Martial Peak ตอนที่ 2178 วิชาปราณลับสมานกำลังสูงสุด
ตั้งแต่เข้าสู่ทวีปสี่ฤดู หยางไคถูกคนอื่นเรียกว่าขยะมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว…
ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ทั้งชุดที่แสนจะธรรมดาและไม่มีเครื่องหมายใดๆที่ระบุว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของสำนัก ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นเพียงจอมยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่ง ดังนั้นเหล่าศิษย์เอกจากสำนักและตระกูลใหญ่จึงพากันดูถูกเขาราวกับเป็นเรื่องปกติ!
ในทวีปสี่ฤดูนั้น เขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่หนึ่งเป็นเขตแดนระดับต่ำสุดจริงนั่นแหละๆ! เว้นแต่จะมีสถานะพิเศษเช่นหลานซุนแล้ว ย่อมไม่มีใครสนใจคนอ่อนแออย่างเขา
แน่นอนว่าเปาเผิงเองก็ไม่เห็นหยางไคอยู่ในสายตาเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถาม หยางไคแค่เอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยใบหน้างุนงง “โชคของข้า… ช่างดีจริงๆ?”
“ข้าก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่เรื่องโชคลาง ดูเหมือนเจ้าคิดจะรนหาที่จริงๆสินะ!” เปาเผิงยิ้มน่ากลัวขณะส่งสีหน้าเหี้ยมเกรียมมาที่หยางไค แผนการล้ำเลิศของเขาถูกอีกฝ่ายเข้าแทรกแซง ดังนั้นเขาจึงอัดแน่นไปด้วยความคับข้องใจและอยากฉีกศพของหยางไคเป็นหมื่นๆชิ้นเพื่อสลายความโกรธ
“จัดการเรื่องนี้กันเองเถอะ เฉิงคนนี้ขอเอาดอกไม้วิญญาณนั่นไปก่อน!” ในจังหวะนั้นเอง เฉิงไท่ก็ร้องบอกขณะพุ่งไปที่ดอกบัวมหาสมบัติ
ศิษย์จากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งทั้งสองตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขากัดฟันแน่นขณะไล่ตามเฉิงไท่ไปและพยายามขัดขวางอีกฝ่าย
เห็นได้ชัดว่าเปาเผิงไม่อยากเสียเวลากับหยางไคมากนัก ดังนั้นเขาจึงรีบไปที่ดอกบัวมหาสมบัติเช่นกัน
ทุกคนต้องการคว้าดอกไม้วิญญาณให้เร็วที่สุด!
เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นพร้อมกับที่ร่างของหยางไคปรากฏออกมาอย่างลึกลับที่หน้าดอกบัวมหาสมบัติ เขาขวางทางทั้งสี่เอาไว้ขณะเหลือบมองไปรอบๆอย่างเหลืออด “พวกท่านทั้งหลาย ดอกไม้วิญญาณนี้ยังโตไม่เต็มที่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะเก็บเกี่ยวมัน หากวู่ว่าม พวกท่านอาจทำให้มันเสียหายและกลายเป็นของไร้ค่า ทำไมเราไม่มานั่งคุยกันดีๆและรอให้ดอกไม้วิญญาณบานก่อนล่ะ?”
“หา!? พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า หลีกทางไปเดี๋ยวนี้!” เฉิงไท่ไม่ขยับเขยื้อนและตะโกนเสียงเข้ม
“โปรดให้ความร่วมมือด้วย!” หยางไคมองเขาด้วยสีหน้าจริงใจ
“แล้วถ้าข้าปฏิเสธ…”
มาถึงตรงนี้ เฉิงไท่ได้พุ่งเข้าไปใกล้จุดที่หยางไคยืนอยู่และเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยกระแสพลังรุนแรงเข้าใส่ จากการเคลื่อนไหวและท่าทางของเขา เห็นได้ชัดว่าเฉิงไท่ไม่คิดจะออมมือและวางแผนสังหารหยางไคในการโจมตีครั้งเดียว
เฉิงไท่ทั้งเหยียดหยามและด่าทออีกฝ่าย “ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักประมาณกำลังตัวเอง หากตายขึ้นมาก็คงโทษข้าไม่ได้!”
“ดูเหมือนไม่มีทางอื่นแล้วสินะ…” หยางไคพึมพำเสียงต่ำ จู่ๆกระแสพลังที่สงบมาตลอดก็แปรเปลี่ยนและอัดแน่นไปด้วยความเหี้ยมโหด รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา หยางไคประกาศกร้าวอย่างเคร่งขรึมซึ่งมาพร้อมแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว “ในเมื่อเจ้าปฏิเสธ ไม่ยอมฟังเหตุผล งั้นข้าก็จะทำให้เจ้าเชื่อฟังเอง”
พอสิ้นเสียงก็มีแสงสว่างวาบจากฝ่ามือของเขาและทำให้สมบัติจักรพรรดิปรากฏออกมา
แรงกดดันจักรพรรดิอัดแน่นไปทั่วอากาศขณะที่หยางไคแกว่งกระบี่ไปรอบๆและร้องออกมา “วิชากระบี่ปราบพันอริ หนึ่งคนดุจดั่งภูเขา!”
*ชิชิชิชิชิชิชิชิ…*
ปราณกระบี่โผล่ออกมาอย่างท่วมท้นโดยมีหยางไคเป็นจุดศูนย์กลาง ปราณกระบี่ดังกล่าวเริ่มก่อตัวเป็นคลื่นรูปพัดอย่างรวดเร็วและเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันน่าสะพรึงกลัว กระแสพลังอันตรายดูเหมือนจะปิดกั้นทุกอย่างได้และไม่ยอมให้สิ่งใดเข้าใกล้หยางไค
"อะไรกัน!" ใบหน้าของเฉิงไท่เปลี่ยนไปอย่างมาก สีหน้าที่เคยดูถูกเหยียดหยามบัดนี้มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกใจ ดวงตาแทบถลนออกมาขณะจ้องมองภาพด้านหน้า
“แรงกดดันจักรพรรดิ… นี่คือแรงกดดันจักรพรรดิ… สมบัติจักรพรรดิ!” เปาเผิงเองก็ร้องออกมาด้วยความตกใจขณะสร้างผนึกอย่างรวดเร็วและใช้เคล็ดวิชาจักจั่นลอกคราบของสำนักหวู่ยุ่นอีกครั้ง มันทิ้งภาพติดตาเสมือนจริงเอาไว้ในขณะที่เขาถอยหนีและหลีกเลี่ยงการโจมตีได้อย่างหวุดหวิด
ขอกำลังใจจากเจ้าสักนิด ช่วยแวะไปที่ mynovel.co ขอรับ
ศิษย์ทั้งสองจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งศิษย์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อกระบี่ปราบพันอริที่เป็นสมบัติจักรพรรดิปรากฏออกมา ทว่ากระบี่ระดับต้นกำเนิดวิถีที่พวกเขาถืออยู่ในมือนั้นเกิดการสั่นไหวด้วยความกลัวและสยดสยอง ราวกับจะบอกว่าสิ่งที่ประจักษ์อยู่นั้นเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อได้ยินคำพูดของเปาเผิง ใบหน้าของทั้งสองก็ซีดลงอย่างรวดเร็ว…
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองนั้นมาจากสำนักเดียวกัน เคยใช้ชีวิตและต่อสู้ร่วมกันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นสายสัมพันธ์เชื่อมโยงจึงแน่นแฟ้นและแข็งแกร่งมาก ในชั่วพริบตา พวกเขาก็ประสานผนึกด้วยมือข้างที่ว่างพร้อมกับฟาดฟันออกไปเพื่อปัดเป่าการโจมตีที่พุ่งเข้าใส่
*เปรี้ยงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรี้ยง...*
ปราณกระบี่ปะทะกันกลางอากาศขณะที่พลังฟ้าดินโดยรอบปั่นป่วนครั้งใหญ่
หลังแสงเจิดจ้าหายไป ทั้งสี่คนที่พุ่งเข้าหาดอกบัวมหาสมบัติเพื่อเด็ดมันต่างถูกบังคับให้กลับสู่ตำแหน่งเดิมเหมือนกันหมด ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดและเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เปาเผิงไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บใดๆ ทว่าเขาก็ไม่อาจเก็บซ่อนความตกใจบนใบหน้าได้
สำหรับศิษย์จากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งทั้งสอง พวกเขาดูไม่บาดเจ็บอะไรเช่นกัน ทว่ามือที่ถือกระบี่อยู่นั้นสั่นไปมาอย่างเห็นได้ชัด
เฉิงไท่ที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นไม่ได้โชคดีแบบคนอื่นและได้รับผลกระทบใหญ่หลวงมาก แม้จะต่อสู้อย่างสุดชีวิตในช่วงความเป็นความตาย แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานได้หมดและถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวของสมบัติจักรพรรดิโจมตีเข้าไปหลายส่วน ตอนนี้ที่ร่างกายของเขามีบาดแผลอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดแห่งแถมเลือดยังไหลออกมาไม่หยุด ทำให้เขาดูน่าสังเวชยิ่ง
“ที่นี้… พวกท่านอยากคุยรึยัง?” หยางไคสะพายกระบี่ปราบพันอริขณะกวาดตาไปรอบๆและยิ้มกริ่ม
เฉิงไท่และคนอื่นๆต่างมีสีหน้าลึกล้ำขณะจ้องไปที่หยางไคด้วยความกลัว
คนที่คิดมาตลอดว่าเป็นเพียงขยะนั้นจู่ๆก็นำสมบัติจักรพรรดิที่ใครๆต่างหมายปองออกมาถือพร้อมแสดงฝีมืออันน่าสะพรึงกลัวและทำร้ายผู้ฝึกยุทธที่มีเขตแดนสูงสุดในที่แห่งนั้นจนบาดเจ็บสาหัส หากไม่ได้เห็นเรื่องแบบนี้ด้วยตาตัวเอง พวกเขาคงไม่มีทางเชื่อแน่นอน
“ท่านผู้นี่… เป็นใครกัน?” เฉิงไท่อดทนต่อความเจ็บปวดขณะมองมาทางหยางไคอย่างเคร่งขรึมและเอ่ยถามออกมา
ณ จุดนี้ เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าหยางไคมีภูมิหลังธรรมดาๆ? หาไม่แล้ว ผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิธีขั้นที่หนึ่งจะมีสมบัติจักรพรรดิในครอบครองได้อย่างไร? เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฉิงไท่ก็อดรู้สึกระแวงขึ้นมาไม่ได้…
นอกจากจะพิจารณาว่าตัวเองสามารถเอาชนะหยางไคได้รึไม่แล้วเขายังต้องคิดต่อไปอีก เพราะต่อให้ชนะ เขาก็ต้องกังวลเรื่องการตอบโต้จากกองกำลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่าย สำนักที่เขาสังกัดอยู่เทียบได้กับวังเฟยเชิ่งเท่านั้นเอง เช่นนี้แล้วเฉิงไท่จะกล้ายั่วยุอัจฉริยะจากสำนักใหญ่ได้อย่างไร?
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
“สหาย เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพียงความเข้าใจผิดกัน ข้าหวังว่าสหายท่านนี้…จะไม่ถือโทษโกรธเคือง!” จู่ๆเปาเผิงก็เปลี่ยนไปใช้ท่าทางประจบสอพลอและพูดด้วยรอยยิ้มแทน
“เพราะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด งั้นคงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมาก” หยางไคเหลือบมองเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม
ราวกับตัวเองได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่ เปาเผิงประสานมือคารวะอย่างโล่งอกและรีบพูดต่อ “ขอบคุณสหายท่านนี้มาก เปาคนนี้มีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการ ดังนั้นจะไม่รบกวนท่านอีก ลาก่อน!”
พูดจบแล้ว เขาก็หันหลังกลับและจากไปด้วยความเร็วสูง
ขณะมองดูอีกฝ่ายบินหายไปอย่างไร้ร่องรอย หยางไคก็แสดงสีหน้าครุ่นคิดขณะแอบรู้สึกว่าตราบใดที่คนๆนี้ไม่ตายเสียก่อน ในอนาคต เขาอาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้อย่างแน่นอน จากสัญชาตญาณและความสามารถในการตัดสินใจที่เปาเผิงแสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าคนๆนี้มีไหวพริบแพรวพราวและไม่ธรรมดาเลย
เมื่อเปาเผิงรู้สึกว่าตัวเองจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆหากอยู่ต่อ เขาจึงรีบหนีทันทีเพราะกลัวจะไปยั่วยุหยางไคเพิ่มเติม
เมื่อเทียบกับเปาเผิงแล้ว เฉิงไท่และศิษย์ทั้งสองจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งดูเหมือนจะยังตัดสินใจไม่ถูก
เพราะหลังจากได้เห็นวิธีการของหยางไค ทั้งสามก็ยังไม่คิดจะจากไปทั้งแบบนั้น ดูเหมือนพวกเขายังมีความหวังหลงเหลืออยู่บ้าง
เฉิงไท่นั้นถูกโจมตีอย่างหนักและรู้สึกกังวลเรื่องภูมิหลังของหยางไคมาก ท่าทางของเขาบ่งบอกว่าอยากไปใจจะขาด แต่สุดท้ายก็ยังค่อนข้างลังเล
สำหรับศิษย์พี่เหอแห่งสำนักกระบี่หลิวหยิ่งนั้น สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความโลภเช่นเดิม
แต่ทว่า… เป้าหมายของความโลภไม่ใช่ดอกไม้วิญญาณที่กำลังเบ่งบานออกมา แต่เป็นกระบี่ปราบพันอริที่อยู่ในมือของหยางไคต่างหาก!
เพราอย่างไรซะ เมื่อเทียบกับดอกบัวมหาสมบัติที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร กระบี่ปราบพันอรินั้นเป็นสมบัติจักรพรรดิของแท้ แถมยังเป็นสมบัติจักรพรรดิประเภทกระบี่อีกด้วย!
