Martial Peak ตอนที่ 2175 รอหน่อยก็ไม่เสียหาย
นี่คือแก่นอสูรจากสัตว์อสูรเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สอง แถมมันยังเชี่ยวชาญเรื่องพลังวิญญาณมากเป็นพิเศษอีกด้วย แก่นอสูรอันนี้เลยมีความพิเศษและเป็นวัตถุดิบสำคัญในการหลอมโอสถวิญญาณเพื่อเสริมประสิทธิภาพให้กับการฝึกปราณวิญญาณ
หยางไคเก็บมันเข้าไปในแหวนมิติก่อนจะไปที่แท่นบูชา
ตรงแท่นบูชาไม่มีอุปสรรคหรือค่ายกลวิญญาณอยู่เลย มีเพียงลูกปัดสีเขียวที่วางอยู่บนนั้น
หยางไคใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อยืนยันว่าไม่มีกับดักซ่อนอยู่ก่อนจะเอื้อมมือออกไปอย่างระมัดระวังและเก็บลูกปัดมา ทุกอย่างดูราบรื่นอย่างไม่คาดคิด
หลังจากใช้ทั้งปราณจิตสัมผัสและปราณต้นกำเนิดเพื่อตรวจสอบเพื่อกระตุ้นลูกปัด หยางไคก็ไม่พบปฏิกิริยาใดๆเลย มันเหมือนกับลูกปัดสีแดงเพลิงที่เขาได้มาก่อนหน้านี้จริงๆ!
เขาไม่เข้าใจเลยว่าสัตว์อสูรตัวนี้ดึงพลังงานออกมาจากลูกปัดสีเขียวเพื่อฟื้นฟูตัวเองได้อย่างไร
หยางไคลองหยิบลูกปัดสีแดงเพลิงออกมาเปรียบเทียบกันและสรุปได้อย่างรวดเร็วว่านอกเหนือจากสีที่แตกต่าง ลูกปัดทั้งสองนี้เหมือนกันทุกประการ
หลังจากสังเกตพวกมันเป็นเวลานาน เขาก็ส่ายหน้าช้าๆ
เพราะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของลูกปัดสองอันนี้คืออะไรกันแน่ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บพวกมันไปก่อน
หลังจากที่หยางไคเก็บลูกปัดสีเขียวไว้ในแหวนมิติ การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันก็บังเกิดขึ้น
แม้ทะเลสาบจะหนาวเย็นมาตลอด แต่มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทว่าตอนนี้กลับมีเสียงแตกหักดังออกมาจากทุกทิศทุกทาง ความหนาวเย็นเจาะลึกเข้าไปในน้ำและเริ่มจับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็ง
ใบหน้าของหยางไคเปลี่ยนไปเมื่อเขาลอยตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาพุ่งผ่านพื้นผิวของทะเลสาบและหยุดลงหลังบินขึ้นไปอีกหลายสิบจั้ง หยางไคหันกลับมาทันเวลาเพื่อดูทะเลสาบทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็งในชั่วพริบตา ตอนนี้มันดูกลมกลืนไปกับส่วนที่เหลือของทิวทัศน์สีขาวเงินจนแยกกันไม่ออก
“ดูเหมือนว่าลูกปัดสีเขียวจะทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ไม่ถูกแช่แข็งตั้งแต่แรกนะ” หยางไคพึมพำกับตัวเองพลางนึกสงสัยในใจว่าพลังที่แท้จริงของลูกปัดคืออะไรกันแน่ ทำไมมันถึงต้านทานความหนาวเย็นที่รุกล้ำและรุนแรงของเขตแดนแห่งนี้ได้
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางไคก็หันหลังและบินกลับไปที่ฝั่ง
เมื่อเขากลับมาถึง หลิวเหยียนก็รีบวิ่งไปหาพลางพยักหน้าเบาๆโดยไม่พูดอะไร ส่วนเจ้าเกล็ดหิมะตัวน้อยนั้นดูมีความสุขมากและเต้นไปรอบๆหยางไคไม่หยุด
“ไปกันต่อเถอะ” หยางไคพูดกับเกล็ดหิมะน้อยซึ่งดูเหมือนอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายและเริ่มบินออกไปอีกครั้ง
ในช่วงหลายวันนี้ หยางไคได้ออกเดินทางไปทั่วเขตแดนฤดูหนาว
จากการนำของเกล็ดหิมะน้อย ตราบใดที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่ใกล้ๆ มันก็จะถูกเก็บเข้าสู่แหวนมิติของหยางไคได้อย่างราบรื่นทุกครั้งไป
เพียงมิกี่ผลึกต้นกำเนิดของเจ้าที่โยนลงขันขอทานของข้า หยางไคก็จะรอดต่อไปได้ mynovel.co
ความคิดของหยางไคนั้นค่อนข้างเรียบง่าย เนื่องจากจอมจักรพรรดิโลกาวุ่นวายได้กล่าวไว้ว่าว่าฉินเจาหยางควรมาที่ทวีปสี่ฤดูเพื่อค้นหาผลทัณฑ์ฟ้าดิน เรื่องนี้จึงไม่น่าใช่ความพยายามที่ไร้จุดหมาย พูดอีกอย่างก็คือ ทวีปสี่ฤดูนี้ต้องมีผลวิญญาณดังกล่าวอยู่อย่างแน่นอน เพียงแต่เขายังหามันไม่พบเท่านั้น
หากหยางไคอดทนและพยายามหาต่อไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็จะพบมันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเกล็ดหิมะตัวน้อย นี่คือข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใครภายในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้
เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้ว หยางไคได้จึงตัดสินใจว่าจะไม่ออกจากเขตแดนแห่งฤดูหนาวเว้นแต่จะพบผลทัณฑ์ฟ้าดินก่อน หาไม่แล้ว เมื่อออกจากทวีปสี่ฤดู เขาคงไม่มีหน้าไปอธิบายให้ฉินเจาหยางฟังได้เลย
เรื่องนี้ทำให้หยางไคร้อนรนนิดๆเพราะแม้จะได้รับสมุนไพรธาตุน้ำแข็งหายากและของล้ำค่ามากมายแต่ก็ไม่มีวี่แววของผลทัณฑ์ฟ้าดินเลย ยิ่งไปกว่านั้น หยางไคยังได้ล่าสัตว์อสูรไปเป็นจำนวนมากอีกด้วย แต่นอกเหนือจากแก่นอสูรบางส่วนแล้วเขาก็ไม่ได้รับตราประทับดวงดาราเพิ่มเติมเช่นกัน
เมื่อเวลาผ่านไป หยางไคก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ในวันนี้ ที่ยอดธารน้ำแข็งแห่งหนึ่ง หยางไคกำลังยืนมองออกไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักขณะจ้องมองต้นไม้ที่ดูคล้ายผลึกซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า
ไม้ต้นนี้สูงเพียงสองจั้งเท่านั้น ใบของมันดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นจากน้ำแข็งบริสุทธิ์ที่ปล่อยความหนาวเย็นออกมา
มันดูไม่มีค่าอะไรนัก แต่ทว่าที่จุดหนึ่งของกิ่งก้าน... ดูเหมือนจะมีร่องรอยของบางอย่างถูกดึงออกไปอย่างชัดเจน
“น่าเสียดายนัก ข้ามาช้าไปก้าวเดียว!” หยางไคพึมพำด้วยความขุ่นเคือง
ไม้ต้นนี้ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากต้นทัณฑ์ฟ้าดินนั่นเอง! ภายใต้การนำของเกล็ดหิมะน้อย การค้นหาอย่างละเอียดถี่ถ้วนนับสิบวันได้นำหยางไคมาสู่ไม้ต้นนี้
อย่างไรก็ตาม ผลทัณฑ์ฟ้าดินที่ควรอยู่ที่นี่นั้นเห็นได้ชัดว่าถูกเด็ดไปก่อนแล้ว!
เมื่อพิจารณาจากร่องรอยที่เหลืออยู่บนต้นไม้ มันน่าจะถูกเก็บเกี่ยวไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง
“นายท่านทำดีที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลย…” หลิวเหยียนรีบเข้ามาปลอบเมื่อเห็นสีหน้าอันขมขื่นของหยางไค
“ข้าอยากรู้จริงๆว่า… ใครเป็นคนเอาผลวิญญาณนี้ไป?” หยางไคขมวดคิ้ว
แม้ผลทัณฑ์ฟ้าดินจะล้ำค่าและหายากยิ่ง แต่มันก็ไม่ใช่วัตถุดิบที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ต่อให้ถูกนำออกไป แต่การนำมันไปใช้งานจริงนั้นมีน้อยเหลือเกิน หากหยางไครู้ว่าใครนำมันไป เขาอาจจะขอแลกเปลี่ยนมันกับสมบัติล้ำค่าที่มีอยู่ได้
ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ไร้เหตุผลจนเกินไปนัก พวกเขาน่าจะยินดีและยอมแลกเปลี่ยนด้วย
แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็คือหยางไคไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครนำผลทัณฑ์ฟ้าดินออกไป! ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะใช้วิธีนี้
“ในเขตแดนแห่งฤดูหนาวยังมีไม้เช่นนี้อีกรึไม่?” หยางไคหันมาถามเกล็ดหิมะน้อยด้วยสีหน้าคาดหวัง
ใบหน้าเลือนลางของเกล็ดหิมะน้อยดูงงนิดหน่อยก่อนจะส่ายไปด้านข้าง
ความหวังสุดท้ายของหยางไคแตกสลายไปแล้ว
เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากทวีปสี่ฤดูเปิดออก ผู้ฝึกยุทธที่เข้ามาจะอยู่ในนี้ได้เพียงสามสิบวันเศษเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่กำหนด พวกเขาต้องไปยังสถานที่เฉพาะแห่งหนึ่งเพื่อออกจากทวีปสี่ฤดู หากไม่ทำเช่นนั้น พวกเขาก็จะถูกขังอยู่ข้างในจนกว่าทวีปสี่ฤดูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง
หากนับตั้งแต่วันที่เข้ามา นี่มันก็ผ่านไปประมาณยี่สิบวันแล้วและเขาได้ใช้เวลาไปกว่าครึ่งในเขตแดนฤดูหนาว
จากตรงนี้ เขาจะต้องใช้เวลาสองสามวันเพื่อไปที่ทางออก ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกไม่มาก
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้สำรวจเขตแดนฤดูหนาวจนเกือบทั่วแล้ว ทั้งสมุนไพรวิญญาณและยาวิญญาณล้วนถูกย้ายเข้ามาอยู่ในแหวนมิติจนหมด เมื่อผลทัณฑ์ฟ้าดินถูกคนอื่นเก็บไปก่อน การอยู่ต่อจึงไม่มีประโยชน์อันใด
แผนที่ดีที่สุดคือรีบมุ่งหน้าไปที่ทางออก จากนั้นก็รอให้เหล่าศิษย์จากสำนักใหญ่มาถึง ตอนนั้นเขาจึงจะมีโอกาสได้สอบถามเรื่องผลทัณฑ์ฟ้าดิน โอกาสสำเร็จยังไม่หมดไป!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หยางไคจึงหันไปหาเกล็ดหิมะน้อยทันที “พาเราไปที่ทางออกที!”
“นายท่านจะออกไปแล้วรึ?” หลิวเหยียนเอ่ยถามขณะกระพริบตาไปมา
“อื้ม” หยางไคพยักหน้า
แน่นอนว่าหลิวเหยียนไม่คัดค้านอะไรอยู่แล้ว ทว่าเกล็ดหิมะน้อยนั้นดูเศร้าหมองลง เพราะหลายวันที่ผ่านมา เจ้าตัวน้อยผู้โดดเดี่ยวได้สัมผัสกับความสนุกสนานมากมายและรู้สึกลังเลที่จะถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง
หยางไคยิ้มให้ “หากเจ้าต้องการ จะมาด้วยกันก็ได้นะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าเศร้าสร้อยของเกล็ดหิมะตัวน้อยก็เริ่มฉายแววมีความสุข แต่ในไม่ช้า มันก็กลับไปทำหน้าทรุดอีกครั้งและ ‘ส่ายหน้า’ อย่างช่วยไม่ได้
หลิวเหยียนกระซิบบอก “มันออกจากเขตแดนฤดูหนาวไม่ได้… เจ้าตัวน้อยต่างไปจากข้านิดหน่อย ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ที่มันถือกำเนิดขึ้น หากออกไปนอกเขต ไม่ช้าเร็วมันก็จะเหี่ยวแห้งและตายลง”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” หยางไคตกตะลึง
หลิวเหยียนถอนหายใจ “หากมันออกไปจากที่นี่ก็จะเหมือนกับข้าที่ละทิ้งร่างไป… ไม้ไร้ดินและปลาไร้น้ำคงอยู่ไม่ได้นาน เว้นแต่ว่า…”
“เว้นแต่ว่าอะไร” หยางไคเอ่ยถาม
“เว้นแต่ว่าจะมีสภาพแวดล้อมที่คล้ายกันในไข่มุกดินแดนมิติลึกลับ เช่นนั้นมันถึงจะสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้” หลิวเหยียนตอบ
หยางไคได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าเรื่องนี้ค่อนข้างหมดหวัง เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองสามารถนำเกล็ดหิมะน้อยไปไว้ในดินแดนมิติลึกลับได้ แต่ดูเหมือนเขาจะไร้เดียงสาเกินไป
เมื่อเข้าใจเรื่องนี้แล้วหยางไคจึงเอื้อมมือออกไป เขาอุ้มเกล็ดหิมะน้อยและนำมันมาวางไว้บนไหล่ขณะยิ้มให้ “อย่าเศร้าไปเลย หากมีโอกาส ข้าจะกลับมาที่นี่เพื่อพบเจ้าอีกครั้ง! รอก่อนนะ คราวหน้าข้าจะหาทางพาเจ้าออกไปให้ได้!”
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่หยางไคก็รู้ดีว่าเรื่องนี้คงสุดแล้วแต่โอกาสวาสนา ตามหลักแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะคงเป็นเวลาอีกหลายร้อยปีกว่าทวีปสี่ฤดูจะเปิดขึ้นอีกครั้ง และถึงตอนนั้นเขาคงจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว
เพราะอย่างไรซะ ก่อนหน้านั้นเขาควรจะขึ้นไปถึงเขตแดนจักรพรรดิอย่างแน่นอน…
เจ้าเกล็ดหิมะตัวน้อยนั้นยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นการประจบประแจงง่ายๆจึงทำให้อารมณ์ของมันดีขึ้นทันทีและกลับมามีความสุขอีกครั้ง
ท่าทางมีความสุขของมันทำให้หยางไครู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน…
จากธารน้ำแข็งดังกล่าว หยางไคใช้เวลาไปสี่วันกว่าจะมาถึงเทือกเขาสองฤดูอีกครั้ง และถึงแม้ระหว่างทางจะได้อะไรเพิ่มมาบ้างแต่มันก็ไม่มากนัก
มาถึงจุดนี้... เจ้าเกล็ดหิมะน้อยไม่อาจไปต่อได้อีกแล้ว
หยางไคและหลิวเหยียนบอกลามันตรงนั้นก่อนจะบินจากไป
เมื่อผ่านเทือกเขาสองฤดูมาได้ หยางไคก็ตรงดิ่งไปที่ทางออกทันที
ก่อนเข้าสู่ทวีปสี่ฤดู เหล่าผู้อาวุโสได้แจ้งศิษย์ของสำนักไว้แล้วว่าพวกเขาต้องมาถึงทางออกก่อนวันนัดหมาย
ส่วนตำแหน่งของทางออกก็คือจุดศูนย์กลางของทวีปสี่ฤดูนั่นเอง!
ดังนั้นหยางไคจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางอีก
หลังจากเดินทางอีกสามวัน หยางไคก็มาถึงพื้นที่ราบเรียบและในไม่ช้าก็เห็นทางออกของทวีปสี่ฤดูที่ขอบฟ้า
ทางออกดูคล้ายกับหุบเขานิรนามไม่มีผิด นอกจากนั้นยังมีประตูแสงรูปไข่ขนาดยักษ์ที่ลอยเงียบๆอยู่กลางอากาศเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธที่เข้าสู่ทวีปสี่ฤดูสามารถออกจากทวีปสี่ฤดูได้ตลอดเวลาผ่านทางประตูแสงแห่งนี้
แต่เพราะเวลายังเหลืออยู่ ดังนั้นจึงไม่มีผู้ฝึกยุทธคนใดที่คิดจะออกไปก่อนกำหนด
สถานการณ์เป็นไปตามที่หยางไคคาดไว้ ที่นี่ปราศจากผู้คน ไม่มีใครอยู่แถวนั้นเลย
หากลองนับวันดูก็จะพบว่ายังเหลือเวลาอีกประมาณห้าถึงหกวัน
หยางไคไม่คิดจะสำรวจทวีปสี่ฤดูต่อแล้วและวางแผนว่าจะรออยู่ที่นี่ เพราะอย่างไรซะ ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าผู้ที่เด็ดผลทัณฑ์ฟ้าดินไปจะไม่มาถึงที่นี่และออกไปก่อนเวลานัดหมาย
ระหว่างรอ หยางไคจึงเริ่มไตร่ตรองเรื่องสิ่งของที่จะนำมาแลกเปลี่ยนหากพบผู้ที่ได้ผลทัณฑ์ฟ้าดินไปจริงๆ
ในมือของเขามีของล้ำค่าอยู่มากมายทว่ามีหลายอย่างที่ไม่สามารถนำออกมาแลกเปลี่ยนได้ อย่างเช่นสมบัติจักรพรรดิทั้งห้าชิ้น
เขาเหลือโอสถต้นกำเนิดวิถีอยู่สองสามเม็ดหลังจากข้ามผ่านเขตแดนครั้งล่าสุด แต่สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์แค่เฉพาะกับเขตแดนราชันหวนกำเนิดเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีคงไม่แม้แต่จะชายตามอง
นอกจากนี้เขายังได้กำไรมากมายจากทวีปสี่ฤดูที่สามารถนำออกมาแลกเปลี่ยนได้ แต่ผู้ที่มีผลทัณฑ์ฟ้าดินจะสนใจสิ่งของเหล่านี้รึไม่นั้นคงไม่มีใครบอกได้
หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว หยางไคจึงตัดสินใจว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการนำเกษียรกำเนิดเซียนออกมาแลกเปลี่ยนด้วย สิ่งนี้ย่อมเป็นของที่ไม่ว่าใครก็ยากจะปฏิเสธ
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation
ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง