ตอนที่ 62 ตักตวง
ในที่สุดเฉินเฟยทั้งสองได้ตัดสินใจติดตามกองคาราวานเซียนเมฆา ไม่ใช่เพื่อสิ่งใดนอกจากความปลอดภัย
การเผชิญหน้ากับสิ่งแปลกประหลาดระหว่างทางทำให้เฉินเฟยจำฝังใจ เฉินเฟยไม่ต้องการเจอเรื่องแบบนี้อีก เทียนแดงราคาเล่มละหนึ่งพันตำลึง หากไปติดตามกองคาราวานเล็กๆกลุ่มอื่นบางทีอาจได้ใช้มันโดยบังเอิญหรืออาจจะเกิดเรื่องแย่กว่านั้น
กองคาราวานเซียนเมฆารู้คุณค่าของตัวเองอย่างชัดเจน ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าเรียกราคาดังกล่าว
เมื่อเฉินเฟยทั้งสองมาถึงกองคาราวานเซียนเมฆา พวกเขาพบว่าสถานที่นี้แออัดไปด้วยผู้คน
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่มาค้าขายกับกองคาราวานเซียนเมฆา มีเพียงส่วนน้อยที่ต้องการติดตามกองคาราวานไปด้วย แต่ส่วนน้อยนี้มีเกือบร้อยคน
“เพียงกลุ่มนี้ก็ได้หนึ่งแสนตำลึงแล้ว” เฉินเฟยพูดอย่างอิจฉา
แม้ตอนนี้เฉินเฟยจะหลอมโอสถเหนือสามัญนำไปทำเงินได้ แต่ถ้าเขาต้องการเก็บเงินให้ได้จำนวนมากขนาดนี้ เขาต้องเก็บอย่างน้อยหลายเดือนโดยไม่ขี้เกียจ
และถ้าได้รับผลประโยชน์มากมายเช่นนี้ เกรงว่าในเวลานั้นคงเกิดปัญหาบางอย่าง
แต่ถ้ามีเงินแล้วไม่ทำเงิน มันคงอึดอัดเกินกว่าจะทนได้
“หลังจากนี้สามวันกองคาราวานเซียนเมฆาจะออกเดินทาง ดังนั้นมันไม่ใช่แค่หนึ่งแสนตำลึงหรอก”
ฉือเต๋อเฟิงถอนหายใจ เขาชอบเงินและเก็บเงินไว้มาก แต่เมื่อเทียบกับกองคาราวานเซียนเมฆา เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเปรียบเทียบด้วยเลย
“หลังจากนี้สามวัน หากมาสายจะไม่รอ เก็บป้ายนี้ไว้ เมื่อถึงเวลาจะตรวจแค่บัตรไม่ตรวจคน”
ตรงจุดจ่ายเงิน คนของกองคาราวานเซียนเมฆามองเฉินเฟยทั้งสองและรับเงินมานับ เขาไม่ถามชื่อและที่มาเพราะมันไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับกองคาราวานเซียนเมฆา
“ขอบคุณ!”
เฉินเฟยกุมมือ มองดูลวดลายเมฆบนป้าย ของแบบนี้น่าจะเลียนแบบได้ไม่ยาก แต่อาจมีสิ่งอื่นปะปนอยู่ด้วยทำให้กองคาราวานเซียนเมฆาจดจำได้
และการนั่งรถด้วยป้ายปลอมคงไม่ค่อยมีใครกล้าทำ ไม่อย่างนั้นหากโดนจับได้คงโดนลอกผิวหนังทั้งเป็น
เฉินเฟยทั้งสองหันหลังจากไป เนื่องจากการมาถึงของกองคาราวานเซียนเมฆา เมืองซิ่งเฝินซึ่งแต่เดิมค่อนข้างเงียบจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง
มีคนเดินไปมาบนถนน ทันใดนั้นร่างหนึ่งเหมือนจะเดินเร็วเกินไปเลยชนเข้ากับเฉินเฟย เฉินเฟยก้าวถอยหลังและคว้าแขนอีกฝ่ายไว้
“เฮ้ย ปล่อยมือข้า เจ้าจะทำอะไร!” ใบหน้าสวีหลิวซีดขาวด้วยความเจ็บปวด เขาต้องการสลัดให้หลุดแต่เขารู้สึกว่าแขนตัวเองถูกคีมหนีบไว้จนไม่อาจขยับได้
“ขโมยของ จงดูคนที่ขโมยด้วย!”
เฉินเฟยมองสวีหลิวและเหวี่ยงมือขวาออกไป สวีหลิวล้มลงพื้นศรีษะกระแทกพื้นจนเลือดออก
สวีหลิวรู้ว่าเจอตอแข็งเข้าจึงไม่กล้าร้องเรียกอีกต่อไป หลังจากลุกขึ้นเขาก็วิ่งเข้าไปในฝูงชนด้วยความสิ้นหวังและหายไป
“มันคงเห็นป้ายของพวกเรา” ฉือเต๋อเฟงส่ายหน้ายิ้ม
กองคาราวานเซียนเมฆาจำแต่ป้ายไม่ใช่ตัวคน ตราบใดที่ขโมยป้ายได้สักอัน มันจะมีค่าหนึ่งพันตำลึง ต่อให้ไม่ใช้เองก็เอาไปขายต่อได้ แม้จะได้แค่ไม่กี่ร้อยตำลึงแต่มันยังเป็นการซื้อขายที่ง่ายดาย
“ช่วงไม่กี่วันนี้คงมีการขโมยของเกิดขึ้นบ่อยๆ”
เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว นักยุทธ์บางคนอาจใช้พลังในการขโมยหรือแม้แต่คว้าไปโดยตรง
เฉินเฟยทั้งสองเดินไปบนถนนแวะซื้อของมากมาย
การเดินทางไปเมืองเซียนเมฆาครั้งนี้ใช้เวลามากกว่าสิบวัน กองคาราวานเซียนเมฆาเพียงยินยอมให้ติดตามไปด้วย แต่ไม่ได้บอกว่าจะจัดหาอาหารและน้ำให้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้เอง
เลี้ยวเข้าไปในหลายตรอกซอย สลัดคนที่ติดตามมาออกไป เฉินเฟยทั้งสองกลับไปที่ลานบ้าน
ร้านอาหารแขกเซียน
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่วันนี้เชิญหัวหน้าต่งมาได้” สวี่หวังเลี่ยงมองต่งอี้และดื่มหนึ่งแก้วเพื่อแสดงความเคารพ
“กองคาราวานมีเรื่องให้ทำอีก หากเจ้ามีอะไรเพียงแค่พูดมา”
ต่งอี้ทำราวกับไม่ควรเข้ามาใกล้เขา วันนี้เขาได้รับความไว้วางใจจากสหายให้มางานเลี้ยง แต่ก่อนจะมาที่นี่ต่งอี้ได้รู้ว่าเมื่อเร็วๆนี้มีเรื่องอะไรเกิดกับสวี่หวังเลี่ยง ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเข้าไปยุ่งด้วย
“ลูกหมาถูกฆ่าตาย ความแค้นนี้ไม่อาจยกโทษได้ สวี่ต้องการขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าต่ง!”
สวี่หวังเลี่ยงไม่โกรธเมื่อเห็นท่าทีของต่งอี้ เขาหยิบตั๋วเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะแล้วดันตรงหน้าต่งอี้
ต่งอี้ชำเลืองดูตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงโดยไม่รู้ตัว ตั๋วเงินปึกนี้มีไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นตำลึง มือนี้ค่อนข้างใหญ่ การแสดงออกของต่งอี้ผ่อนคลายลงมาก
อย่ามองว่าการเก็บค่าโดยสารของกองคาราวานเซียนเมฆาหนึ่งพันตำลึงต่อคนจะได้มากกว่าหนึ่งแสนตำลึงภายในสามวัน นั่นเป็นเงินของกองคาราวาน แม้ว่าต่งอี้จะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้แต่เขาไม่ได้ทำเงินจากมัน
แต่หนึ่งหมื่นตำลึงอาจเป็นของเขาในภายหลัง
“ข้าได้ยินเรื่องลูกชายเจ้าแล้ว มันคนนั้นเป็นโจรเจ้าเล่ห์ เจ้าหาตัวมาหลายวันแล้วแต่ยังไม่เจอมัน ข้าอยากช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเช่นกัน”
“เจ้าโจรนั่นยังอยู่ในเมืองซิ่งเฝินเพื่อรอโอกาสหนี ตราบใดที่อยู่ใกล้กันมากพอข้ามีวิธีจะไปหาตัวมัน ดังนั้นข้าหวังว่าหลังจากนี้สามวัน หัวหน้าต่งจะอนุญาติให้ข้าถ่วงเวลากองคาราวานสักเล็กน้อย ข้าจะตามหาโจรนั่นให้เจอ!”
สวี่หวังเลี่ยงกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง จากข้อมูลที่ได้จากอู่จางลี่ สวี่หวังเลี่ยงได้ไปตรวจดูหลายกองคาราวานแต่ไม่พบคน
ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าคนคนนั้นกำลังรอกองคาราวานเซียนเมฆา
เมื่อลงไปตรวจสอบในสถานที่ อู่จางลี่อ้างว่าหนอนกู่สามารถค้นหาผู้คนได้หากระยะทางใกล้พอ นั่นเป็นเหตุผลที่สวี่หวังเลี่ยงเชิญต่งอี้มางานเลี้ยงโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะช่วยในเรื่องนี้
หากเป็นกองคาราวานกลุ่มเล็กอื่นคงไม่จำเป็นต้องลำบาก สวี่หวังเลี่ยงแข็งแกร่งพอที่จะบังคับให้กองคาราวานอื่นเห็นด้วย แต่ไม่อาจทำได้กับกองคาราวานเซียนเมฆา และสวี่หวังเลี่ยงไม่แข็งแกร่งพอหรือกล้าพอที่จะบังคับพวกเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหาความสัมพันธ์เท่านั้น
“คนเหล่านั้นต้องรออยู่ที่นี่อีกสามวันหลังจากจ่ายเงินมาแล้ว หากเจ้าทำเช่นนี้ข้าคงลำบากใจ”
ต่งอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หนึ่งพันตำลึงต่อคนเป็นราคาสูงพออยู่แล้ว แต่ด้วยการรับประกันความปลอดภัยกองคาราวานเซียนเมฆาจึงรับเงินได้อย่างสบายใจ
แต่ตอนนี้เก็บเงินได้แล้ว มันคงน่าเกียจหากหลังจากนี้สามวันต้องเอาพวกเขาไปขาย แม้ว่าต่งอี้จะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะทำสิ่งที่ทำลายชื่อเสียงกองคาราวาน
“หวังว่าหัวหน้าต่งจะเข้าใจ”
สวี่หวังเลี่ยงหยิบตั๋วเงินอีกปึกหนึ่งจากกระเป๋าแล้ววางไว้บนโต๊ะ
ต่งอี้กระพริบตา เงินกองนี้ยังคงเป็นหนึ่งหมื่นตำลึง รวมกับของเดิมจะเป็นสองหมื่นตำลึง ต่งอี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการหาเงินเท่านี้
เพียงแค่พยักหน้าเงินก้อนนี้จะเป็นของเขาทันที
ต่งอี้ต่อสู้ภายในใจและลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงส่ายหัว “ข้าเกรงว่าจะช่วยเรื่องนี้ไม่ได้ สิ่งนี้ง่ายต่อการถูกวิจารณ์”
“ข้ารู้ว่าช่วงนี้กองคาราวานต้องทำงานหนัก ข้าไม่มีสิ่งตอบแทนอย่างอื่น หวังว่าสิ่งนี้สามารถซื้อเครื่องดื่มให้คนในกองคาราวานได้”
สวี่หวังเลี่ยงพูดจบก็หยิบตั๋วเงินอีกหนึ่งหมื่นตำลึงวางไว้บนโต๊ะ และยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น จากนั้นหยิบเงินอีกห้าพันตำลึงวางไว้ด้านข้าง
“ข้ารู้สึกผิดเช่นกันที่ทำให้คนเหล่านั้นล่าช้าเพราะการค้นหาคนของข้า เมื่อถึงเวลานั้นห้าพันตำลึงนี้จะเป็นคำขอโทษจากข้า”
“นี่ จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ต่งอี้มองสวี่หวังเลี่ยงและส่ายหน้า แต่มือของเขาเคลื่อนไหวไม่ช้า เขารีบเก็บสามหมื่นห้าพันตำลึงบนโต๊ะไว้ในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณหัวหน้าต่งที่ยอมช่วยเหลือ!”
เมื่อเห็นต่งอี้รับเงิน สวี่หวังเลี่ยงจึงอดยิ้มไม่ได้