ตอนที่แล้วบทที่ 297 – ลอบออกไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 299 – ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมือง

บทที่ 298 – ไหสุ่ยมาหาถึงที่


“มู่จือ! ตอนที่เธอได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันคงจะออกไปจากฐานเรียบร้อยแล้ว และเธอน่าจะเข้าใจว่าทำไมฉันต้องออกเดินทางในครั้งนี้ เป้าหมายของมันก็เพื่อที่จะปกป้องโลกใบนี้ ทำให้โลกใบนี้สงบสุข ฉันต้องขอโทษเธอเป็นอย่างมาก ที่จากมาโดยไม่ได้กล่าวลา ฉันรู้ว่าเธอจะเศร้าใจขนาดไหนที่ฉันจากมาในครั้งนี้ แต่จำเอาไว้ในใจได้เลย ไม่ว่าฉันจะอยู่ที่ไหน เธอจะตามมาอยู่ในใจของฉันเสมอ มู่จือ! ฉันรักเธอ รักมากที่สุดในโลก ได้โปรดรักษาตัวเองให้ดี เดินทางออกมาในคราวนี้ ฉันจะต้องสืบทอดพลังของเทพเจ้าให้ได้ เพื่อที่จะทำให้ทุกคน ให้โลกใบนี้ สามารถต่อต้านราชามารที่กำลังจะทำการรุกรานได้ แต่ถ้าในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ราชามารทำการโจมตีก่อนที่ฉันจะทำได้สำเร็จ ฉันหวังว่าเธอจะช่วยเหล่าพี่น้องของพวกเราต้านทานมันเอาไว้ให้ได้ก่อน ช่วยฝากคำพูดของฉันให้กับพี่ใหญ่ซิวซือด้วย ให้เข้าเป็นคนรับผิดชอบดูแลฐานที่มั่นแทนฉัน และบอกเขาว่าฉันไม่ได้นำเสี่ยวจินมาด้วย ทิ้งมันเอาไว้ที่นั่น เพื่อให้มันช่วยป้องกันฐานที่มั่นของพวกเราอีกแรงหนึ่ง มู่จือ! ตอนที่เขียนจดหมายอยู่นี่ ฉันก็เริ่มคิดถึงหน้าเธอขึ้นมาแล้ว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ออกเดินทางเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ – เว่ยจางกง”

น้ำตาของเธอไหลลงมาเปื้อนอยู่ที่จดหมายแล้ว เสียงพึมพำอย่างไม่เข้าใจดังขึ้นมา “เว่ยจางกง! นายมันงี่เง่าจริง ๆ ทำไมไม่บอกฉันดี ๆ ว่าจะออกเดินทาง?” แล้วเธอก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างว่างเปล่า ความรู้สึกของเธอนั่นสับสนวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

“เฮ้! มู่จือ! จางกงอยู่ที่ไหนล่ะ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา

มู่จือสะดุ้งจากอาการเหม่อลอยขึ้นมา พอหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นจ้านหู่ยืนอยู่ที่ประตูห้อง

และตอนที่จ้านหู่เห็นน้ำตาบนใบหน้าของมู่จือ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยปากถามออกมา “มู่จือ! เกิดอะไรขึ้น? เจ้าหมอนั่นมันรังแกเจ้าหรือยังไง? บอกข้ามาได้เลย เดี๋ยวข้าจะเป็นคนจัดการกับเขาเอง”

มู่จือส่ายหน้าอย่างอ่อนแรก น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดไหล เริ่มทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง “พี่ใหญ่จ้านหู่ จางกง! เขา..เขาไปแล้ว!”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่จือ จ้านหู่ตกใจเป็นอย่างมาก เสียงของเขานั้นเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “อะไรนะ? เขาไปแล้ว ไปไหน?”

ตอนนี้มู่จือเริ่มสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว กล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดีขึ้น “เขาเดินทางไปเพื่อรับสืบทอดพลังของเทพเจ้า พี่อ่านจดหมายนี่เอาเองเถอะ” หลังจากกล่าวจบ เธอก็ยื่นจดหมายในมือให้กับจ้านหู่

เขารีบรับมันไปแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตวาดออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กบ้านี่! ทำไมถึงจะต้องออกเดินทางโดยไม่บอกกันก่อนเลย ถ้ากลับมาเมื่อไร ได้เจอดีแน่!”

มู่จือกล่าวแก้ตัวแทนออกมา “พี่ใหญ่จ้านหู่ ไม่ต้องโทษเขาหรอก ข้าพอจะเข้าใจในเจตนาของเขาอยู่บ้าง เขาคงจะกลัวว่าทุกคนจะเป็นห่วงมากตอนที่รู้ว่าเขาจะออกเดินทาง แล้วตอนนี้เขาก็จากไปแล้วด้วย ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”

จ้านหู่เกาหัวแกรก ๆ ทันที “แล้วพวกเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาตอนไหน เฮ้อ! เจ้าหมอนี่.. เฮ้อ.. ช่างมันเถอะ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว แต่ที่ข้าต้องเข้ามาตามหาเขา ก็เพราะว่าตอนนี้มีสาวสวยคนหนึ่งมาตามหาเขา ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ด้านนอก ถูกหน่วยลาดตระเวนของพวกเรากักตัวเอาไว้อยู่ เป็นนักเวทย์คนหนึ่ง ท่าทางจะเก่งไม่เบาเลยล่ะ ชื่อว่าอะไรน่ะ? ไห่..ไห่..”

มู่จือต้องอุทานออกมา “ไหสุ่ย?!”

จ้านหู่รีบพยักหน้า “ใช่! ใช่! เธอชื่อไหสุ่ย เจ้ารู้จักเธออย่างนั้นหรือ?”

มู่จือพยักหน้าบ้าง “พี่ใหญ่จ้านหู่ เดี๋ยวข้าจะออกไปพบเธอกันพี่เอง” แล้วทั้งสองคนก็รีบออกจากห้องของจางกงไปทันทีที่กล่าวจบ หลังจากที่ข้ามเนินเขาด้านหน้าของดินแดนผู้พิทักษ์แห่งเทพออกมา ก็พบกับหอคอยตรวจการณ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ และมีทหารประจำการอยู่ที่นั่นหลายคนทีเดียว

มู่จือจำไหสุ่ยที่อยู่ในชุดคลุมเวทย์สีน้ำเงินได้ตั้งแต่ไกล ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังน่ารักสวยงามเหมือนเดิม แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ไม่น้อย ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอตอนนี้ซีดขาวไม่มีสีเลือด ชุดคลุมเวทย์มีรอยเปื้อนและฉีกขาด กำลังเฝ้ารออยู่ด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย ดูเหมือนว่ากว่าที่จะเดินทางมาถึงที่นี่ได้ เธอจะต้องลำบากไม่น้อยเลยทีเดียว

มู่จือรีบเหาะเข้าไปหาทันที “ไหสุ่ย!!”

แววตาของไหสุ่ยเป็นประกายขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียก และรีบวิ่งเข้ามาหามู่จือทันทีที่เห็นหน้าได้อย่างชัดเจน “พี่มู่จือ! ในที่สุดฉันก็หาพวกพี่เจอจนได้ ทำไมถึงได้ลึกลับขนาดนี้ล่ะ?”

มู่จือกอดร่างเล็ก ๆ ของไหสุ่ยเอาไว้ แล้วใช้มือลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวปลอบออกมา “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไหสุ่ย แล้วเธอมาได้ยังไงเนี่ย?”

ไห่สุ่ยใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาของตัวเองออก ก่อนที่จะเอ่ยคำ “หม่าเคอส่งข่าวของจางกงให้ฉันตอนที่เขากลับไปถึงเมืองหลวง ตอนที่อ่านจดหมายนั่นจบ ฉันโมโหแทบตายแหน่ะ!! เขาคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่? คิดว่าแค่เขาหน้าตาเปลี่ยนไป แล้วฉันจะเปลี่ยนใจเลยอย่างนั้นหรือ? ฉันบอกเขาไว้ตั้งนานมาแล้วนะ ว่าตลอดทั้งชีวิตนี้จะมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น พออ่านจดหมายนั่นจบ ฉันก็ไปคาดคั้นหม่าเคอ จนรู้ว่าจางกงมาอยู่ที่เทือกเขาแห่งนี้ ฉันก็เลยรีบออกจากเมืองหลวงมาตามหาเขาทันที”

มู่จือนั้นเข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าไหสุ่ยนั้นรู้สึกอย่างไร ดวงตาของเธอนั่นช่างเต็มไปด้วยความโหยหา และรีบทิ้งทุกอย่างออกมาทันที ที่ได้ยินข่าวเรื่องของคนรักตัวเอง

“ไหสุ่ย! นี่เธอได้บอกที่บ้านหรือเปล่าเรื่องที่เดินออกมา?”

หน้าของไหสุ่ยแดงขึ้นทันที แล้วกระซิบออกมา “ฉัน..ฉันแอบหนีออกมาน่ะ! แล้วฐานที่มั่นของพวกพี่นี่หาเจอยากจริง ๆ ฉันต้องใช้เวลาหาอยู่ในเทือกเขานี้ตั้งสองวันเชียวนะ พอหาฐานเจอแล้ว ก็มาถูกคนพวกนี้กักตัวเอาไว้อีก” พอกล่าวจบ เธอก็มองไปที่ทหารยามที่เฝ้าหอคอยตรวจการณ์อย่างดุร้าย

มู่จือยิ้มออกมา “อย่าไปโกรธพวกเขาเลย มันเป็นหน้าที่ของพวกเขาน่ะ น้องไหสุ่ย! ตอนนี้น่าจะเหนื่อยมาแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องของฉันก่อนก็แล้วกัน”

ไหสุ่ยยังคงมีท่าทางลังเลอยู่ไม่น้อย มองตามหลังของมู่จือที่กำลังเดินออกไป ก่อนจะเอ่ยปากถาม “พี่มู่จือ แล้วจางกงอยู่ที่ไหน? ทำไมเขาถึงไม่ออกมารับฉันด้วยล่ะ? หรือว่า..หรือว่าเขาไม่อยากจะเจอหน้าฉัน?” แล้วตาของเธอก็เริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง

รอยยิ้มอย่างขมขื่นปรากฏอยู่บนใบหน้าที่หันกลับมาของมู่จือ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก? ถ้าเขารู้ว่าเธอมาหา เขาต้องเป็นคนแรกที่ออกมาต้อนรับเธออย่างแน่นอน แต่ว่า! ตอนนี้เขาออกเดินทางไปแล้ว เธออ่านจดหมายนี่เอาเองเถอะ” แล้วก็ส่งจดหมายของจางกงที่ยังถืออยู่ในมือให้

เมื่ออ่านจดหมายจบลง ไหสุ่ยก็ได้แต่ยืนตัวแข็งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่คิดเลย! ฉันเดินทางมาตั้งไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะไม่ได้เจอกับเขาอีก!” แล้วเธอก็ล้มพับลงไปกับพื้น ทำให้มู่จือต้องรีบเข้ามาประคองเอาไว้อย่างรวดเร็ว

จ้านหู่ที่อยู่ในบริเวณนั้นถามออกมาอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเธอถึงได้สลบลงไปได้ล่ะ?”

มู่จือตรวจสอบอาการของไหสุ่ยอย่างระมัดระวัง ผ่านไปสักครู่ เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “น้องไหสุ่ยคงคิดถึงจางกงอยู่ตลอดเวลาน่ะ พอไม่เจอก็เลยผิดหวัง ส่วนรายละเอียดเรื่องนี้ เอาไว้มีโอกาส มีก็ลองถามน้องชายตัวดีของพี่เอาเองก็แล้วกัน อาการของไหสุ่ยไม่ได้มีอะไรมาก แค่หมดสติไปเพราะเหนื่อยมากเท่านั้น แล้วก็มีอาการป่วยจากสภาพอากาศที่เย็นจัดนิดหน่อย พี่ใหญ่จ้านหู่ พวกเรารีบกลับเข้าไปในฐานกันเถอะ ให้เธอได้พักผ่อนสักหน่อยก็คงจะมีอาการดีขึ้นเอง”

ส่วนในใจของมู่จือนั้น กำลังถอนหายใจออกมาอย่างแรง ‘จางกงเอ๋ย จางกง! นายนี่ช่างเลือกวันเดินทางได้ดีจริง ๆ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด