เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 9 - มุมมองของทาส
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 9 - มุมมองของทาส
...อึก...
ความตายเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?
ข้ากำลังจะตายใช่ไหม?
ถูกทิ้งไว้บนพื้นแข็งอันหนาวเหน็บอยู่ตัวคนเดียว?
ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้
โลกใบนี้ช่างโหดร้ายนัก
ข้าเป็นมนุษย์กิ้งก่าที่เติบโตในฟัลมาร์โน
มีตำนานในดินแดนบ้านเกิดของข้าที่กล่าวว่า “ชั่วชีวิตของเจ้าจะปรากฏขึ้นมาเมื่อเจ้ากำลังจะตายลง”
ข้ามองดูบทชีวิตของข้าที่กำลังแล่นผ่านสายตาด้วยความอ่อนล้า
ข้าเกิดมาในครอบครัวเป็นลูกคนที่เจ็ด
กับพี่ชายสามคนและพี่สาวสามคนที่อายุมากกว่าข้า
ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านในป่าอย่างมีความสุข
แต่แล้วข้าก็เกิดมา
โอกาสในการเกิดที่ประสบความสำเร็จนั้นน้อยมาก และพ่อแม่ของข้าก็ไม่คาดหวังว่าข้าจะรอดชีวิต
เผ่าของข้าจะวางไข่สีขาวในรัง และแม่ของข้ามีไข่เจ็ดฟอง แต่มีเพียงหกฟองเท่านั้นที่เป็นสีขาว
ส่วนของข้าเป็นสีม่วง
แม้ว่าข้าจะเติบโตขึ้น สีของเกล็ดของข้าก็แตกต่างจากครอบครัวของข้า นอกจากนี้ข้ายังเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่จำเป็นในการเป็น [นักสู้]
ด้วยความสามารถ ย่อมมาพร้อมกับพลังที่มีศักยภาพ มนุษย์กิ้งก่าทุกตนเคารพและมุ่งมั่นเพื่อพลัง ข้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าพี่น้องของข้าทุกตนและอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน
ใช่แล้ว "อาจจะ"
ข้าถูกรังเกียจและถูกทารุณ เนื่องจากสีของเกล็ดข้า
พวกเขาเรียกข้าว่าถูกสาปและรังแกข้า ดูหมิ่นข้า จนถึงขั้นพยายามขับไล่ข้าออกจากหมู่บ้านไป
กระทั่งพ่อของข้าเอง
บางครั้งข้าถูกลงโทษด้วยเหตุผลอย่าง “พวกเขาได้รับบาดเจ็บพยายามตีเจ้า เพราะอย่างนั้นมันคือความผิดของเจ้า”
แต่โชคดีที่ข้ามีแม่ที่ใจดีของข้า และมีชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ช่วยข้าเช่นกัน พวกเขามักจะแอบนำอาหารมาให้ข้า เมื่อข้าต้องถูกอดอาหาร
นั่นคือวิถีชีวิตของข้า
แต่มนุษย์กิ้งก่าเป็นสังคมอุปถัมภ์ เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดของครอบครัวตัดสินใจ คนนอกครอบครัวก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้
และด้วยเหตุนี้ ตัวข้าจึงถูกทารุณกรรมโดยพ่อของข้าเอง
ข้าไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตในอนาคตอย่างไรในบ้านแบบนี้ ข้าจะบรรลุศักยภาพในอนาคตของการเป็น [นักสู้] ได้อย่างไร?
และวันหนึ่ง เมื่อแม่ของข้าพยายามจะให้อาหารข้าโดยไม่บอกให้พ่อของข้ารู้ นางก็ถูกฆ่าตาย
แม่ของข้าถูกฆ่าด้วยมือของพ่อขี้เมาของข้า
เขาบีบคอนางและบิดคอของนางจนเสียงดังสนั่น ตัวของนางเย็นชาและนิ่งไปตลอดกาล
ความหวังเดียวของข้าก็หายไปตลอดกาลเช่นกัน
จากนั้นวันหนึ่ง พ่อค้าทาสก็เข้ามาในหมู่บ้านของเรา พ่อค้าเห็นว่าตัวข้ามีศักยภาพที่จะเป็น [นักสู้]
พ่อค้าทิ้งถังแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ไว้ในบ้านของเรา และพ่อของข้าก็ปล่อยให้พ่อค้าพาตัวข้าไป
ข้าหมดหวังกับชีวิตจนไม่สนใจเรื่องที่ข้าจะกลายเป็นทาสสักนิดเดียว
โดยปกติแล้ว นักค้าทาสจะนำทาสของพวกเขาไปยังตลาดทาสเพื่อเสริม "ราคา" และพยายามขายให้ได้ในราคาดีๆ
แต่พ่อค้าทาสคนนี้กลับพาข้าไปเร่ขายบนท้องถนน ในชั่วพริบตาข้าก็ถูกขายให้พ่อค้าอีกคน
พ่อค้าคนนั้นโยนขนมปังสีดำสองชิ้นและที่ขุดมาให้ข้า
ทาสคนอื่นๆ ที่มีร่างกายดีกว่าข้าก็ได้รับของแบบเดียวกัน
พ่อค้าคนนี้กำลังเดินทางไปที่เหมืองร้าง
ดูเหมือนว่าเขาจะทราบข่าวลือว่ามีแร่มิธริลอยู่ในเหมือง
แต่เนื่องจากปริมาณของแร่มิธริลนั้นน้อยเกินไป สมาคมการขุดจึงไม่สนใจที่จะขุดด้วยตัวเอง
นอกนั้นข้าก็ไม่รู้อะไรแล้ว เพราะตัวข้าเป็นเพียงแค่ทาส
ทว่าเมื่อข้าเข้าไปในพื้นที่โดยรอบเหมือง ข้าก็คิดทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
สถานที่นี้ควรจะถูกทิ้งร้าง แต่กลับมีที่พักอันเรียบง่ายที่สะอาดและเป็นระเบียบ
สามวันหลังจากนั้น เราก็ประสบปัญหาใหญ่
เราถูกโจมตีโดยหมาป่าที่มาจากไหนก็ไม่รู้
หมาป่าพวกนี้ไม่ใช่หมาป่าทั่วไป พวกมันเป็นสัตว์วิเศษ
ถ้ามันเป็นเพียงหมาป่าวิเศษ มันอาจจะไม่ได้มีปัญหา แต่พวกมันมีระเบียบมาก ราวกับว่ามีปรมาจารย์หุ่นเชิดอยู่เบื้องหลัง คอยสั่งการให้พวกมันทำเช่นไร
มันตัดเส้นทางหลบหนีของเราทั้งหมด
พ่อค้า ซึ่งเป็นเจ้านายของเราเพียงแค่สั่งให้ทุกคน “เสียสละตัวเองและช่วยเขา” พร้อมกับหลบหนีไปตัวคนเดียว
ทาสคนอื่นๆ ถูกฆ่าตายอย่างเชื่องช้าทีละคน
ข้าไม่เคยมีสภาพร่างกายที่ดี เพราะถูกทารุณกรรมและยังสูญเสียขาก่อนที่จะพยายามตอบโต้เสียอีก
ในตอนนั้นเอง หมาป่าขนาดยักษ์ที่มีขนสีทองส่องแสงออกมาจากป่า โดยมีพ่อค้าที่ตายแล้วห้อยอยู่ระหว่างเขี้ยวของมัน
ด้วยการตายของเจ้านายของข้า ข้าก็ได้รับการปลดปล่อยออกจากสัญญาทาสที่มีผลการผูกพันอย่างน่าอัศจรรย์
ทาสคนอื่นๆ ก็ตระหนักเช่นเดียวกัน ทุกคนจึงพยายามหลบหนี
แต่ความพยายามหลบหนีแต่ละครั้งก็ล้มเหลว พวกเขาแต่ละคนถูกฆ่าจนคนที่เหลือเริ่มหมดหวัง
ข้าลากร่างที่ถูกทุบตีผ่านถ้ำด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด สุดท้ายข้าก็ขยับร่างเล็กๆ จนมาถึงถ้ำที่อยู่ด้านข้าง
หมาป่าตัวอื่นๆ อาจจะไม่ได้สังเกตเห็นข้า แต่หมาป่าสีทองตัวมหึมาเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ
ข้ากำลังจะตายแล้ว
ข้ากำลังถูกผู้นำของเหล่าหมาป่ากิน
แต่แล้ว เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา
“โอ้พระเจ้า เจ้าทำยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว”
หมาป่าที่ก่อนหน้านี้เงียบสงบและนิ่งเฉยกลับคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว มันหันกลับไปและอ้าปากของมัน
เมื่อไฟออกมาจากปาก ข้าถึงกับตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ นั่นมันคืออะไรกัน? เวทย์ไฟงั้นเหรอ?
หมาป่ายักษ์ยิงไฟไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังออกมา
ข้าไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดและสัตว์ใช้เวทมนตร์มาก่อนเลย เคยได้ยินแค่ในเรื่องเล่าเท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ข้าตกใจมากกว่านั้นคือเสียง มันเป็นเสียงของเด็กคนหนึ่ง
เมื่อไฟจากหมาป่ายักษ์หายไป กำแพงหินก็โผล่เข้ามาในสายตาของข้า
เด็กชายที่ดูเด็กกว่าข้าหนึ่งปีก้าวออกมาจากหลังกำแพง
หมาป่ายักษ์ยังคงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่ได้โจมตีเด็กหนุ่มต่อไป
"เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วน่า ใจเย็นๆ ก่อนและหยุดทำลายข้าวของของข้าได้แล้ว! หรือข้าจำเป็นต้องอ้อนวอนและคุกเข่าต่อหน้าท่านอาร์คอนผู้ยิ่งใหญ่? ราชาแห่งขุนเขาทั้งมวลบนโลก?”
หมาป่ายักษ์ตอบด้วยเสียงฮึดฮัด
เด็กหนุ่มมองมาที่ข้า ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“ข้าทำข้อตกลงกับเจ้าดีไหม? เจ้าสามารถกินเนื้อสัตว์ที่ผ่านการบ่มพวกนี้ได้ทั้งหมด และข้าจะขอเด็กสาวที่อยู่ข้างหลังเจ้า” เด็กชายหยิบกองเนื้อหลายอันออกมาจากที่ใดก็ไม่ทราบผ่านอากาศบางๆ
อาร์กอนผู้ยิ่งใหญ่ยังคงคำรามต่อไป
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าสามารถเอาเนื้อมิลโทว์ที่ผ่านการบ่มไปแล้วได้เลย” และก็เป็นอีกครั้งที่เด็กชายหยิบกองเนื้อออกมา คราวนี้ก้อนเนื้อมันใหญ่กว่าเดิมมาก
จากนั้นเมื่อสติของข้าเริ่มเลือนหายไป ข้าก็เห็นราชาแห่งขุนเขาจากไป รวมทั้งเหล่าหมาป่าในฝูงด้วย
อีกทั้งข้ายังได้ยินคำว่า “อาการบาดเจ็บของเจ้ารุนแรงมาก อดทนไว้นะ!” พร้อมกับทุกอย่างในสายตาของข้าเลือนหายไปในความมืดมิด
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ข้าก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันนั้น ช่วงเวลาที่ข้าอยู่ในอ้อมแขนของท่าน
ข้ารู้สึกขอบคุณมาก
ถ้าวันนั้นข้าไม่ถูกท่านรับเอาไว้ ข้าคงไม่รู้เลยว่าการทานอาหารที่ยอดเยี่ยมเป็นเช่นไร
ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการหัวเราะด้วยความสุขเป็นอย่างไร หรือการรักใครสักคนเป็นเช่นไร
รักใครสักคนมากพอที่จะไม่สนใจชีวิตของตนเอง
ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือสิ่งใด สิ่งที่ข้าพึงพอใจคือสิ่งใด
จนกระทั่งได้พบกับท่าน โอ้ เจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของข้า