ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 364 ฆ่าสามผู้อาวุโส (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 364 ฆ่าสามผู้อาวุโส (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
“มันคือผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำ!”
“เกิดสิ่งใดขึ้นในห้องโถงใหญ่!”
แสงสีทองส่องสว่างใบหน้าที่ตกตะลึงและหวาดกลัวของทุกคน
ความรู้สึกง่วงนอนของอวี๋ฉูกวงระเหยไปจนหมดสิ้น เขาเดินโซเซไปข้างหลัง ศัตรูที่สามารถส่งผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำบินออกไปไม่ใช่ตัวตนที่จอมยุทธ์พลังปราณจะสามารถรับมือได้
เมื่อมองไปรอบๆ ศิษย์คนอื่นๆก็อยู่ในสภาพไม่ต่างจากเขา นิกายเถาองุ่นเขียวไม่สำคัญอีกต่อไป ชีวิตของพวกเขาสำคัญกว่า
ก่อนหน้านี้ไม่นาน...
แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องโถงใหญ่ แสงสีน้ำเงินสลับกับแสงสีเงินเปลี่ยนห้องโถงอันโอ่อ่าให้กลายเป็นโลกอีกใบที่แปลกประหลาด อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นทุกสิ่งก็ถูกแสงสีทองกลืนกิน
ไก่ฟ้าสีทองบินลงมาจากเบื้องบนเหมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้า
เมื่อเทียบกันแล้ว ร่างของหลี่ฉิงซานดูไร้นัยสำคัญอย่างสิ้นเชิง ภายใต้แสงสว่าง เขาดูเหมือนเงาเล็กๆ ดังนั้นหมัดที่เขาเหวี่ยงออกไปจึงดูไม่ต่างจากกิ่งไม้เล็กๆที่พุ่งเข้าไปในกองเพลิง
หมัดปะทะดวงอาทิตย์
ริ้วแสงระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง
ไม่มีเสาที่สมบูรณ์เหลืออยู่แม้แต่ต้นเดียวซึ่งทำให้อาคารสั่นคลอนอย่างแรง แต่ในจังหวะนี้มันกลับถูกดันขึ้น
เท้าของหลี่ฉิงซานจมลงไปในพื้นดิน พลังอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาและถูกส่งผ่านไปยังกำปั้นที่ปะทะกับไก่ฟ้าสีทอง
รอยยิ้มมั่นใจของผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำหายไป
วินาทีต่อมา หมัดก็ส่งดวงอาทิตย์บินออกไป
หลี่ฉิงซานชักกำปั้นกลับและเผยรอยยิ้ม “จะดีที่สุดหากเจ้าไม่พยายามต่อสู้กับข้าเมื่อข้ายืนอยู่บนพื้น!”
นี่คือพลังของแผ่นดิน
มันเป็นความสามารถโดยกำเนิดที่เกิดจากหมัดปีศาจวัว ตราบเท่าที่เขายืนอยู่บนพื้นดิน เขาจะได้รับการสนับสนุนจากแผ่นดินอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เดิมทีหลี่ฉิงซานคิดว่ามันไร้ประโยชน์ แต่เมื่อพิจารณาจากจุดนี้ มันมีประสิทธิภาพสูงมาก
ดวงตาสีแดงเข้มกวาดมองไปรอบๆและหยุดอยู่ที่ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง ใบหน้าซีดขาวเหมือนซากศพของเขาเผยให้เห็นถึงความตกใจอย่างชัดเจน แต่มันไม่ใช่เพราะหลี่ฉิงซานสามารถส่งผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำบินออกไปในการปะทะโดยตรง
เมื่อผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำร้องขอความช่วยเหลือ ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างส่งผีดิบทองแดงออกไปโจมตีจากอีกด้านหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะพยายามบังคับผีดิบทองแดงอย่างไร มันก็ไม่ขยับเขยื้อน ในจังหวะนั้นเขาพลันสัมผัสได้ถึงการเชื่อมต่อที่ขาดสะบั้นลงแล้ว นั่นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมาก โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด เขาพุ่งเข้าไปหาผีดิบทองแดงที่เคยเป็นของเขา
ผีดิบทองแดงที่ยืนนิ่งอยู่อย่างเงียบๆเงยหน้าขึ้น ดวงตาของมันไม่ใช่ดวงตาอีกต่อไปแต่เป็นดวงไฟสองลูก จากนั้นผีดิบทองแดงก็พุ่งเข้าหาอดีตเจ้านายของมันและเผยให้เห็นโครงกระดูกขนาดเล็กยืนถือดาบกระดูกสีขาวอยู่ข้างหลัง
ตั้งแต่หลี่ฉิงซานตัดสินใจจะใช้กำลังเต็มที่ เขาก็จะใช้ทุกสิ่งที่มี เสี่ยวอันคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเขา นางทรงพลังกว่าความสามารถโดยกำเนิดทั้งหมดที่เขามี
ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างยิ่งตื่นตระหนก เขาเลือกหลบหนีทันที หากเขาต่อสู้ เขาจะต้องเสียชีวิตที่นี่
ปราณสีดำยกเท้าของเขาขึ้นสู่ท้องฟ้าและทำให้เขาพุ่งออกไปเหมือนจรวด เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจและสามารถสลัดกบฎผีดิบทองแดงทิ้งไปได้ในเสี้ยวพริบตา เมื่อเขากำลังจะพุ่งออกจากห้องโถง หัวกะโหลกสี่หัวขนาดเท่าล้อรถม้าก็เข้ามากีดขวางเส้นทางของเขาและพ่นเพลิงโลหิตออกมา
ความมืดและแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องโถงถูกแสงจากเพลิงโลหิตกลืนกิน ห้องโถงสั่นสะเทือนและไม่สามารถรองรับน้ำหนักของตัวเองได้อีกต่อไป มันเริ่มพังทลายลง
เวลาราวกับเดินช้าลง ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศดูชัดเจนมากในสายตาของหลี่ฉิงซาน เขาไม่ได้เข้าไปช่วยเสี่ยวอันและไม่มีความจำเป็นสำหรับเรื่องนั้น
หลังจากก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์ ความแข็งแกร่งของนางเพิ่มขึ้นไม่น้อยไปกว่าเขา ความสามารถเหนือธรรมชาติบนเส้นทางแห่งกระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ทำให้นางมีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปในทุกๆย่างก้าวของนาง
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำหวาดกลัวหมัดของหลี่ฉิงซานจนถึงจุดที่ไม่กล้าแม้แต่จะบินวนอยู่บนท้องฟ้า เขาพยายามหลบหนีเข้าไปในก้อนเมฆ
หลี่ฉิงซานเอนกายไปข้างหลัง เท้าของเขายังฝังลึกอยู่ในพื้นดิน จากนั้นมือของเขาก็พุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืน
สามเมตร สิบห้าเมตร สามสิบเมตร แขนของเขายืดยาวออกไปขณะที่นิ้วของเขาหนาพอๆกับเสาห้องโถง เขาเอื้อมมือไปหาไก่ฟ้าสีทองที่กำลังบินอยู่กลางอากาศ
“จะไปที่ใด?”
ผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่บดขยี้เขาและทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก จากนั้นเขาก็ถูกมือยักษ์ส่งกลับไปที่ห้องโถงอีกครั้ง
ศิษย์ของนิกายเถาองุ่นเขียวเบิกตากว้าง ทั้งหมดนี้เหมือนฝันร้าย ไม่มีผู้ใดสามารถจินตนาการได้ว่าสัตว์ประหลาดชนิดใดที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงขณะที่พวกเขามองไปยังกรงเล็บปีศาจขนาดใหญ่
ห้องโถงใหญ่กว้างขวางมากแต่มันยังเล็กเกินไปสำหรับสัตว์ประหลาดตนนี้
ไก่ฟ้าสีทองถูกมือยักษ์ฉีกกระชากอย่างแรง จากนั้นมือของหลี่ฉิงซานก็หดกลับไปเป็นขนาดปกติ เขาจับลำคอของผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำเอาไว้ ขนนกสีทองกระจายไปรอบๆ
ผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำตะโกน “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! นั่นจะเป็นการท้าทายสนธิสัญญาแห่งราชา! มันจะนำไปสู่สงคราม! เจ้าจะต้องตายอย่างน่าอนาถ! ปล่อยข้า! เราไม่มีความคับข้องใจเป็นพิเศษ!”
หลี่ฉิงซานก้มหน้าลงกระซิบข้างหูชายชราด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีอีกชื่อหนึ่งว่าหนิวจูเซี่ย!”
ดวงตาของผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำเบิกกว้าง ปากของเขาอ้าออกราวกับต้องการกล่าวบางคำแต่เขาสูญเสียความสามารถนั้นไปแล้วตลอดกาลเมื่อหลี่ฉิงซานหักคอของเขา ไม่เพียงกระดูกสันหลังของเขาที่ถูกบดขยี้แต่ศีรษะของเขายังถูกตัดออกอีกด้วย เลือดพุ่งออกมาเหมือนน้ำพุธรรมชาติ
ในเวลาเดียวกันดาบกระดูกของเสี่ยวอันก็แทงทะลุหน้าผากของผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง ใบหน้าที่ซีดขาวของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันดูไม่ต่างจากซากศพที่เขาเคยเห็นในอดีต
หลังจากสูญเสียผีดิบทองแดง ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างก็กลายเป็นคนอ่อนแอที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสาม เขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเสี่ยวอันได้แม้แต่ครั้งเดียว แน่นอนว่าเพลิงโลหิตกลืนกินเขาเข้าไปทันที
“ครืน...” ห้องโถงพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ศิษย์นิกายเถาองุ่นเขียวมองเข้าไป พวกเขาเห็นชายคนหนึ่งถือดาบยืนอยู่ในซากปรักหักพังบนยอดเขา เส้นผมสีแดงของเขาปลิวไปตามสายลมขณะที่แสงจันทร์ส่องสว่างแผ่นหลังของเขา
สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนคือดวงตาคู่สีแดงที่แผดเผาทว่าเย็นชาอย่างที่สุด
เขายกดาบน้ำแข็งขึ้นขณะที่แสงจันทร์ส่องสะท้อนใบมีดน้ำแข็งท่ามกลางความมืด เจตนาสังหารลอยอบอวลอยู่ในอากาศราวกับมันต้องการย้อมดวงจันทร์ให้เป็นสีแดงสด