Martial Peak ตอนที่ 2174 ลูกปัดอีกอัน
น้ำในทะเลสาบนั้นเย็นจัดแต่ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ ส่วนตัวหยางไคเองก็ไม่ได้เผชิญกับเรื่องน่าประหลาดใจหรือภัยอันตรายใดๆในขณะที่ดำลงสู่เบื้องล่าง อันที่จริงแล้ว เสียงเดียวที่สัมผัสได้ก็มีเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง หยางไคดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่างและหันไปยังทิศทางหนึ่ง
ที่นั่น กระแสน้ำกำลังเคลื่อนไปอย่างผิดธรรมชาติ
พอมองไปข้างหน้า หยางไคได้ก็พบเข้ากับฉากที่น่าอัศจรรย์
ที่ใจกลางทะเลสาบ มีสตรีนางหนึ่งที่ดูเหมือนกำลังดำน้ำเล่นอยู่ นางมีเรือนผมสีดำนุ่มสลวย คิ้วงดงาม ใบหน้าบอบบาง และไหล่ที่สง่างาม ความร้อนจากเรือนร่างของนางดูเหมือนจะตอบสนองกับน้ำเย็นที่อยู่รอบๆและทำให้เกิดไอจางๆที่บดบังร่างกายบางส่วนไว้ ทำให้นางดูเลือนลางไปหมด
น้ำใสของทะเลสาบเปิดโอกาสให้แสงส่องสะท้อนลงมาที่เรือนร่างเย้ายวน มันยิ่งขับส่วนโค้งเว้าต่างๆให้ดูเด่นชัดยิ่งขึ้น ทำให้ผู้มองอดไม่ได้ที่จะมีความคิดแอบแฝง
ในขณะนี้เอง หญิงสาวคนนั้นกำลังขัดถูเรือนร่างขาวผ่อง ราวกับไม่ทันสังเกตเห็นหยางไคเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม… หลังจากที่หยางไคเพ่งมองอยู่นาน ในที่สุดอีกฝ่ายก็รับรู้ได้และหันมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
ดวงตาคู่งามราวกับดาวระยิบระยับที่เปล่งแสงออกมานั่น… ดูเหมือนจะดึงดูดใครก็ตามที่จ้องมองมันได้ไม่ยาก
ทันทีที่พวกเขาสบตากัน สีหน้าของหยางไคก็พลันดูว่างเปล่าในขณะที่หญิงสาวคนนั้นยิ้มมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิม
กระแสพลังจางๆที่แทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าถูกปล่อยออกจากร่างของหญิงสาวและเข้าห่อหุ้มหยางไคเอาไว้
สีหน้าของหยางไคยิ่งดูเหม่อลอยขึ้นอีก…
หญิงสาวยิ้มแย้มเมื่อเห็นแบบนั้น ก่อนที่รอยยิ้มนั่นจะเริ่มดูผิดรูป นางค่อยๆอ้าจนปากฉีก ริมฝีปากอันบอบบางจู่ๆก็ขยายออกอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นปากยักษ์ที่พุ่งใส่หยางไค
แม้ตัวจะอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง แต่ปากยักษ์ก็สามารถกลืนหยางไคเข้าไปได้ทั้งตัว
ทันทีที่ปากยักษ์ปิดลง ภาพของสตรีที่กำลังดำน้ำก็บิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือคราบของสาวงามอีกต่อไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือสัตว์อสูรรูปร่างแปลกประหลาดที่กำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ในปาก
ลักษณะของสัตว์อสูรตัวนี้อธิบายได้ยากยิ่ง มันมีรูปร่างทรงกลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อยหลายสิบจั้ง มีหนวดยาวแปดหนวดหรือมากกว่านั้นที่กำลังเต้นไปมารอบๆอย่างอิสระ และตบท้ายด้วยดวงตาแปลกประหลาดกว่าร้อยดวงซึ่งกระจายอยู่ทั่วผิวหนัง
จากบนฝั่ง หลิวเหยียนที่เคยดูหยางไคอย่างใกล้ชิดนั้น เมื่อเห็นฉากนี้เข้าไป ใบหน้างามก็ทรุดลงทันที ทว่านางไม่ได้แสดงความกังวลมากนักเพราะสัมผัสได้ว่าหยางไคยังปลอดภัยดีอยู่
ในทางกลับกัน เกล็ดหิมะตัวน้อยนั้นตกใจมากและรีบบินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับมันต้องการเข้าช่วยหยางไค
“ฮ่าฮ่า… สัตว์อสูรที่เชี่ยวชาญด้านการโจมตีทางวิญญาณเป็นนอะไรที่หาได้ยากยิ่ง!” จู่ๆเสียงของหยางไคก็ดังขึ้นขณะที่ร่างปรากฏตัวและยืนอยู่เหนือหัวของสัตว์อสูรในครู่ต่อมา เขาดูไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
ทันทีที่ฉากหญิงสาวดำน้ำเล่นปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ หยางไคก็รู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในสถานที่เลวร้ายเช่นนี้จะมีศิษย์สาวจากสำนักใดกล้ามาเล่นน้ำกัน? เหล่าผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีที่เข้าสู่ทวีปสี่ฤดูจะมีเวลามานั่งทำอะไรเช่นนี้ด้วยรึ?
ตอนแรกเขาคิดว่าสตรีนางนี้เป็นสัตว์อสูรแบบใดแบบหนึ่ง แต่หลังจากถูกโจมตี เขาก็ตระหนักว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาที่เกิดจากการโจมตีทางวิญญาณ
แต่ทว่าภาพมายานี้ดูเหมือนจริงมากเหลือเกิน แม้แต่หยางไคเองก็ไม่อาจสลายมันได้ในทันที
แต่ถึงกระนั้น หยางไคก็ฟื้นคืนสติได้ทันท่วงทีและเคลื่อนย้ายตัวเองออกไปก่อนที่การโจมตีสังหารจะเข้ามาถึงตัว
ทันทีที่สิ้นเสียงของหยางไค สัตว์อสูรก็หยุดเคี้ยวอย่างกะทันหัน สายตานับร้อยของมันหันมาทางเขา ปากยักษ์อ้ากว้างอีกครั้งก่อนจะพ่นน้ำออกมาพร้อมปล่อยเสียงคำรามโกรธจัด
คลื่นกระแทกจากเสียงคำรามทำให้เกิดระลอกคลื่นในทะเลสาบซึ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
ที่รอบๆตัวของหยางไค ชั้นปราณต้นกำเนิดได้โผล่ออกมาเพื่อต้านทานการโจมตีประหลาดนี่เอาไว้
“เขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สอง…” หยางไคกวาดปราณจิตสัมผัสออกไปและประเมินความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรในทันที
ทางฝั่งของสัตว์อสูร เมื่อเห็นว่าใช้คลื่นเสียงโจมตีไม่ได้ผล มันก็ยิ่งโกรธจัดและส่งแสงวูบวาบออกมาจากดวงตานับร้อย
หยางไคเลิกคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ขณะพูดพึมพำ “ความแข็งแกร่งทางวิญญาณเทียบได้กับเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นสูงสุด!”
สีหน้าของเขาดูจริงจังมากขึ้น หยางไคหมุนเวียนพลังวิญญาณของตัวเองและส่งปราณจิตสัมผัสออกไปรับการโจมตีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
*เปรี้ยง…*
หลังจากเสียงกระแทกดังกึกก้อง ร่างของหยางไคก็สั่นสะท้านขณะถอยกลับออกไปไม่กี่ก้าว จิตใจรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
---------------
สนับสนุนผลงานอย่างถูกต้องได้ที่ MyNovel และ Thai-Novel
---------------
สัตว์อสูรตัวนี้เองก็มีสภาพไม่ต่างกัน ร่างทรงกลมของมันสั่นอย่างรุนแรง หนวดกระพือไปมาขณะที่ปากส่งเสียงร้องคร่ำครวญ
การปะทะกันระหว่างปราณจิตสัมผัสทั้งสองนั้นถือเป็นวิธีต่อสู้ที่คาดเดาไม่ได้และอันตรายที่สุด สัตว์อสูรตัวนี้อาศัยความชำนาญในการโจมตีทางวิญญาณและไม่เห็นหยางไคอยู่ในสายตา ดังนั้นหยางไคจึงไม่คิดจะแสดงความอ่อนแอออกมาเช่นกัน
เพราะมีบงกชอุ่นวิญญาณที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาเลยไม่กลัวเรื่องการปะทะทางวิญญาณแม้แต่น้อย!
ในการเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ทั้งสองถือว่าเสมอกัน
ทว่าหยางไคมีบงกชอุ่นวิญญาณที่สามารถซ่อมแซมความเสียหายให้กับปราณจิตสัมผัสได้ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว ในขณะเดียวกัน สัตว์อสูรนั้นทำได้เพียงสู้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง และดูเหมือนว่ามันจะได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในการเผชิญหน้าสั้นๆเมื่อครู่
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วหยางไคจะพลาดโอกาสไปได้อย่างไร? เขาเรียกกระบี่ปราบพันอริมาถือไว้ในมือ แรงกดดันจักรพรรดิเปล่งออกมาจากตัวดาบในขณะที่เขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าและฟาดฟันมันออกไป
*ชิชิชิชิชิ....*
ประกายแสงนับพันจากตัวดาบถูกส่งออกมาและตกใส่สัตว์อสูรราวกับพายุโหมกระหน่ำ
เลือดสาดกระเซ็นออกจากบาดแผลและย้อมน้ำที่ใสสะอาดให้กลายเป็นสีแดง
พอรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการถูกฟาดฟัน สัตว์อสูรก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวช ดวงตานับร้อยเต็มไปด้วยความด้วยความกลัว และทันใดนั้นเอง มันก็ฟาดหนวดทั้งแปดออกไปเพื่อสกัดกั้นประกายแสงจากดาบ
หยางไคไม่คาดคิดเลยว่าเพลงดาบนี้จะฆ่ามันไม่สำเร็จ!
เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นที่สอง แต่ปราณจิตสัมผัสของมันนั้นเทียบได้กับยอดฝีมือเขตแดนต้นกำเนิดวิถีขั้นสูงสุด ตามปกติแล้ว เมื่อมีความแข็งแกร่งทางวิญญาณที่ทรงพลังมาก สภาพร่างกายของมันก็น่าจะอ่อนแอกว่ากว่านี้
ทว่าร่างกายที่กลมและใหญ่ยักษ์ของสัตว์อสูรกลับมีความยืดหยุ่นสูง พอถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนโจมตีใส่ พวกมันจึงไม่อาจเจาะเข้าไปได้ไกลนัก ความเสียหายส่วนใหญ่จึงตกอยู่ที่พื้นผิวชั้นนอก
อย่างน้อยหนวดทั้งแปดของมันนั้นก็ไม่ได้โชคดีนัก เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องของปราณกระบี่ พวกมันจึงถูกตัดเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ สัตว์อสูรดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม มันดูเหมือนก้อนเลือดที่มีดวงตามากมายแปะอยู่…
พอรู้ว่าความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ สัตว์อสูรก็เลยไม่คิดจะสู้กับหยางไคต่อและพยายามดำดิ่งลงไปในส่วนลึกของทะเลสาบเพื่อเอาชีวิตรอดแทน
“ฮึ่ม!” หยางไคแค่นเสียงเย็นชาและดำตามมันลงไป เขารู้สึกมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างเต็มที่
รอยเลือดที่ถูกทิ้งไว้ในน้ำใสสะอาดได้กลายมาเป็นเส้นทางสีแดง ดังนั้นหยางไคจึงไล่ตามสัตว์อสูรไปได้อย่างไม่ยากเย็น
น่าแปลกที่ทะเลสาบค่อนข้างลึก ยิ่งดำลึกลงไปมากเท่าไหร่ แสงก็จะยิ่งลดน้อยลง แต่ด้วยสายตาอันทรงอำนาจของหยางไค เรื่องมองไม่เห็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวล
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป หยางไคก็ตามรอยเลือดไปจนถึงก้นทะเลสาบ แต่เมื่อมองไปรอบๆ เขากลับต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
สัตว์อสูรกำลังลอยอยู่อย่างเงียบเชียบถัดจากแท่นบูชาแปลกๆที่ตั้งอยู่ด้านล่างทะเลสาบ และบนแท่นบูชานี้เอง มีบางอย่างที่น่าสนใจยิ่งประทับอยู่
มันคือลูกปัด!
ลูกปัดอันนี้มีขนาดเท่าผลลำไยและปล่อยแสงสีเขียวอ่อนๆออกมา
หย่อนลูกแก้วเทวะให้ข้า ขอทานคนนี้สักลูก ที่ mynovel.co
เมื่อหยางไคเห็นลูกปัดอันนี้ เขาก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้
เพราะลูกปัดแทบดูไม่ต่างจากอันที่เขาได้มาจากวิหารกาลเวลาเลย เว้นแต่ว่ามันมีสีเขียว
“รึว่านี่…?”
ทันใดนั้นหยางไคก็เริ่มคาดเดาได้ลางๆ แต่เขาก็ไม่อาจยืนยันได้เต็มที่
ในตอนนี้เอง สัตว์อสูรกำลังลอยอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆและอาบแสงสีเขียวของลูกปัด น่าแปลกที่ภายใต้อิทธิพลของแสงสีเขียว บาดแผลที่หยางไคได้ทำไว้นั้นจะได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ไม่นานเลือดก็หยุดไหลจากบาดแผลของมันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่าหนวดที่หายไปไม่ได้งอกขึ้นใหม่ ไม่ว่าพลังของสัตว์อสูรตัวนี้จะแข็งแกร่งเพียงใด การฟื้นฟูแขนขาที่หายไปนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก
“นี่ควรจะเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในเขตแดนแห่งฤดูหนาว” หยางไคมองไปทางลูกปัดสีเขียวและพึมพำกับตัวเอง
เกล็ดหิมะตัวน้อยได้พาเขามาที่นี่และในทะเลสาบแห่งนี้นั้น นอกจากสัตว์อสูรยักษ์แล้วก็มีเพียงลูกปัดเล็กๆที่วางอยู่บนแท่นบูชา เห็นได้ชัดว่าสัตว์อสูรไม่ใช่สมบัติล้ำค่าที่สุดในเขตแดนแห่งฤดูหนาวอย่างแน่นอน
เช่นนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่เป็นไปได้ก็คือลูกปัดสีเขียวนี่แหละ
การมาถึงของหยางไคดูเหมือนจะปลุกสัตว์อสูรที่พยายามรักษาบาดแผลของตัวเองอยู่
มันไม่จำเป็นต้องหันกลับมามอง เพราะจากดวงตาหลายร้อยดวง ย่อมมีบางส่วนที่เห็นหยางไคจากด้านหลัง มันเปิดปากยักษ์และส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง แต่แย่หน่อยที่สูญเสียหนวดไปหมดแล้ว มันเลยไม่อาจทำการโจมตีทางกายภาพได้มากนัก
อย่างมากก็แค่ใช้พลังวิญญาณอีกครั้งและส่งคลื่นกระแทกไปที่หยางไคด้วยสายตานับร้อยและปากของมัน!
“รนหาที่!” สีหน้าของหยางไคมืดลงขณะเรียกเนตรปีศาจทำลายล้างออกมา จากดวงตาสีทองนั่น ดอกบัวได้ปรากฏซ้อนออกมาและยิงใส่เป้าหมายตรงหน้าทันที
ครู่ต่อมา สัตว์อสูรก็แข็งอยู่กับที่ ราวกับว่ามันเป็นอัมพาตไปแล้ว
ในดวงตาของสัตว์อสูรนั้น สิ่งเดียวที่เห็นในตอนนี้ก็คือดอกบัวที่กำลังดูดพลังวิญญาณของมันอย่างรวดเร็ว…
แม้วิญญาณจะทรงพลังมาก แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับหยางไคมาครั้งหนึ่ง พอถูกวิชาลับบงกชผลิบานเข้าไป ถือว่ามันชะตาของมันได้ขาดลงแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของสัตว์อสูรทุกดวงก็ระเบิดออกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นเบาๆ ราวกับว่ามันทนแรงกดดันมหาศาลที่อยู่ภายในไม่ไหว
หยางไคกวัดแกว่งกระบี่ปราบพันอริขณะที่ร่างของเขาสั่นไหวและหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่
เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็มายืนอยู่ข้างหลังสัตว์อสูรแทน
ตอนนี้มีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนร่างกายกลมๆของสัตว์อสูร เผยให้เห็นอวัยวะภายในครบทุกชิ้น
หยางไคเงื้อมมือไปด้านหลังขณะเรียกกฎฟ้าดินของห้วงมิติโดยรอบและตะโกนขึ้น “ย้ายมิติ!”
หลุมสีดำสนิทปรากฏออกมาและกลืนกินซากของสัตว์อสูรเข้าไปจนหมด เมื่อหลุมดำหายไป ที่นั่นก็เหลือเพียงหยางไคเท่านั้น
พอคลายฝ่ามือออก จะพบว่ามีแก่นอสูรสีแดงเข้มติดมาด้วย!
---------------
อัพเดทข่าวสารล่าสุดและติดตามแฟนเพจนักแปลได้ที่: EP:IC Translation
ฝากผลงานเรื่องอื่นด้วยครับ : คลิกที่รูปโปรไฟล์ด้านล่าง