทน
สีหน้าของศิษย์พี่เหอแลดูแข็งทื่อขณะที่เขาร้องออกมา “ภาพติดตา!”
กระทั่งตอนนี้เองที่เขาเข้าใจว่าทำไมตัวเองยังรู้สึกกระวนกระวายใจแม้จะชนะการต่อสู้ไปแล้ว ความรู้สึกนี้คือลางร้ายที่ไม่อาจอธิบายได้ แน่นอนว่าไม่ควรไปละเลยมันเช่นกัน
ฉากตรงหน้าทำให้ทุกอย่างชัดเจนเหลือเกิน ร่างที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเมื่อครู่นี้เห็นชัดว่าไม่ใช่ร่างจริง แต่เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“ศิษย์พี่ ระวัง!” ทันใดนั้น หญิงสาวก็ร้องออกมาขณะที่ใบหน้างามแลดูซีดเผือด
เพราะในจังหวะนั้นเอง มีแสงจ้าส่องประกายและแล่นผ่านลำคอของศิษย์พี่เหอไป
สีหน้าของศิษย์พี่เหอเปลี่ยนไปอย่างมาก พอพยายามจะหันหลังกลับและดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น... แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็ไม่อาจหมุนศีรษะกลับไปได้ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้สึกเจ็บนิดๆที่ลำคออีกด้วย ในเวลาต่อมา วิสัยทัศน์ของเขาก็กลับหัวกลับหางแทน
"ข้า… ตายแล้วรึ?" ความคิดแปลกๆแล่นผ่านไป พร้อมกับที่ภาพค่อยๆถูกความมืดบดบัง ฉากสุดท้ายที่สะท้อนในดวงตาของเขาก็คือหยางไค ที่มือนั่นยังถือกระบี่ปราบพันอริเหมือนเดิม เขายืนอย่างสงบและอยู่ไม่ไกลออกไปนัก บนกระบี่มีเลือดสีแดงสดไหลผ่านใบมีด มันหยดลงไปข้างล่างเบาๆ
*แค่กๆ…*
การตายของศิษย์พี่เหอดูเหมือนจะทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองบางอย่างในตัวศิษย์น้องที่กำลังเชื่อมโยงกับเขาอยู่ นางหน้าซีดขณะกระอักเลือดออกมา พลังชีวิตของนางกำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเริ่มเหี่ยวย่นในชั่วพริบตา
ดูเหมือนว่านางจะควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้และตกลงจากท้องฟ้าทันที ร่างบางกระพือไปมาอยู่กลางอากาศ ไม่อาจหมุนเวียนพลังเพื่อลอยตัวได้อีก
ในเวลาต่อมา นางจึงกระแทกพื้นอย่างแรง!
“กระแสพลังย้อนกลับรึ?” หยางไคขมวดคิ้วครุ่นคิด
แม้เคล็ดวิชาปราณลับสมานกำลังสูงสุดจะทรงอำนาจมาก แต่ดูเหมือนมันยังมีข้อเสียร้ายแรงเช่นกัน… หยางไคเพิ่งจะฆ่าศิษย์พี่เหอไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการกระทำดังกล่าวนั้นเพียงพอที่จะส่งศิษย์น้องของเขาให้ตายตามไปพร้อมกันเลย!
ทันใดนั้น กระแสพลังสองดวงก็ออกมาจากร่างของศิษย์พี่เหอและศิษย์น้องก่อนจะพุ่งขึ้นไปในอากาศ
หยางไคเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและยึดแสงทั้งสองนั่นเอาไว้
หลังมือร้อนขึ้นเล็กน้อยทันทีที่จับพวกมัน และเมื่อมองลงมา หยางไคก็เห็นตราประทับดวงดาราอีกสองอันปรากฏตขึ้น!
นี่คือตราประทับดวงดาราของทั้งสองซึ่งควรเป็นของสำนักกระบี่หลิวหยิ่งแต่หลังจากที่พวกเขาเสียชีวิต ตราประทับดวงดาราก็เลยไร้เจ้าของและถูกเก็บไปอย่างง่ายดาย
ระดับของตราประทับดวงดาราทั้งสองอันนี้ไม่สูงมากนัก มันมีรูปสามเหลี่ยมและเพชรเหมือนกับตราประทับดวงดาราที่หยางไคที่เคยได้!
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
ตอนนี้หยางไครวบรวมตราประทับดวงดาราได้สามอันแล้ว!
ตราประทับดวงดาราดูเหมือนจะค่อนข้างหายาก หยางไคอยู่ในแดนมิติลึกลับนี่มากว่ายี่สิบวันแล้ว และนอกเหนือจากอันที่ได้มาโดยบังเอิญ เขาก็ยังไม่พบพวกมันอีกเลย… จนกระทั่งตอนนี้
ขณะที่หยางไคตรวจสอบตราประทับดวงดาราที่ได้มาใหม่ เฉิงไท่ที่เฝ้าดูจากด้านข้างก็ตัวสั่นไปหมด!
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเขาไม่ทันเห็นเลยว่าหยางไคเคลื่อนไหวอย่างไร สิ่งที่เขารู้ก็คือคู่ชายหญิงจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งถูกฟันขาดในกระบวนท่าเดียว นั่นทำให้เฉิงไท่ตระหนักว่าเขาประเมินความสามารถของหยางไคไว้ต่ำเกินไป!
แม้เจ้าเด็กคนนี้จะดูเหมือนผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิธีขั้นที่หนึ่ง แต่ความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นไม่อาจเอาเรื่องนี้มาวัดได้! เจ้าเด็กนี่ต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่ศิษย์เอกที่สามารถเอาชนะผู้ที่อยู่เหนือเขตแดนของตัวเองได้อย่างง่ายดาย!
คิดได้เช่นนี้แล้วเฉิงไท่จะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร? ตอนนี้เขาแอบสบถด่าตัวเองว่าทำไมถึงไม่รีบออกไปแต่เนินๆ เพราะตอนนี้เขาไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้วว่ายังได้สิทธิ์นั้นอยู่
แต่การนิ่งเฉยไม่ใช่ทางเลือก! เฉิงไท่กัดฟันและประสานมือคารวะ “อภัยให้เฉิงคนนี้ด้วยสำหรับความผิดที่แล้วมา หวังว่าสหายท่านนี้จะมีจิตเมตตาและให้อภัยกันได้! เฉิงคนนี้ขอตัวก่อน…”
“ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ!” หยางไคเหลือบมองอย่างเย็นชาขณะร้องบอก
“สหาย… มีอะไรจะแนะนำข้าอีกรึ?” ใบหน้าของเฉิงไท่กระตุกขณะที่หัวใจเปี่ยมไปด้วยความกลัว ตอนนี้ความหวังเพียงอย่างเดียวในชีวิตคืออยู่ให้ห่างจากที่นี่ แต่ยังไงก็ห้ามวู่วามเด็ดขาด
“รอประเดี๋ยวก่อน!” หยางไคไม่ได้ปล่อยจิตสังหารออกมาแต่กลับบินไปยังซากศพของศิษย์จากสำนักกระบี่หลิวหยิ่ง เมื่อได้แหวนมิติมาแล้วหยางไคก็ส่งปราณจิตสัมผัสเข้าไปดู ราวกับเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
แม้อีกฝ่ายจะหันหลังให้ แต่เฉิงไท่ก็ยังยืนตรงอย่างเชื่อฟัง เขารู้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางไคเลย และหากทำให้ชายหนุ่มคนนี้โกรธขึ้นมา อีกไม่นานคงมีศพที่สามไปอยู่บนพื้นด้วย!
“ของไร้ค่าทั้งนั้น!” หยางไคพึมพำด้วยความไม่พอใจหลังตรวจสอบแหวนมิติของทั้งสอง
แน่นอนว่าความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สองคนนี้เป็นเป็นผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สอง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีของดีอยู่ในแหวนมิติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผลึกต้นกำเนิด โอสถ หรือสมบัติลับ มูลค่าโดยรวมของทรัพย์สินถือว่าไม่เลว แต่สิ่งพวกเขาขาดไปก็คือของที่หยางไคกำลังตามหาอยู่
หลังจากบ่นพึมพำเบาๆ หยางไคก็หันไปหาเฉิงไท่ เขาบินเข้ามาใกล้ขณะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น “หากไม่ว่าอะไร ข้าขอดูแหวนมิติของพี่เฉิงได้รึไม่?”
ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ใบหน้าของเฉิงไท่ก็ซีดลง แต่มาขนาดนี้แล้วคงได้แต่พยักหน้าให้พร้อมฝืนยิ้ม “แน่นอนๆ ข้าไม่ถือหรอก”
พูดเช่นนั้นแล้วเขาก็ถอดแหวนมิติออกด้วยสีหน้าเจ็บปวดก่อนจะโยนมันไปทางหยางไค จากนั้นจึงรีบพูดต่อทันที “หากสหายไม่ว่าอะไร เฉิงคนนี้คงต้องขอตัวก่อน ไม่อยากรบกวนแล้ว…”
“จะรีบร้อนไปไหนกัน?” หยางไคชำเลืองมอง “ท่านไม่ต้องการแหวนมิติคืนรึไง?”
“หา?” เฉิงไท่ทำหน้าตกตะลึง ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมหยางไคถึงพูดแบบนี้
หึหึ หากเจ้าแน่จริงก็มาเจอข้าที่ mynovel.co สิ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงความลึกล้ำของ…
“นึกว่าข้าพยายามจะปล้นท่านรึ?” หยางไคยิ้มที่มุมปาก “ท่านคิดว่าข้าจะพยายามทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไร?”
สีหน้าของเฉิงไท่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่รู้เลยจะตอบอะไรกลับไปดี
“ฮ่าๆ… ของดีก็พอมีอยู่นี่!” จู่ๆหยางไคก็หัวเราะและด้วยการบังคับปราณจิตสัมผัส เขาก็หยิบบางอย่างออกมาจากแหวนมิติของเฉิงไท่
เฉิงไท่เหลือบมองและเห็นว่าสิ่งนั้นคือหญ้าวิญญาณสีดำเหมือนถ่าน
หากพูดกันตามตรงแล้ว เฉิงไท่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหญ้าวิญญาณนี้คืออะไรหรือมีจุดประสงค์ไว้ใช้ทำอะไร เขาแค่รู้สึกว่ามันมีคุณภาพสูงและดูมีราคาก็เลยเก็บมันมา ของสิ่งนี้มาจากเขตแดนแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่เขาเข้าไปสำรวจ
ไม่นึกเลยว่าหยางไคจะสนใจสมุนไพรชิ้นนี้มาก
เฉิงไท่รู้สึกงงไปหมด…
เขาย่อมรู้เรื่องสิ่งของที่อยู่ในแหวนมิติของตัวเองมากกว่าใครๆ แน่นอนว่ารวมถึงมูลค่าของส่วนใหญ่ด้วย ยังมีสิ่งอื่นที่มีค่ามากกว่าหญ้าวิญญาณนี้อีกมาก แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับเลือกอะไรแปลกๆและไม่สนใจสิ่งอื่นเลย
ขณะที่เฉิงไท่กำลังตกตะลึงอยู่นั้น หยางไคก็โยนแหวนมิติกลับมาให้ขณะจับหญ้าวิญญาณในมือ สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
“สหายท่านนี้ ไม่ต้องการอะไรอีกแล้วจริงๆรึ…” เฉิงไท่ถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าก็บอกแล้วไงว่านี่ไม่ใช่การปล้น!” หยางไคชายตามองจากด้านข้างก่อนจะตะโกนเสียงต่ำ “แล้วก็ไสหัวไปซะ!”
"ได้เลย ได้ขอรับ ไม่มีปัญหา!" เฉิงไท่รู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษอีกคน เขาคว้าแหวนมิติอย่างรวดเร็วแล้วหนีหายไปเลย
หลังจากที่เฉิงไท่หายไปแล้ว หยางไคก็ร่อนลงมาอย่างสบายๆถัดจากดอกบัวมหาสมบัติ ขณะเดียวกันเขาก็มองดูหญ้าวิญญาณสีดำในมือและพึมพำกับตัวเอง “ด้วยหญ้ามังกรดำอันนี้ ส่วนผสมที่ยังขาดไปก็เหลืออีกแค่สามอย่าง พอได้มาครบก็สามารถหลอมโอสถมหาสมบัติได้ทันที…อื้ม เรามีอย่างอื่นหมดแล้ว ขาดแค่ส่วนประกอบสามอย่างสุดท้ายที่ค่อนข้างหายากสักหน่อย หวังว่าคนอื่นๆจะมีมันอยู่...”
ขณะพูด หยางไคก็เหลือบมองไปรอบๆและตอนนี้กลับแอบหวังแทนว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวจะดึงดูดผู้คนให้มาที่นี่มากขึ้น เพื่อที่เขาจะได้ 'หยิบยืม' วัตถุดิบที่จำเป็นมาหลอมโอสถวิญญาณอย่างที่หวังเอาไว้
ด้วยการใช้ดอกบัวมหาสมบัติเป็นส่วนผสมหลัก เขาจึงจะสามารหลอมโอสถวิญญาณน่าเหลือเชื่อที่มีนามว่าโอสถมหาสมบัติขึ้นมาได้ โอสถวิญญาณชนิดนี้มีประโยชน์ยิ่งกว่าการกลืนกินดอกบัวมหาสมบัติเข้าไปเสียอีก
โอสถมหาสมบัติหนึ่งเม็ดนั้นเพียงพอที่จะเพิ่มโอกาสให้กับผู้ฝึกยุทธในการข้ามผ่านสู่เขตแดนจักรพรรดิมากถึงหนึ่งส่วนเลยทีเดียว!
หากเป็นไปได้ หยางไคหวังว่าจะได้หลอมดอกบัวมหาสมบัติอันนี้ให้กลายเป็นโอสถหลังจากที่มันผลิบานออกมา! ด้วยวิธีนี้ นอกจากจะเก็บรักษาสรรพคุณไว้ได้นานกว่าเดิมแล้ว มันยังดึงเอาประสิทธิภาพของดอกบัวมหาสมบัติออกมาได้อย่างเต็มที่อีกด้วย แต่ทว่า… การทำสิ่งนี้ให้สำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก เพราะตอนนี้เขายังขาดวัตถุดิบที่จำเป็นอยู่อีก
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation
ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง