ตอนที่แล้วตอนที่ 60 กระบี่นักฆ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 ตักตวง

ตอนที่ 61 คนหนุ่มใต้หล้า


แม้จะผ่านไปแล้วหลายวัน แต่ในโลกของหนอนกู่นั้นยังคงได้กลิ่นอย่างชัดเจน

กลับกันแล้วเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายนั้นจะปิดกั้นลมปราณของคนที่มีชีวิต และลมปราณที่เหลืออยู่จะสลายไปในไม่ช้า

สีหน้าสวี่หวังเลี่ยงเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเดินตามหลังอู่จางลี่ไป ในขณะเดียวกันนักยุทธ์ขัดเกลาไขกระดูกสองคนของตระกูลสวี่ได้ติดตามไปด้วย หากพบกับฆาตกรจริงจะได้ปราบดั่งสายฟ้าแลบทันที

หนอนกู่รวดเร็วมากหากเทียบกับความเร็วของคนธรรมดา หนึ่งเค่อต่อมา หนอนกู่หยุดอยู่หน้าลานบ้านทำท่าทางจะบินเข้าไป

อู่จางลี่รีบปกป้องหนอนกู่ หันไปมองสวี่หวังเลี่ยงที่อยู่ข้างหลัง

สวี่หวังเลี่ยงมองลานบ้านด้านหน้าซึ่งเป็นลานบ้านคนธรรมดา หูสวี่หวังเลี่ยงขยับเล็กน้อยแต่ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากลานบ้าน

ร่างสวี่หวังเลี่ยงสั่นไหวมาถึงกำแพงบ้าน แต่ภายในนั้นไม่มีใครอยู่

กงเฟิ่งสองคนจากตระกูลสวี่มาที่ลานบ้านและเตะเปิดประตู ข้างในไม่มีอะไรเหลืออยู่ราวกับไม่เคยมีคนอาศัย

“กระบี่เล่มนั้นเคยอยู่ที่นี่พักหนึ่ง”

เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายอู่จางลี่จึงเดินเข้ามาชี้จุดหนึ่ง ตรงนั้นเป็นจุดที่ลมปราณหนาแน่นที่สุด เห็นได้ชัดว่ามันอยู่ที่นี่ค่อนข้างนาน

“ไปพานายหน้ามาถามสถานการณ์ของที่นี่” สวี่หวังเลี่ยงพูดเสียงทุ้ม

ในไม่ช้านายหน้าที่ดูแลลานบ้านแห่งนี้ถูกพาตัวมา นายหน้าตกใจมากเมื่อเห็นสวี่หวังเลี่ยง ตอนนี้ในเมืองซิ่งเฝินไม่มีใครไม่รู้เกี่ยวกับตระกูลสวี่

“ใครเช่าลานบ้านนี้?” สวี่หวังเลี่ยงมองนายหน้า

นายหน้าความจำดี แม้เขาจะกลัวแทบตายแต่ยังอธิบายถึงรูปลักษณ์ของคนที่เช่าลานบ้านในเวลานั้น

อู่จางลี่ยืนอยู่ห่างโดยไม่พูดอะไร ในสถานการณ์แบบนี้คาดเดาได้ว่าคงไม่พบใคร ส่วนใหญ่แล้วล้วนปลอมตัวทั้งนั้นซึ่งสวี่หวังเลี่ยงรู้เช่นกัน แต่เขาจะไม่ละทิ้งความเป็นไปได้ใดๆ

หลังจากนายหน้าจากไป สวี่หวังเลี่ยงหันมองอู่จางลี่

“เป็นเรื่องที่ดียังไม่ทิ้งอาวุธ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ออกจากเมืองซิ่งเฝินมันต้องถูกจับได้แน่นอน!” อู่จางลี่รีบพูด

“ต้องลำบากท่านอู่กงเฟิ่งต่อแล้ว!”

“นั่นเป็นสิ่งสมควรทำ!”

อู่จางลี่หัวเราะเสียงดังๆและเรียกหนอนกู่ออกมา อู่จางลี่ยื่นมือไปข้างหน้าเล็กน้อย หนอนกู่วนรอบลานบ้านและบินออกไปข้างนอก

มีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลัง แต่ครู่ต่อมาหนอนกู่มาที่ลานบ้านอีกหลัง

สวี่หวังเลี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ว่าไม่มีใครอยู่ในลานบ้าน เมื่อเข้าไปในลานบ้านก็ไม่พบวี่แววของผู้คน

“ไอ้โจรนั่นช่างระวังตัวจริงๆ!”

คำพูดนี้เหมือนเล็ดลอดมาจากร่องฟันสวี่หวังเลี่ยง กระต่ายเจ้าเล่ห์ตัวนี้ทำให้สวี่หวังเลี่ยงโกรธมากยิ่งขึ้น

“กี๊!”

หนอนกู่ส่งเสียงร้องยาว ใบหน้าของอู่จางลี่แสดงความสุขเมื่อได้ยิน

“กลิ่นที่นี่หายไปเมื่อสองวันก่อน มันอาจจะยังไม่ได้ออกจากเมืองซิ่งเฝิน!”

“ดี!”

สวี่หวังเลี่ยงพยักหน้า อู่จางลี่สั่งให้หนอนกู่ไล่ตามไปสถานที่ต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่หลังจากที่หนอนกู่วนเวียนอยู่ในลานบ้านสักพักมันก็ไม่บินออกจากลานบ้าน

สีหน้าของอู่จางลี่เปลี่ยนไป เขาส่งเสียงร้องยาวแปลกๆซึ่งค่อนข้างคล้ายกับหนอนกู่

หนอนกู่ตอบสองสามครั้ง อู่จางลี่ขมวดคิ้ว

สติปัญญาหนอนกู่ไม่สูงนัก ดังนั้นอู่จางลี่จึงสื่อสารได้เพียงสั้นๆ และผลลัพธ์ของการสื่อสารคือที่นี่เป็นที่สุดท้ายที่หนอนกู่ได้กลิ่นกระบี่

“เกิดอะไรขึ้น?” สวี่หวังเลี่ยงถาม

“เหมือนกระบี่เล่มนั้นจะหายไป...”

อู่จางลี่ลังเลก่อนจะพูด ข้อสรุปนี้ค่อนข้างไม่น่าเชื่อ แต่นี่เป็นข้อมูลที่เขาได้หนอนกู่

ใบหน้าสวี่หวังเลี่ยงมืดมนราวกับกำลังจะจมน้ำ

...

ในลานบ้าน เฉินเฟยกำลังถือกิ่งไม้ฝึกวิชากระบี่

เฉินเฟยเก็บกระบี่กับธนูยาวไว้ในช่องมิตินานแล้ว เฉินเฟยไม่รู้ว่าตระกูลสวี่มีวิธีใดบ้างที่จะติดตามมันได้ ความเป็นไปได้ที่กระบี่จะกลายเป็นสิ่งติตตามนั้นสูงมาก

ให้โยนทิ้งไป เฉินเฟยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายใช้วิธีใดบ้างจึงกังวลว่าพอโยนทิ้งแล้วจะมีโอกาสโดนพบตัวมากขึ้น สำหรับการหลอมใหม่ เฉินเฟยกังวลว่าจะถูกร้านช่างตีเหล็กขายข้อมูลซึ่งมันเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย

เป็นการดีกว่าที่จะเก็บไว้ในช่องมิติ ช่องมิติสามารถหยุดเวลาของอาหาร เฉินเฟยไม่เชื่อว่าตระกูลสวี่จะมีวิธีทำลายข้อจำกัดของช่องมิติ

เนื่องจากช่องมิติมีความละเอียดอ่อน หลังจากช่วยฉือเต๋อเฟิง เฉินเฟยจึงไปที่ลานบ้านอีกแห่งและจัดการสิ่งของต่างๆที่นั่น

เขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ก่อนจะกลับมาลานบ้านปัจจุบัน

เฉินเฟยไม่ได้หลอมโอสถเช่นกันและแสร้งทำเป็นนักยุทธ์ธรรมดา เมื่อวานคนจากตระกูลสวี่มาค้นบ้านนี้ หลังจากเฉินเฟยยัดเงินมากกว่าสิบตำลึงคนเหล่านี้จึงยอมจากไป

กลุ่มค้นหาตระกูลสวี่ตัวอ้วนขึ้นเยอะ พวกเขาทำเงินได้มากมายจากการรับเงินแต่ละบ้าน ด้วยเหตุนี้กระบวนการค้นหาจึงเป็นเพียงพิธีการ พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าจะใช้วิธีนี้ค้าหาคนเจอ

“ห้ากระบี่ ในสถานการณ์ตัวต่อตัวอาจทำให้บาดเจ็บหรือถึงขั้นฆ่าระดับขัดเกลาไขกระดูกได้ แต่เหอหยวนฉิวที่อยู่ระดับขัดเกลาไขกระดูกค่อนข้างอ่อนด้อย”

เฉินเฟยมองกิ่งไม้ในมือ ภาพการต่อสู้ในวันนั้นยังคงฉายซ้ำอยู่ในใจ

ในช่วงไม่กี่วันนี้เฉินเฟยสรุปผลได้เสียของการต่อสู้ในวันนั้น ในขณะเดียวกันยังแยกแยะจุดแข็งจุดอ่อนของวิชายุทธ์ตัวเอง ต้องต่อสู้เอาเป็นเอาตายแบบนี้เท่านั้นถึงจะค้นพบข้อบกพร่องของตัวเอง

“เอี๊ยด!”

ประตูลานบ้านเปิดออก ฉือเต๋อเฟิงกลับมาจากด้านนอก หลังผ่านไปหลายวันอาการบาดเจ็บของฉือเต๋อเฟิงก็หายดี เมื่อเร็วๆนี้เขาออกไปซื้ออาหารเป็นครั้งคราวและได้สอบถามเกี่ยวกับข่าวคราวบ้าง

เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นแต่เห็นฉือเต๋อเฟิงขมวดคิ้ว

“อำเภอผิงหยินล่มสลาย!” ฉือเต๋อเฟิงพูดเสียงต่ำ

เฉินเฟยตกตะลึง แม้เขาจะคาดการณ์ผลดังกล่าวไว้นานแล้ว แต่พอได้ยินจริงก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจ

“เจ้ารู้ได้อย่างไร มีคนจากอำเภอผิงหยินหนีมาเมืองซิ่งเฝิน?” เฉินเฟยถาม

ฉือเต๋อเฟิงพยักหน้า วางอาหารในมือลงบนโต๊ะหิน เทเหล้าสองแก้ว เริ่มดื่มคนเดียวก่อนและถอนหายใจยาว

เฉินเฟยนั่งบนเก้าอี้และเริ่มดื่มกับฉือเต๋อเฟิง

เฉินเฟยไม่สามารถรับมือกับสิ่งแปลกประหลาดที่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยได้ หายนะเช่นนี้ย่อมไม่ต้องพูดถึงเลย พูดได้เพียงว่ายังอ่อนแอนเกินไป แม้จะรู้หลายสิ่งหลายอย่างแต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

นี่คือความเศร้าของคนอ่อนแอ และยังเป็นสถานะที่ของคนส่วนใหญ่ในโลกนี้

สายลมพัดพากลิ่นหอมดอกหลิวไปทั่วร้าน อู๋จีเทเหล้าเชิญลูกค้าลองชิม ขอถามเรื่องน้ำไหลทางทิศตะวันออกว่าสั้นหรือยาว

เฉินเฟยและฉือเต๋อเฟิงมีความคิดมากมายอยู่ในใจ แต่พวกเขายกแก้วเหล้าในมือไม่หยุด ด้วยฤทธิ์ของเหล้านี้ฉือเต๋อเฟิงจึงเริ่มเล่าเรื่องของเขา

เนื้อเรื่องธรรมดามาก ไม่มีหักมุมไม่พลิกพัน เป็นเพียงเรื่องของคนหนุ่มที่ต้องการเห็นใต้หล้า

ฉือเต๋อเฟิงพูดเป็นช่วงๆ แต่เฉินเฟยฟังอย่างจริงจังจนกระทั่งฉือเต๋อเฟิงหัวเราะเสียงดังและล้มตัวลงนอนบนโต๊ะ

ห้าวันผ่านไปในพริบตา ภายในเมืองยังวุ่นวายเหมือนเดิม ตระกูลสวี่ยังไม่ล้มเลิกการค้นหา

จนกระทั่งกองคาราวานเซียนเมฆามาถึงเมืองซิ่งเฝิน

“หนึ่งพันตำลึงต่อคน?”

เฉินเฟยไม่อยากเชื่อ ฉือเต๋อเฟิงพยักหน้า

เฉินเฟยเงยหน้ามองท้องฟ้า เห้นได้ชัดว่ากองคาราวานเซียนเมฆาสามารถคว้าผลประโยชน์นี้ไว้ได้ ท้ายสุดแล้วมันจบด้วยการต้องแลกเปลี่ยนตั๋ว