ตอนที่ 351 บุกเบิกซากปรักหักพังโบราณ
ตอนที่ 351 บุกเบิกซากปรักหักพังโบราณ
ผนังเหวทั้งสองด้านมีปลาไหลที่ดุร้ายอาศัยอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ในขณะที่นักสู้ที่พึ่งตามมาทีหลังก็กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเฟยจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดลงไปในร่องน้ำลึก และด้วยน้ำหนักของชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดมันจึงทำให้เขาจมลงไปสู่ก้นท้องทะเลด้วยความรวดเร็ว
“เซี่ยเฟยเจ้าพวกนี้น่าจะเป็นปลาไหลกลายพันธุ์ เพราะขนาดตัวของท้องมันใหญ่กว่าปกติมาก ถ้าฉันเดาไม่ผิดปลาไหลพวกนี้น่าจะมีความยาวมากกว่า 20 เมตร และในร่องน้ำนั่นก็เป็นอาณาเขตของพวกมัน เห็นแบบนี้แล้วนายยังคิดจะลงไปอีกงั้นเหรอ?” อันธถาม
“แล้วฉันมีทางเลือกไหมล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าว
ระหว่างที่ร่างกำลังดำดิ่งลงเซี่ยเฟยพยายามใช้วิชาพรางจิตเหมือนกับตอนที่เขาใช้ตอนที่ตัวเองอยู่บนบก แต่เขาก็ไม่รู้ว่าวิชานี้จะสามารถใช้ได้ผลในน้ำด้วยหรือไม่
เมื่อร่างของเขาเข้าใกล้ฝูงปลาไหล ชายหนุ่มก็ใช้มือขวาจับเซเลสเชียลมูนเอาไว้แน่นโดยเตรียมพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตามพวกปลาไหลกลับดูเหมือนจะมองไม่เห็นเซี่ยเฟย พวกมันจึงยังคงซ่อนตัวอยู่ในกำแพงเพื่อรอจู่โจมเหยื่อรายต่อไป
ระหว่างที่ร่างกำลังร่วงหล่นลงมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเสียวอยู่เล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดการอยู่ท่ามกลางฝูงปลาไหลขนาดใหญ่มันก็ไม่ใช่เรื่องตลก
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังอยู่ภายใต้ท้องทะเลลึก และถึงแม้ว่าเขาจะใช้ความเร็วในการเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถหลบหนีการไล่ล่าของปลาไหลพวกนี้พร้อมกันได้
นักสู้ที่พยายามติดตามเซี่ยเฟยลงไปในร่องน้ำลึกไม่ได้โชคดีเหมือนกับเซี่ยเฟย เพราะทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตพวกปลาไหลก็เริ่มจู่โจมในทันที ซึ่งบ่อยครั้งมันก็มีเหตุการณ์ที่นักสู้คนหนึ่งถูกรุมจู่โจมด้วยปลาไหลนับร้อยตัว และมันก็ทำให้ร่างของเขาถูกฉีกกระชากออกจากกันเป็นชิ้น ๆ ในพริบตา
เหล่าบรรดานักสู้พยายามสังหารปลาไหลเพื่อเปิดทาง แต่จำนวนของปลาไหลกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะฆ่าปลาไหลทั้งหมดได้
“โชคดีที่วิชาพรางจิตสามารถใช้ในน้ำได้ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ของนายคงจะเลวร้ายมากกว่านี้” อันธกล่าวขณะเงยหน้าขึ้นไปมองโศกนาฏกรรมทางด้านบน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับเร่งความเร็วว่ายน้ำลงไปในร่องลึก
เมื่อกลุ่มนักสู้ที่เดินทางมาทีหลังได้เห็นการจู่โจมของพวกปลาไหล พวกเขาก็เริ่มหารือเกี่ยวกับแผนการในการจัดการปลาไหลพวกนี้ แต่มันก็มีนักสู้บางส่วนเลือกที่จะยอมแพ้และว่ายน้ำกลับไปบนพื้นผิวของท้องทะเล
เวลาทุกวินาทีในช่วงนี้มีค่าราวกับทองคำ ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้หลุดออกจากอาณาเขตที่มีปลาไหลอยู่อย่างหนาแน่นแล้ว เขาก็เริ่มว่ายน้ำด้วยความเร็วสูงสุดโดยใช้ใบมีดของเซเลสเชียลมูนในการสร้างเกราะป้องกันรอบ ๆ ตัวของเขา
แม้ว่าการพยายามควบคุมใบมีดของเซเลสเชียลมูนใต้น้ำจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เซี่ยเฟยก็จำเป็นจะต้องเร่งเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ซึ่งในบางครั้งมันก็มีปลาไหลพุ่งตัวออกมาขวางทาง แต่พวกมันก็ถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ อย่างง่ายดาย
“พวกเราใกล้จะถึงก้นทะเลแล้ว ตอนนี้สภาพแรงดันยังโอเคอยู่หรือเปล่า?” อันธกล่าวถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างจริงจัง ซึ่งในความเป็นจริงแรงดันน้ำใต้ท้องทะเลลึกเริ่มทำให้เขาหายใจเข้าออกได้อย่างยากลำบาก แต่โชคดีที่เขามักจะฝึกฝนอย่างหนักอยู่เป็นประจำ มันจึงทำให้เขายังทนรับสภาวะแรงดันแค่นี้ได้
“ถ้าอ้างอิงจากตำแหน่งปีศาจเต้นระบำเมื่อกี้นี้ ฉันคิดว่าพวกเราควรจะต้องเดินหน้าไปอีกหน่อย” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยเริ่มเปิดเครื่องไอพ่นบนชุดดำน้ำทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากมุ่งหน้าใต้ท้องทะเลไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็มีหลุมลึกคล้ายกับภูเขาไฟ
อย่างไรก็ตามจุดศูนย์กลางของหลุมลึกนี้คือเมืองโบราณ และมันยังเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาให้อยู่ใต้ทะเล!
เมืองโบราณถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยเกราะพลังงานโปร่งใสทำให้น้ำทะเลไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปในตัวเมืองได้ แต่น่าเสียดายที่เกราะพลังงานอาจจะทนอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่นาน เพราะมันมีพลังงานรั่วไหลออกมาทำปฏิกิริยากับน้ำทะเลให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ
“พระเจ้า! นั่นมันซากปรักหักพังโบราณที่สมบูรณ์ ถ้าหากอาจารย์รู้ว่าฉันได้มีโอกาสบุกเบิกซากปรักหักพังโบราณแบบนี้ เขาก็คงจะภูมิใจในตัวฉันมากแน่ ๆ” อันธกล่าวอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ยังไม่ผลีผลามเข้าไปใกล้เกราะพลังงานทันที โดยเขาเลือกนั่งลงบนพื้นทรายและสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวัง
“ก่อนหน้านี้มันได้เกิดปรากฏการณ์ปีศาจเต้นระบำไปหลายครั้งแล้ว และเกราะพลังงานโดยรอบก็เริ่มมีรอยร้าวให้เห็นอย่างชัดเจน ฉันคิดว่าเกราะพลังงานของเมืองพร้อมที่จะแตกออกได้ทุกเวลา คำถามก็คือตอนนี้เมืองทั้งเมืองถูกคลุมเอาไว้ด้วยเกราะพลังงานอย่างสมบูรณ์ แล้วพวกเราจะเข้าเมืองไปได้ยังไงโดยไม่ทำลายเกราะพลังงานที่คลุมเมืองเอาไว้?”
ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นช่องว่างในกำแพงที่ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนเพิ่งเดินผ่านพื้นที่จุดนี้ไป เพราะบนถนนภายในเมืองมีรอยเท้าซึ่งเกิดจากเศษทรายถูกทิ้งเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
“ผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 1 คน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากที่เขาได้ตรวจสอบรอยเท้า
เซี่ยเฟยย่อตัวลงพร้อมกับเคลื่อนที่ไปตามช่องว่างตามรอยเท้าของบุคคลทั้งสี่ แต่เนื่องมาจากสถานการณ์ในปัจจุบันเขาจึงจำเป็นที่จะต้องค่อย ๆ เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
บนพื้นเริ่มมีน้ำทะเลซึมเข้ามาให้เห็นบ้างแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าเมืองทั้งเมืองกำลังสูญเสียสมดุลย์ไปอย่างช้า ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีช่องว่างของเกราะพลังงานแตกออกมากกว่านี้ น้ำทะเลก็พร้อมที่จะทะลักเข้ามาในตัวเมืองได้ทุกเมื่อ
เมื่อพิจารณาจากรอยเท้าโดยละเอียดมันก็ดูเหมือนว่าทั้งสี่คนนี้ไม่น่าจะใช่ทีมเดียวกัน เพราะรอยเท้า 2 รอยเดินไปทางซ้าย ขณะที่รอยเท้าอีกสองรอยเดินไปทางขวา ซึ่งเซี่ยเฟยก็เลือกที่จะเดินไปตรงกลางโดยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น
เมื่อดูจากซากสถาปัตยกรรมแล้วเมืองแห่งนี้ก็น่าจะเป็นเมืองที่ก่อสร้างขึ้นมารองรับประชากรเป็นการชั่วคราว แล้วมันก็น่าจะเป็นเมืองสำหรับคนงานขุดเหมืองในทะเลลึก
เซี่ยเฟยเปิดประตูอาคารหอพักเข้าไปด้านใน และถึงแม้ว่ามันจะไม่มีมนุษย์หลงเหลือชีวิตอยู่ในหอพักแห่งนี้แล้ว แต่ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตัวอาคารอยู่ในสภาพที่สะอาดสะอ้านราวกับว่ามันไม่ได้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี
“ดูนั่น! นั่นมันระบบรับสัญญาณของอารยธรรมโบราณ” อันธกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่กล่องสี่เหลี่ยมที่อยู่บนโต๊ะ
เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะรีบก้าวเท้าออกไปเก็บกล่องรับสัญญาณเข้ามาไว้ในแหวนมิติ
“ระบบรับสัญญาณของอารยธรรมโบราณมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ระบบสื่อสารหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในอาคารนี้ ต่างก็ถูกควบคุมโดยกล่องรับสัญญาณที่นายเพิ่งเก็บเข้าไป” อันธกล่าวอธิบายอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นานแหวนมิติของเซี่ยเฟยก็เต็มไปด้วยวัตถุโบราณทุกชนิดที่เขาได้พบเจอ ตั้งแต่เครื่องกรองน้ำอัตโนมัติไปจนถึงเครื่องดักจับแมลงที่ถูกติดตั้งไว้ในครัว
“ของพวกนี้มันเป็นสมบัติชัด ๆ ถึงแม้ว่าจะมีเงินแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะหาซื้อของพวกนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงดังกึกก้องขึ้นมาจากด้านบนของซากปรักหักพัง เซี่ยเฟยจึงรีบเดินออกมาจากอาคารและเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เขาเห็นกลับกลายเป็นว่าพวกนักสู้ที่ได้รับความเสียหายจากฝูงปลาไหลเริ่มหมดความอดทน พวกเขาจึงกลับขึ้นไปบนผิวน้ำและใช้ยานอวกาศยิงปืนใหญ่ลงมาในทะเลลึก
“ไอ้พวกนั้นมันจะบ้าระห่ำมากเกินไปแล้ว! แบบนี้มันยิ่งทำให้เกราะพลังงานถูกทำลายไปเร็วกว่าเดิม” อันธกล่าวอย่างกังวล
“ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาจะมาบ่นแล้ว พวกเราต้องรีบเก็บเกี่ยวของมีค่ากลับไปให้ได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ชายหนุ่มพยายามมองไปรอบ ๆ ก่อนที่อาคารทรงสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่งจะดึงดูดความสนใจของเขาเอาไว้
อาคารทุกหลังภายในเมืองต่างก็เป็นเพียงแค่อาคารเตี้ย ๆ ไม่ต่างไปจากบ้านพักธรรมดา แต่สัญชาตญาณของเซี่ยเฟยกำลังกรีดร้องว่าอาคารหลังนี้ถูกตั้งอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษมากเกินไป
รอบอาคารถูกตัดผ่านด้วยถนน 4 สายทำให้การสัญจรเป็นไปอย่างสะดวกสบาย ยิ่งไปกว่านั้นอาคารแห่งนี้ยังถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มันก็ให้ความรู้สึกที่สง่างาม
บางครั้งการตกแต่งอาคารก็ไม่จำเป็นจะต้องทำให้มันดูหรูหราเสมอไป เพราะการตกแต่งอย่างเรียบง่ายก็ถือว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน
เซี่ยเฟยสังหรณ์ใจว่าอาคารแห่งนี้น่าจะเป็นหนึ่งในอาคารที่มีความสำคัญมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงรีบก้าวเท้ามุ่งหน้าตรงไปยังอาคารด้วยความรวดเร็ว
“มันมีร่องรอยเหมือนประตูเพิ่งถูกเปิดออก” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากสังเกตเห็นช่องว่างบนประตูบานหนึ่ง
“มีคนนำหน้าพวกเรามาก่อนงั้นเหรอ?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ที่แปลกก็คือดูเหมือนเขาจงใจจะมุ่งหน้าตรงมายังอาคารแห่งนี้เลย เพราะอาคารตลอดทางยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ นอกจากนี้เขายังปกปิดร่องรอยของตัวเองได้อย่างแนบเนียน นี่ถ้าหากว่าฉันไม่ได้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับประตูของอารยธรรมโบราณมาบ้าง ฉันก็อาจจะไม่สังเกตเห็นร่องรอยที่พวกเขาได้ทิ้งเอาไว้ก็ได้”
“ถ้างั้นพวกเราก็เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” อันธกล่าวอย่างจริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะหยิบกล่องเครื่องมือมาจากแหวนมิติและพยายามเปิดประตู
คนที่มุ่งหน้าเข้าไปในอาคารก่อนหน้าเขาเลือกวิธีทำลายเซ็นเซอร์โดยตรง ซึ่งมันก็เพิ่มความยากลำบากให้กับชายหนุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย
โชคดีที่เซี่ยเฟยวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณมาอย่างมากมาย ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 1 นาทีในการปลดล็อกระบบรักษาความปลอดภัยของประตูบานนี้
“เปิด!” เซี่ยเฟยพูดเบา ๆ ก่อนที่ประตูอัลลอยขนาดใหญ่จะถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ
ในเวลาเดียวกันเสียงระเบิดเหนือศีรษะยังคงดำเนินต่อไป และถึงแม้ว่าปริมาณของปลาไหลจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่พวกมันก็ไม่สามารถต้านทานการจู่โจมด้วยปืนใหญ่จากยานรบได้
แรงปะทะจากการยิงปืนใหญ่ทำให้มีเศษหินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาอย่างมากมาย และในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังเดินเข้าไปในอาคาร ก้อนหินที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 ตันก็ร่วงหล่นเข้าใส่เกราะพลังงานที่ห่อหุ้มเมืองโบราณแห่งนี้เอาไว้
ครืด!
หน้าผาหินไม่สามารถที่จะทนรับแรงระเบิดได้อีกต่อไปแล้ว เศษหินเป็นจำนวนมากจึงร่วงหล่นลงไปในร่องลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานซากปรักหักพังโบราณก็ถูกฝังเอาไว้ใต้กองเศษหิน
***************
ห๊ะ ถูกขังอีกแล้วเหรอ?