ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 688 มังกรเก้ามายาสูงสุด (ฟรี)
หลายวันผ่านไปหลังจากบุกยึดจักรวรรดิปีศาจเหมันได้ ซู่เสี่ยวไป่ได้เจอกับโบราณสถานแห่งหนึ่งที่ดูน่าสงสัย และมีกลิ่นไอที่แตกต่างจากที่อื่น แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยกลิ่นไอนี้
เขาได้พาซื่อหลิงกับฉี่ยวเห้อมาที่นี่ ภาพที่พวกมันเห็นคือประตูขนาดยักษ์ที่ดูเก่าแก่อย่างมาก
จากการตรวจสอบของซื่อหลิง มันไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างนี้เลย แม้แต่เฉี่ยวเห้อก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน แต่ทั้งคู่กับรู้สึกถึงบางสิ่งที่กดขี่พวกมัน
ซู่เสี่ยวไป่พูดอย่างเรียบเฉย
“บอกข้าสิ ว่าพวกเจ้าคิดเช่นไรกับสถานที่แห่งนี้ เพราะข้าไม่ได้ให้พวกเจ้ามาดูเฉยๆ ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ข้าไม่อาจเข้าใจอยู่หลังประตูนี้ ข้าเลยพาเจ้าทั้งสองมา”
สีหน้าของเฉี่ยวเห้อนั้นดูไม่สบายใจ หลังจากมองและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง มันจึงพูดขึ้น
“นายท่าน ข้าน้อยขอบอกตามตรง ข้ารู้สึกถึงกระแสพลังอาฆาตและฆ่าฟันที่รุนแรงมากจากหลังประตูนี้ แม้ว่ากระแสพลังนี้จะดูเก่าแก่มากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังแรงกล้า เราทั้งคู่ต่างสัมผัสได้เหมือนกัน และข้ารู้สึกคุ้นเคยกับกระแสพลังนี้”
“พูดต่อ”
ซู่เสี่ยวไป่ฟังแล้วก็คิดตาม เขานั้นสนใจพลังของเผ่ามังกรเก้ามายา ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกคุ้นเคยกลิ่นไอพวกนี้ เพราะมันเหมือนกับกลิ่นไอของเฉี่ยวเห้อ บางทีที่นี่อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรเก้ามายาก็ได้
เผ่ามังกรเก้ามายานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตลำดับต้นๆ ที่ติดตามจักรพรรดิปีศาจในยุคสมัยนั้น พวกมันสร้างสัมผัสและรับรู้ได้ถึงตัวตนผู้กลับชาติมาเกิด หรือสิ่งที่มีอายุยืนยาวได้ เป็นอย่างดี
ซู่เสี่ยวไป่นั้นให้เฉี่ยวเห้อใช้ย้อนรอยนิรันดร์สุดขั้ว เพื่อเปิดนำทางในการเข้าสู่โบราณสถานแห่งนี้
ตอนนี้เฉี่ยวเห้อนั้นอยู่ในเขตแดนภัยพิบัติขั้น 8 ซึ่งเป็นตัวตนสำคัญของอาณาจักรหนึ่งปฐพีอย่างมาก และเป็นที่หวาดกลัวของหลายจักรวรรดิ
“เป็นไปตามคาด หลังประตูนี้มีอาคมผนึกสังหารที่เก่าแก่ซ่อนอยู่! แล้วถ้าสัมผัสของข้าไม่เพี้ยนสิ่งที่อยู่ภายในผนึกอาคมนี้คือผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธ์ของข้า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉี่ยวเห้อ แววตาของซู่เสี่ยวไป่ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
เป็นไปได้ไหมว่าในนี้จะมีความลับของเผ่าพันธ์มังกรเก้ามายาอยู่
ต้องเปิดประตูนี้ออกดู!
ซู่เสี่ยวไป่สั่งให้สองมังกรร่วมมือกับเขาเปิดประตูนี้ออก
ตอนนั้นเองที่ประตูหินที่ดูดำสนิท ก็เปิดออก พร้อมกับไฟอาคมสีแดง สีลูกพุ่งออกมา
ทันทีที่ประตูเปิดออก เฉี่ยวเห้อนั้นรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว และกระโดดถอยหลังเอง แม้แต่ซื่อหลิงก็ยังหวาดกลัวต่อกลิ่นไอนี้ แต่ร่างกายของมันไม่อาจจะขยับไปไหนได้
ซู่เสี่ยวไป่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบดู ปรากฏว่าดวงไฟทั้งสี่ที่พุ่งออกมานั้นคือรูปแบบผนึกของสัตว์เทพทั้งสี่ มังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว เต่าทมิฬ หงส์อมตะ
แต่แรงกดขี่พวกนี้ไม่สามารถทำอะไรเขตแดนภัยพิบัติขั้น 10 ได้ ซู่เสี่ยวไป่เพียงกวาดมือออกไปลูกไฟทั้งสี่ก็สลายหายไปทันที ทำให้เฉี่ยวเห้อและซื่อหลิงขยับตัวได้อีกครั้ง
ลูกไฟที่สลายหายไป กลับไปจุดส่องสว่างขึ้นในโบราณสถานแทน
เมื่อในโบราณสถานสว่างขึ้น ทำให้ทั้งสามถึงกับตกตะลึง
“กระดูกมังกรใหญ่อะไรขนาดนี้!”
สิ่งที่อยู่ต่อหน้านั้นคือโครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่ยักษ์ ยิ่งกว่าร่างของเฉี่ยวเห้อตอนคืนร่างเป็นมังกรเสียอีก
และที่สำคัญที่หางของมันมีดวงแก้วทั้งหมด 9 ดวง!
ซู่เสี่ยวไป่มองไปยังโครงกระดูกมังกรด้วยแววตาที่ตื่นเต้น
“มังกรเก้ามายาสูงสุด! นี่มันคือร่างของมังกรเก้ามายาที่บรรลุดวงแก้วที่ 9 แล้ว”
อย่างที่รู้กันว่ามังกรเก้ามายายิ่งบรรลุพลังสูงขึ้นจะเกิดรัศมีดวงแก้วขึ้นที่หางของมัน และ 1 ดวงแก้วเท่ากับการปิดรอยร้าวบนศิลากาลเวลาประมาณ 10 จุด
ตัวอย่างเช่นเฉี่ยวเห้อนั้นมีรัศมีดวงแก้วที่ 6 เทียบได้กับจ้าวภัยพิบัติขั้น 8
แต่ซากกระดูกมังกรเก้ามายาตัวนี้มีถึง 9 ดวงแก้ว ซึ่งแปลว่ามันซ่อมแซมศิลากาลเวลาได้แล้ว มากกว่า 108 จุด ซึ่งเทียบเท่ากับจ้าวภัยพิบัติขั้น 10 และอาจเหนือขึ้นไปกว่านั้น
เฉี่ยวเห้อสัมผัสถึงกลิ่นไอของร่างกระดูกนี้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย หลังจากนิ่งเงียบอยู่นานมันก็เอ่ยปากพูดขึ้น
“ผู้ที่หลับใหลอยู่ในสถานที่แห่งนี้คือบรรพชนของข้า เรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่อยู่ในจุดสูงสุดของเผ่า และเหลือเพียงอีกก้าวเดียว จะเข้าถึงเขตแดนที่เหนือกว่าจ้าวภัยพิบัติขั้น 10
ซู่เสี่ยวไปมองไปรอบๆ ก็พอจะรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง
“ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิปีศาจ เผ่าพันธ์ของแกคงเปรียบเสมือนโรคร้ายและหายนะของพื้นที่เก่าแก่ ทำให้ถูกจ้าวภัยพิบัติที่ทรงพลังทั้งสี่ผนึกไว้สินะ”
เฉี่ยวเห้อพยักหน้า
“จ้าวภัยพิบัติชิงหลง จ้าวภัยพิบัติหวงจู๋ จ้าวภัยพิบัติไป่ฮู่ และจ้าวภัยพิบัติเซียวหวู่ ทั้งหมดคือสี่เทพมหาภัยพิบัติที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคเก่าแก่ พวกเขาหวาดระแวงว่าบรรพชนของข้านั้นจะอยู่เหนือการควบคุมของพวกเขา ทำให้ทั้งสี่ร่วมมือกันผนึกบรรพชนของข้าไว้ที่นี่จนเสียชีวิต”
เห็นได้ชัดเลยว่าผนึกที่ขังมังกรเก้ามายาตัวนี้เอาไว้ แตกต่างจากผนึกที่ขังเฉี่ยวเห้อและซื่อหลิงเอาไว้มาก มันดูทรงพลังกว่ามาก
สิ่งนี้มีตั้งแต่ในยุคสมัยแรกเริ่ม ทุกสิ่งมีชีวิตยังไม่ได้แบ่งแยกกันทั้งพื้นที่เก่าแก่ และเผ่าปีศาจ ยังอาศัยอยู่ในภพเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปบางสิ่งก็ย่อมสูญสลายไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกับมังกรเก้ามายาสูงสุด
เฉี่ยวเห้อเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างองอาจ
“แต่เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนนี้จักรพรรดิปีศาจไม่อยู่อีกแล้ว และพวกเราทั้งคู่ก็สวามิภักต่อนายท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องในอดีตก็ปล่อยให้สายลมพัดผ่านไป”
ก่อนที่เฉี่ยวเห้อจะมองดูกระดูกของบรรพชนตัวเอง
“โครงกระดูกนี้มีมูลค่าสูงมาก หากว่านายท่านนำกลับไปมันจะเป็นดังสมบัติล้ำค่าของอาณาจักร”
“ซู่เสี่ยวไป่ส่ายหัว
“ถ้าหากข้าเข้าใจไม่ผิด เผ่าพันธ์ปีศาจสามารถสืบทอดพลังต่อกันได้ แม้ว่ามังกรเก้ามายาตัวนี้จะล้มตายไปนานแล้ว แต่พลังที่มันหลงเหลืออยู่ภายในกระดูกพวกนี้ คงมีประโยชน์กับเจ้ามากกว่าเฉี่ยวเห้อ เพราะงั้น ดูดกลืนกระดูกบรรพชนของเจ้าเถอะ”
“นายท่าน!”
เฉี่ยวเห้อถึงกับซาบซึ้งจนน้ำตาไหล เขาไม่คิดว่าซู่เสี่ยวไป่จะเมตตาและช่วยเหลือเขาขนาดนี้
แต่แท้จริงแล้วซู่เสี่ยวไป่ตั้งใจจะหมุนเวียนร่างกระดูกนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อให้ระบบตีราคาแล้ว มันได้มูลค่าต่ำมาก กลับกันหากเขาให้เฉี่ยวเห้อไป มันจะเกิดประโยชน์มากกว่า อีกอย่างเฉี่ยวเห้อก็ไม่ต่างจากมือขวาของเขาอยู่แล้ว การมีผู้ติดตามที่แข็งแกร่งก็เป็นเรื่องที่น่าลงทุน
แล้วเซี่ยวเห้อก็ดูดซับกระดูกของบรรพชนเข้ามาในร่างทันที และการสำรวจโบราณสถานแห่งนี้ก็จบสิ้นลง
แล้วซู่เสี่ยวไป่เองก่อนหน้าที่จะมาเจอสถานที่แห่งนี้ เขาเองก็เจอแหล่งสมบัติอีกมากมายที่ยังไม่ได้เข้าไป และสัมผัสได้ถึงอาคมป้องกันระดับสูงหลายแห่ง ซึ่งสิ่งที่อยู่ภายในนั้นต้องน่าสนใจอย่างแน่นอน
“วิชาภัยพิบัติเป็นสิ่งที่เราต้องการมากที่สุด ระบบให้เงากระจายตัวกันออกไป ตามหากลิ่นไอของสมบัติให้ทั่ว”
แววตาของซู่เสี่ยวไป่ลุกโชนราวกับไฟ ความกระหายในวิชาภัยพิบัติของเขาเวลานี้สูงมาก มันเป็นตัวแปรสำคัญในการซ่อมแซมศิลากาลเวลาของเขา
ซู่เสี่ยวไป่เดินทางต่อกับซื่อหลิง และไปยังโบราณสถานต่อไป
สถานที่ที่มาถึงใหม่นั้น มีความแตกต่างจากโบราณสถานที่ผนึกมังกรเก้ามายาสูงสุด มันไม่ใช่โบราณสถานในยุคแรกเริ่ม แต่เป็นโบราณสถานในยุคนี้ ในช่วงเวลานี้วิชาภัยพิบัติต่างๆ นั้นได้ก่อรูปร่างขึ้นมาแล้ว และล้วนเป็นวิชาที่ทรงพลัง