สำนักกระบี่หลิวหยิ่งขึ้นชื่อเรื่องเพลงกระบี่มาก ลูกศิษย์ทุกคนล้วนฝึกฝนวิถีกระบี่ หากได้กระบี่ปราบพันอรินี้ไป ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่เหอจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
เรื่องนี้ทำให้เขาต้องคิดหนัก นับเป็นสถานการณ์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงจริงๆ…
“เอาล่ะ…พวกเจ้าจะถอยออกไปรึไม่?” หยางไคมองคนที่เหลืออยู่ด้วยรอยยิ้ม
เฉิงไท่เม้มปากขณะยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวและไม่คิดลงมือ เขาแค่หมุนเวียนปราณต้นกำเนิดอย่างเงียบๆเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บของตัวเอง
แต่พอศิษย์พี่เหอได้ยินเช่นนั้นแล้ว จู่ๆเขาก็หันไปมองหญิงสาวด้านข้างแทน การชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ทั้งสองเข้าใจเจตจำนงของอีกฝ่ายทันที
ทันใดนั้น กระแสพลังที่แข็งแกร่งก็ถูกปล่อยออกมา กระแสพลังนี้หลอมรวมและรวมตัวกันในขณะที่เขตแดนของทั้งคู่เกิดความผันผวนอย่างรวดเร็ว
แม้จะไม่มีลม แต่เส้นผมสีดำก็ยังปลิวไสวในขณะที่เสื้อคลุมกระพือไปมา เจตจำนงแห่งการต่อสู้แพร่กระจายออกไปและเต้นประสานกันเป็นจังหวะ
ศิษย์พี่เหอยื่นมือออกไปประสานเข้ากับศิษย์น้อง
ทันทีที่มือของทั้งสองต้องกัน กระแสพลังอันทรงอำนาจก็พุ่งสูงขึ้นมาอีกขั้น รัศมีพลังงานแทบจะปกคลุมร่างของทั้งสองเอาไว้
ตอนนี้ทั้งสองดูต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ ราวกับว่ากลายเป็นคนๆเดียวกันไปแล้ว!
“เคล็ดวิชาปราณลับสมานกำลังสูงสุด!” เมื่อเห็นฉากนี้ เฉิงไท่ก็ตะโกนเสียงต่ำ สีหน้าดูเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉิงไท่พูด หยางไคก็เข้าใจทันทีว่าเคล็ดวิชาปราณลับสมานกำลังสูงสุดนั้นเป็นวิชาอย่างหนึ่งจากสำนักกระบี่หลิวหยิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับการฝึกวิชาคู่กัน กระแสพลังของคู่ชายหญิงจะเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ผสานความแข็งแกร่งและรวมความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาอย่างมากภายในช่วงเวลาอันสั้นๆ!
หลังจากใช้วิชาลับนี้ออกมา ท่าทางของศิษย์พี่เหอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ดูเหมือนเขาจะมั่นใจและหยิ่งผยองขึ้น
เขายกกระบี่ขึ้นมาและเริ่มวาดครึ่งวงกลมไปยังทิศทางที่หยางไคยืนอยู่ เสียงประกาศกร้าวอย่างเย็นชา “มอบสมบัติจักรพรรดินั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ขณะที่เขาทำเช่นนั้น ศิษย์น้องก็ทำท่าทางแบบเดียวกัน
เมื่อกระบี่ทั้งสองวาดครึ่งวงกลมและผสานกันจนเป็นหนึ่งเดียวแล้ว แสงก็สว่างวาบออกมาและบังเกิดเป็นปราณกระบี่อันทรงพลัง
“พวกเจ้าแน่ใจแล้วรึว่าอยากทำแบบนี้?” หยางไคยังคงไม่ขยับไปไหน เขาแค่ยืนมองทั้งคู่อย่างสงบ
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!” ศิษย์พี่เหอตะโกนอย่างหมดความอดทน
“แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ตายซะ!” ศิษย์พี่เหอแค่นเสียงเย็นชาก่อนจะแทงกระบี่ไปข้างหน้าเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของเขาดูไร้กังวลและผ่อนคลาย
แต่พอเขาผลักมันออกไปข้างหน้า ปราณกระบี่ที่หมุนเป็นวงกลมอยู่รอบตัวเองกับศิษย์น้องก็พุ่งออกไป
พอมาได้ครึ่งทางไปยัง ชุดปราณกระบี่วงกลมก็ถูกแบ่งออกเป็นสองวง สี่วง และแปดวง…
ไม่นานปราณกระบี่วงกลมก็ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า กระแสพลังอันสง่างามของมันทำให้ดูเหมือนว่าการหลบเลี่ยงนั้นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation
ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง