ตอนที่ 352 หุ่นยนต์!
ตอนที่ 352 หุ่นยนต์!
เมืองทั้งเมืองเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับปริมาณน้ำทะเลนับไม่ถ้วนผสมกับก้อนหินที่ทะลักเข้ามาจนทำให้เมืองจมอยู่ใต้น้ำในชั่วพริบตา
เซี่ยเฟยใช้มือจับผนังเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังประตูที่ปิดสนิท และถึงแม้ว่าน้ำทะเลจะไม่สามารถสังหารเขาได้ง่าย ๆ แต่มวลน้ำมหาศาลที่มาพร้อมกับเศษหินดินทรายก็อันตรายกว่ามวลน้ำตามปกติอย่างสิ้นเชิง
โชคดีที่ประตูของอารยธรรมโบราณแข็งแรงมากและโครงสร้างของอาคารแห่งนี้ก็แข็งแรงมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมันได้ถูกมวลน้ำทะลักเข้ามาปะทะ มันก็แค่เกิดอาการสั่นสะเทือนในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่มันจะกลับมาอยู่ในสถานการณ์ที่เงียบสงบราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เกือบไปแล้ว ถ้านายช้ากว่านี้อีกหน่อย ไม่แน่นายก็อาจจะถูกฝังอยู่ใต้ทะเลลึกไปแล้วก็ได้” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“อย่าพึ่งสบายใจไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะปลอดภัยแต่อย่าลืมว่าทางออกทั้งหมดถูกปิดกั้นเอาไว้หมดแล้ว ตอนนี้พวกเราเหลืออยู่เพียงแค่ 2 ทางเลือกคือการพยายามดิ้นรนหลบหนีออกไปด้วยตัวเอง หรือรอคอยให้คนอื่นลงมาช่วยพวกเรา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างไม่ลดท่าทีลงเลยแม้แต่น้อย
คำอธิบายนี้ทำให้อันธพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันพวกเขาถูกขังอยู่ใต้เศษหินดินทรายจำนวนหลายร้อยตันอยู่จริง ๆ และถึงแม้ว่าสมาพันธ์จัสทิสจะระดมเรือดำน้ำลงมาให้การช่วยเหลือ แต่การพยายามกู้เศษซากเมืองโบราณก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี ส่วนการพยายามหาทางออกด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
เซี่ยเฟยพยายามสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างรอบคอบ และถึงแม้ว่าเขาจำเป็นจะต้องคิดถึงแผนการหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่อย่าลืมว่ามันได้มีคนเข้ามาในอาคารก่อนเขาด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าคนที่เข้ามาก่อนจะเป็นมิตรหรือศัตรู แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าชายหนุ่มไม่มีข้อมูลของคนพวกนั้นเลย
เมื่อเดินไปตามทางเดินแคบ ๆ ที่ทอดยาวทั้งสองฝั่งก็มีห้องแยกย่อยอยู่อย่างมากมาย ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้ใช้วิชาพรางจิตในระหว่างการเดินทาง และพยายามค้นหาร่องรอยของผู้ที่เข้ามาในอาคารก่อนตัวเขา
หากพิจารณาจากสภาพภายในอาคารแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ดูคล้ายอาคารสำนักงานธรรมดาที่มีหน้าที่ในการจัดการเอกสารของธุรกิจ
เซี่ยเฟยไม่ลืมเก็บอุปกรณ์สำนักงานจากอารยธรรมโบราณทุกอย่างที่เขาพบ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถหนีรอดออกไปจากที่นี่ได้ อุปกรณ์เล็กน้อยพวกนี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่มีประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย
เศรษฐีบางคนมีนิสัยชอบสะสมสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากอารยธรรมโบราณ แต่มันก็มีเพียงแค่คนโง่เท่านั้นที่จะยอมขายวัตถุโบราณเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินสตาร์คอยน์ ท้ายที่สุดวัตถุโบราณก็สามารถนำไปแลกเปลี่ยนกับสิ่งของที่มีค่าเท่า ๆ กันได้ ซึ่งสิ่งของพวกนั้นเป็นสมบัติที่ถึงแม้ว่าจะมีเงินก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อได้
แม้ว่าอาวุธอุปกรณ์ในช่วงเริ่มต้นจะสามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน แต่สำหรับอาวุธอุปกรณ์ชั้นยอดมีเอาไว้สำหรับการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่พวกเขาต้องการเท่านั้น มันจึงทำให้อาวุธอุปกรณ์ชั้นยอดไม่สามารถที่จะถูกตีค่าได้ด้วยเงิน
“เลือด!” เซี่ยเฟยร้องอุทานพร้อมกับก้มลงเพื่อตรวจสอบคราบเลือดที่ติดอยู่บนพื้น
เมื่อพิจารณาจากคราบเลือดที่หยดอยู่ตามพื้น มันก็ดูเหมือนกับว่าผู้บาดเจ็บกำลังพยายามหลบหนีอย่างสิ้นหวัง และเมื่อเซี่ยเฟยนำนิ้วไปแตะที่คราบเลือดเบา ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงความอุ่น ซึ่งหมายความว่าผู้บาดเจ็บเพิ่งจะเคลื่อนที่ผ่านบริเวณนี้ไปเพียงแค่ไม่นาน
ทันใดนั้นหุ่นยนต์ทำความสะอาดที่มีความสูงประมาณเอวก็เคลื่อนที่มาจากระยะไกล โดยมันหมุนล้อยาง 2 ล้อเข้ามาใกล้ ๆ เพื่อทำความสะอาดคราบเลือดที่ติดอยู่ตามพื้นของอาคาร
“หุ่นยนต์?! ทำไมมันถึงไม่ทำร้ายนายล่ะ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
ตำนานเล่าขานเอาไว้ว่าหุ่นยนต์เป็นผู้ทรยศของมนุษย์ และพวกมันจะกำจัดมนุษย์ทุกคนที่พวกมันได้พบเห็น แต่เจ้าหุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวนี้กลับดูไม่มีเจตนาร้ายเลยสักนิด มันยังคงมุ่งหน้าตรงมาทำความสะอาดโดยไม่คิดที่จะสนใจเซี่ยเฟยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ด้วยซ้ำ
“มันเป็นหุ่นยนต์กึ่งอัจฉริยะที่สามารถรับคำสั่งของมนุษย์ได้ แต่มันก็ไม่มีส่วนประกอบของปัญญาประดิษฐ์ มันจึงไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากยกหุ่นยนต์ทำความสะอาดขึ้นมาพิจารณาโดยละเอียด
อันธพยักหน้ารับ เพราะตามตำนานมันได้บอกว่าหุ่นยนต์ที่ทรยศมนุษย์คือหุ่นยนต์ที่มีปัญญาประดิษฐ์ระดับสูง ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไร้ปัญญาประดิษฐ์เหมือนกับหุ่นยนต์ทำความสะอาดตัวนี้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องยอมรับว่าหุ่นยนต์จากอารยธรรมโบราณคือสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์จริง ๆ เพราะถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านไปเนิ่นนานหลายหมื่นปี แต่เจ้าหุ่นยนต์ตัวเล็กตัวนี้ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างแม่นยำ
เซี่ยเฟยปิดสวิตช์การทำงานของหุ่นยนต์ทำความสะอาด ก่อนที่เขาจะโยนมันเข้าไปเก็บในแหวนมิติเหมือนกับวัตถุโบราณชิ้นอื่น ๆ
‘บนเบโอเนทไม่มีใครคอยทำความสะอาดอยู่พอดี เจ้านี้น่าจะพอเป็นเครื่องทำความสะอาดประจำยานรบได้’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
การทำงานบ้านถือว่าเป็นฝันร้ายของผู้ชายมาโดยตลอด โดยเฉพาะหลังที่เซี่ยเฟยได้ทำการปรับปรุงยานรบของเขาใหม่ มันก็ทำให้พื้นที่หลาย ๆ แห่งกลายเป็นจุดที่มนุษย์เข้าไปทำความสะอาดได้ยาก ซึ่งการได้หุ่นยนต์ทำความสะอาดมาคอยประจำยานรบอยู่แบบนี้ มันก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเขาอยู่ไม่น้อย
ท้ายที่สุดหุ่นยนต์ก็สามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมันก็จะช่วยทำให้สภาพภายในยานรบของเขาสะอาดเหมือนใหม่ และที่สำคัญคือเขาไม่จำเป็นที่จะต้องคอยทำความสะอาดยานรบด้วยตัวเอง
“เจ้าหุ่นยนต์ตัวน้อยนี่น่าจะเช็ดคราบเลือดมาตั้งแต่ต้นทาง ถ้าเราตามเส้นทางของมันไปพวกเราก็อาจจะหาร่องรอยของเจ้าของเลือดนี้เจอก็ได้” อันธกล่าว
“หุ่นยนต์ตัวน้อย... ไอ้ตัวน้อย... ขนอุย!!” ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ตระหนักได้ว่าเขาได้เก็บขนอุยเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ และก่อนหน้านี้เขาก็พึ่งดำน้ำมาเป็นเวลานาน เขาจึงไม่รู้ว่าเจ้าก้อนได้สำลักน้ำตายไปแล้วหรือยัง
เซี่ยเฟยพยายามถอดชุดและหยิบขนอุยออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่เขาเห็นคือมันยังคงนอนหลับสนิทคล้ายกับว่าน้ำทะเลไม่สามารถทำอันตรายกับมันได้เลยแม้แต่น้อย
ภาพที่ปรากฏขึ้นถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะมันไม่น่าเชื่อเลยว่าขนอุยจะสามารถทนต่อสภาวะขาดอากาศได้เป็นเวลานาน และแรงดันน้ำยังไม่สามารถทำอันตรายเจ้าตัวเล็กตัวนี้ได้เลยทั้ง ๆ ที่แรงดันน้ำก่อนที่เขาจะได้เข้าเมืองมีความรุนแรงมากพอที่จะทำให้เขาหายใจเข้าออกได้อย่างยากลำบากด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวน้อยยังคงนอนหลับได้สบาย ๆ ราวกับว่าแรงดันพวกนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของมันเลยสักนิด
เมื่อเห็นว่าขนอุยยังคงนอนหลับอย่างปลอดภัย เขาก็เก็บมันไปไว้ในกระเป๋าเสื้อตามเดิม จากนั้นเขาก็เดินตามทางเดินไปอย่างระมัดระวังเพื่อพยายามค้นหาร่องรอยของบุคคลปริศนาที่เข้ามาในอาคารก่อนตัวเขาเอง
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากในระยะไกล ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่ามันได้มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กำลังต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง
‘หรือว่ามันจะมีคนเข้ามาในนี้มากกว่า 4 คน?’
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปข้างหน้าก่อนจะซ่อนตัวอยู่หลังประตูและเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านใน
ภาพที่ปรากฏคือห้องนี้เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์บัญชาการ ที่สำคัญคือมันกำลังมีมนุษย์ 4 คนกำลังต่อสู้กับหุ่นยนต์มากกว่า 10 ตัว!
ช็อก!
โคตรช็อก!
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะมีโอกาสได้พบกับหุ่นยนต์กบฏในตำนาน!!!
จากรูปร่างภายนอกหุ่นยนต์ที่กำลังล้อมรอบมนุษย์ทั้งสี่คนเอาไว้น่าจะเป็นหุ่นยนต์อัจฉริยะที่มีเอาไว้สำหรับการรักษาความปลอดภัย โดยแขนของพวกมันมีความแหลมคมราวกับมีดผ่าตัด และแม้แต่ชุดต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีก็คงจะถูกตัดขาดจากคมมีดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
มนุษย์ทั้งสี่ถูกปิดล้อมให้หันหลังชนกัน และ 1 ใน 4 คนนั้นคือมู่เสียวเต๋าผู้ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้เก่าของเซี่ยเฟย!
มู่เสียวเต๋าถือมีดผีเสื้อเล่มเก่งเอาไว้ในมือ ขณะที่มืออีกข้างถือโล่อัลลอยที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ซึ่งมันก็น่าจะเป็นร่องรอยของการรับการโจมตีของหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยพวกนี้
อีก 3 คนคือหญิงสาววัยประมาณ 30 ปีและชายกำยำผิวแทน 2 คน โดยหนึ่งในนั้นมีรอยแผลกรีดยาวอยู่บริเวณแขนซ้ายและเขาก็น่าจะเป็นเจ้าของเลือดที่เซี่ยเฟยได้เห็นในก่อนหน้านี้
มนุษย์ทั้งสี่พยายามใช้พลังพิเศษต่อสู้กับหุ่นยนต์อย่างสุดกำลัง แต่น่าเสียดายที่พวกหุ่นยนต์มีพลังป้องกันที่สูงมากเกินไป ทำให้การโจมตีโดยปกติแทบที่จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้เลย แต่ในทางตรงกันข้ามการฟาดฟันของหุ่นยนต์พวกนี้มากพอที่จะจบชีวิตของมนุษย์ได้อย่างสบาย ๆ
ฉัวะ!
ชายคนหนึ่งถูกมีดของหุ่นยนต์แทงทะลุหน้าอกพร้อมกับถูกกระแทกให้กระเด็นออกไปหลายสิบเมตร ก่อนที่ร่างของเขาจะกระแทกเข้ากับตู้โลหะเสียงดัง จนทำให้ตู้โลหะยุบตัวลงไปเกิดเป็นร่องรอยที่น่าหวาดกลัว
การจู่โจมในครั้งนี้รุนแรงมากและมันยังเป็นการจู่โจมเข้าใส่จุดสำคัญ มันจึงทำให้ชายคนนี้สิ้นใจภายใต้การจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว
“ซานเหนียงถ่วงเวลาให้ฉันที” มู่เสียวเต๋ากัดฟันหันไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนที่เธอจะดึงระเบิดกำหนดทิศทางขว้างออกไปด้านหน้าเพื่อทำลายหุ่นยนต์
ระเบิดแบบกำหนดทิศทางเป็นระเบิดที่ถูกออกแบบมาให้ส่งแรงระเบิดในทิศทางที่กำหนดเท่านั้น และมันก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทหารที่อยู่ในกองกำลังจู่โจมพิเศษ
ตูม!
แรงระเบิดอันทรงพลังทำให้หุ่นยนต์กว่าเจ็ดตัวกระเด็นออกไปไกลนับสิบเมตร ซึ่งมู่เสียวเต๋าก็ได้ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นในการใช้วาเนสซ่าเพื่อดึงหุ่นยนต์ที่เหลือกว่า 10 ตัวเข้าสู่มิติจินตภาพของตัวเอง
เมื่อมู่เสียวเต๋านำหุ่นยนต์กว่า 10 ตัวเข้าไปในมิติจินตภาพ มันก็ช่วยลดแรงกดดันของผู้หญิงและผู้ชายอีกคนลงไปมาก
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะสามารถกำจัดหุ่นยนต์ไปได้อีกสองตัว แต่พวกเขาก็ใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดของตัวเองเต็มที
“พวกเราควรจะทำยังไงดี?” อันธถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“พวกเราก็แค่ปล่อยให้พวกเขาสู้กัน แล้วพวกเราค่อยจบการต่อสู้นี้ทีหลังน่ะสิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกรอยยิ้มขึ้นมาด้วยท่าทีที่ชั่วร้าย
“นายจะปล่อยตาอินกับตานาตีกันไปสินะ แล้วนายค่อยทำตัวเป็นตาอยู่ออกไปคว้าผลประโยชน์ทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง” อันธกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังวางแผนฉกฉวยโอกาสในครั้งนี้อยู่นั้น จู่ ๆ เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามแผนการที่เขาได้วางเอาไว้
ทันใดนั้นมันก็ได้มีหุ่นยนต์ตัวหนึ่งลอยออกมาจากประตูฝั่งตรงข้าม โดยมันเป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างคล้ายหยดน้ำกลับหัว, มีส่วนสูงประมาณหัวเข่าและใช้ระบบแม่เหล็กไฟฟ้าในการเคลื่อนที่
“มนุษย์ถูกคุกคาม! กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์!!”
“หยุด! หุ่นยนต์ห้ามโจมตีมนุษย์!!”
“หุ่นยนต์ที่ไม่ทรยศมนุษย์งั้นเหรอ?” หญิงชายที่พยายามต่อสู้อย่างสิ้นหวังต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
ตูม!
แน่นอนว่าหุ่นยนต์ที่อ่อนแออย่าง ‘กระป๋อง’ จะสามารถต่อสู้กับหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยได้ยังไง มันจึงถูกหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยกระแทกกระเด็นออกไปในการจู่โจมเพียงแค่ครั้งเดียว
“ไอ้พวกหุ่นยนต์ไม่ดี! กระป๋องจะไม่ยอมให้พวกนายทำร้ายมนุษย์” หุ่นยนต์ตัวน้อยพยายามรีบลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องมนุษย์อีกครั้ง
น่าเสียดายที่มันเป็นหุ่นยนต์ที่อ่อนแอและไม่มีความสามารถในการต่อสู้อยู่เลย ดังนั้นมันจึงทำได้เป็นเพียงแค่กระสอบทรายให้หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยทำร้ายมันซ้ำ ๆ
ตูม!
การปะทะในครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง มันจึงทำให้หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยล้มลงไปกระแทกกับพื้น ขณะเดียวกันกระป๋องก็ล้มลงกับพื้นด้วยความงุนงง โดยมันได้มีภาพเหมือนดวงดาวกำลังหมุนวนอยู่ในดวงตาของมัน
เหตุการณ์นี้ทำให้หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเริ่มรู้สึกโกรธ ดวงตาของมันจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเริ่มเข้าทิ่มแทงกระป๋องอย่างดุเดือด
จึ๊ก!
คมมีดแทงทะลุหน้าอกของกระป๋องจนไปโผล่ทางด้านหลัง ขณะเดียวกันดวงตาสีเขียวของกระป๋องก็ค่อย ๆ หรี่ลงคล้ายกับมันกำลังจะหยุดการทำงาน
“หุ่นยนต์ต้องเชื่อฟังคำสั่งของมนุษย์! หุ่นยนต์ต้องปกป้องมนุษย์!” กระป๋องพูดด้วยน้ำเสียงที่ใกล้จะหยุดการทำงาน พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างคว้าจับขาของหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเอาไว้
ผัวะ!
หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยตบเข้าใส่กระป๋องอย่างแรง จนทำให้ร่างของหุ่นยนต์ตัวน้อยกระแทกลงไปกับพื้น
“มนุษย์ถูกคุกคาม! กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์เอาไว้ให้ได้” หุ่นยนต์ตัวน้อยยังคงดิ้นรนจับขาหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยเอาไว้ต่อไป แม้ว่ามันจะถูกจู่โจมเข้าใส่ซ้ำ ๆ นับ 10 ครั้งแล้วก็ตาม
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงและเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกภายในใจของตัวเองว่ายังไงดี
‘กระป๋องคือหุ่นยนต์โบราณจริง ๆ เหรอ?’
ตูม!
กระป๋องถูกตบครั้งแล้วครั้งเล่าแต่มันก็ยังคงพยายามลุกกลับขึ้นมาโดยไม่ยอมแพ้
จิตวิญญาณนักสู้ของกระป๋องทำให้เซี่ยเฟยนึกถึงพลังของมนุษย์ที่จะระเบิดออกมา ในขณะที่มนุษย์ใกล้ที่จะถึงแก่ความตาย
“กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์! กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์เอาไว้ให้ได้!” เสียงของกระป๋องเริ่มอ่อนกำลังลงเรื่อย ๆ ซึ่งบาดแผลบนหน้าอกของมันก็ได้ทำลายระบบพลังงานของมันไปแล้วมากกว่าครึ่ง
“เจ้าหุ่นยนต์ตัวน้อยตัวนี้พยายามจะปกป้องมนุษย์แม้ว่ามันจะถูกทำลายงั้นเหรอ?”
ตูม!
กระป๋องถูกหุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยตบคว่ำลงไปบนพื้นอีกครั้ง และในครั้งนี้มันก็อ่อนแอเกินกว่าจะลุกกลับขึ้นมาได้อีกต่อไป แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังพยายามคลานไปบนพื้นและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนแรงอย่างไม่ยอมแพ้
“กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์... กระป๋องต้องปกป้องมนุษย์เอาไว้ให้ได้”
อันธมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างคาดหวัง ซึ่งในแววตาของเขากำลังบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่สามารถทนดูสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไปแล้ว
แต่ทันใดนั้นร่างของมู่เสียวเต๋าและซากหุ่นยนต์เป็นจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน และถึงแม้ว่ามู่เสียวเต๋าจะสามารถทำลายหุ่นยนต์พวกนี้ได้สำเร็จ แต่ตัวเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน
“เจ้าโง่ หยุดสักทีเถอะ!” เซี่ยเฟยอุทานขณะจ้องมองไปยังกระป๋องที่กำลังคลานอยู่บนพื้นดิน โดยไม่ได้สนใจมู่เสียวเต๋าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาเลย
ความพยายามของกระป๋องสามารถสั่นคลอนจิตใจของชายหนุ่มได้จริง ๆ เพราะถึงแม้ว่าร่างของมันใกล้ที่จะถูกทำลาย แต่ปากของมันก็ยังคงพร่ำบอกเรื่องปกป้องมนุษย์แม้ว่ามันแทบจะไม่เหลือพลังงานแล้วก็ตาม
“ไปลงนรกกันให้หมด!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“ฆ่าพวกมันให้หมดเดี๋ยวนี้!!” อันธตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าเช่นเดียวกัน
***************
หุ่นยนต์ข้าใครอย่าแตะ!!