ตอนที่ 350 นรกใต้ท้องทะเล
ตอนที่ 350 นรกใต้ท้องทะเล
ระหว่างทางเซี่ยเฟยได้พบกับศพอีกสองศพที่เลือดของพวกเขายังคงอุ่นอยู่ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้
ท้ายที่สุดโอกาสแบบนี้ก็อาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่พวกเขาจะได้เป็นผู้บุกเบิกซากปรักหักพังโบราณ และถ้าหากว่าพวกเขาได้ครอบครองวัตถุโบราณที่มีมูลค่ามหาศาล มันก็อาจจะเปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเขาได้เลย
แน่นอนว่ามันไม่มีทางที่ทุกคนจะประสบความสำเร็จในระหว่างการสำรวจ เพราะการบุกเบิกซากปรักหักพังเต็มไปด้วยโอกาสอย่างมหาศาล และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนพยายามตัดคู่แข่งคนอื่นเพื่อที่จะทำให้พวกเขามีโอกาสได้ครอบครองวัตถุล้ำค่ามากยิ่งขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปเซี่ยเฟยก็แอบรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมันมีเครื่องบินโดยสารและเรือโดยสารส่งเสียงคำรามใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจากการคาดการณ์ของเขาในเวลานี้คนบนเกาะอาจจะมีจำนวนมากกว่า 1,000 คนแล้ว
แต่สิ่งที่รบกวนใจเขามากกว่านั้นคือทั้ง ๆ ที่เกาะนี้เป็นเกาะร้าง แต่ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามวิ่งรอบเกาะมากแค่ไหนเขากลับไม่พบอะไรที่ดูเหมือนเป็นซากปรักหักพังโบราณเลยแม้แต่น้อย
‘หรือว่าเขามาผิดที่?’
ห่างออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่ประมาณ 300 เมตรได้มีกลุ่มนักสู้ยืนรวมตัวกันบริเวณริมหน้าผาจำนวนหลายร้อยคน โดยนักสู้เหล่านี้ได้จับกลุ่มแยกออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ตามสังกัดของตัวเอง และแน่นอนว่ากลุ่มที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดย่อมต้องเป็นกลุ่มของสมาพันธ์จัสทิสและสมาพันธ์เฮอร์มิท
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปซ่อนตัวด้านหลังหินก้อนใหญ่เพื่อแอบฟังบทสนทนาระหว่างกลุ่มนักสู้ทั้งสอง
“สมาพันธ์จัสทิสเป็นคนค้นพบที่นี่เป็นกลุ่มแรก ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้รีบถอยออกไปเดี๋ยวนี้!”
“อย่ามาพูดจาเพ้อเจ้อ! มีหลักฐานพิสูจน์ได้ไหมว่าสมาพันธ์จัสทิสค้นพบที่นี่ก่อน ความจริงสมาพันธ์เฮอร์มิทมาก่อนสมาพันธ์จัสทิสต่างหาก”
เท่าที่แอบฟังมันก็ดูเหมือนกับว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกันในสิทธิ์การเข้าถึงซากปรักหักพังโบราณ ซึ่งหลังจากที่ได้แอบฟังอยู่พักหนึ่งเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจออกค้นหาร่องรอยของซากปรักหักพังโบราณต่อ เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องเสียเวลาที่จะมาแอบฟังคนโต้เถียงกันในเรื่องที่ไม่มีวันจะตกลงกันได้
แต่ในทันใดนั้นเองปรากฏการณ์ปีศาจเต้นระบำก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเนื่องมาจากว่าในครั้งนี้เขามาอยู่ใกล้จุดที่เกิดปรากฏการณ์ในครั้งก่อนมาก มันจึงทำให้เขามองเห็นฉากที่น่าตื่นตาอย่างชัดเจน
คลื่นพลังงานคล้ายอสรพิษขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของมหาสมุทร ก่อนที่มันจะพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่องแสงสว่างเจิดจ้าจนทำให้เขาแทบจะไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้
“ที่แท้ซากปรักหักพังก็อยู่ใต้ทะเลนี่เอง!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ตูม!
ในเวลาเดียวกันสมาชิกของสมาพันธ์ต่าง ๆ ก็เริ่มกระโดดลงไปในทะเล ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มว่ายน้ำอย่างรวดเร็วไปยังปรากฏการณ์ปีศาจเต้นระบำที่อยู่ไม่ไกล
นอกจากนี้มันยังมีนักสู้บางคนเลือกที่จะขับเรือไปยังจุดที่เกิดปรากฏการณ์ แต่การเลือกวิธีที่ปลอดภัยเช่นนี้ย่อมทำให้พวกเขาเสียเวลามากกว่าผู้ที่เลือกจะว่ายน้ำไปตั้งแต่แรก
ลำแสงของปรากฏการณ์อยู่ห่างออกจากตัวเกาะไปประมาณ 30 กิโลเมตร และเมื่อเซี่ยเฟยสามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของซากปรักหักพังโบราณได้แล้ว เขาจึงกระโดดลงไปในทะเลและเริ่มว่ายน้ำเหมือนกับนักสู้คนอื่น ๆ
ด้วยการที่เซี่ยเฟยมีพลังพิเศษสายความเร็ว มันจึงทำให้เขาสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าคนธรรมดา ซึ่งในไม่ช้าชายหนุ่มก็ว่ายน้ำขึ้นไปอยู่ในกลุ่มนำหน้าของกลุ่มนักสู้ทั้งหมด
ห่างออกจากชายหนุ่มไปประมาณ 500 เมตรเขาได้เห็นนักสู้ที่มีพลังน้ำแข็งใช้นิ้วสัมผัสกับผิวน้ำ พร้อมกับสไลด์ตัวไปตามทางน้ำแข็งที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเซี่ยเฟยได้จริง ๆ ไม่ใช่พลังพิเศษของชายคนนี้ แต่เป็นอุปกรณ์ดำน้ำระดับมืออาชีพที่ติดตั้งอยู่บนหลังของนักสู้คนนี้ต่างหาก
อุปกรณ์ดำน้ำบนหลังของนักสู้พลังน้ำแข็งมีรูปร่างคล้ายกับกระดองเต่าที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องพ่นน้ำแรงดันสูง 2 กระบอกพร้อมกับมีถังอากาศ 4 ถัง ซึ่งมากพอที่จะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์สามารถดำน้ำได้อย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 96 ชั่วโมง
เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้ซากปรักหักพังโบราณตั้งอยู่ใต้ผิวน้ำ และเขาก็ยังไม่ทราบความลึกที่แน่นอน ดังนั้นถังอากาศขนาดเล็กภายในชุดต่อสู้อาจจะไม่เพียงพอ และอุปกรณ์ดำน้ำอาชีพชุดนั้นก็น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากกว่า
เมื่อมองเห็นโอกาสเซี่ยเฟยก็ปล่อยอสรพิษพันธนาการออกไปจู่โจมศัตรูอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตานักสู้คนนั้นก็ถูกรัดร่างเอาไว้จนแน่น จนทำให้ร่างกายของเขาเสียการทรงตัวและร่วงหล่นลงไปในน้ำในเวลาต่อมา
เซี่ยเฟยว่ายน้ำเข้าหานักสู้คนนั้นอย่างว่องไว ก่อนที่จะใช้เซเลสเชียลมูนจู่โจมอย่างฉับพลันจนทำให้นักสู้พลังน้ำแข็งเสียชีวิตก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว
“เซี่ยเฟย! เขาเป็นจัสทิสเหมือนกับนายนะ” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้วขณะมองไปยังตราสัญลักษณ์ที่ปักอยู่บนหน้าอกของชายคนนี้
“ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ฉันสนใจแค่ว่าฉันต้องทำยังไงถึงจะได้วัตถุโบราณอันล้ำค่ามาไว้ในครอบครอง” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเมินเฉย
หลังจากสังหารเป้าหมายได้สำเร็จเซี่ยเฟยก็เริ่มลอกคราบเอาชุดอุปกรณ์ดำน้ำมาติดตั้งให้ตัวเอง จากนั้นเขาก็เริ่มดำดิ่งสู่ก้นทะเลโดยตรงและเริ่มใช้ระบบมองกลางคืน
ขณะนี้เป็นเวลากว่าเที่ยงคืนแล้วใต้ทะเลจึงตกอยู่ในความมืดมิด เขาจึงจำเป็นจะต้องใช้ระบบมองกลางคืนไม่อย่างนั้นเขาจะมองไม่เห็นทัศนียภาพด้านใต้ท้องทะเลเลย
จุ๋ม! จุ๋ม! จุ๋ม! …
นักสู้เริ่มดำลงไปในน้ำทีละคน แต่เวลาเพียงแค่ไม่นานพวกเขาก็รีบกลับขึ้นไปยังผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ติดตั้งชุดอุปกรณ์ดำน้ำสำหรับมืออาชีพเอาไว้ และถังอากาศขนาดเล็กในชุดต่อสู้ก็ไม่มากพอที่จะทำให้พวกเขาดำลงไปในน้ำลึกได้
ส่วนนักสู้ที่มีพลังพิเศษสนับสนุนการดำน้ำก็เริ่มกลายเป็นกลุ่มผู้นำ ขณะที่ผู้ครอบครองชุดอุปกรณ์ดำน้ำเริ่มตกกลายเป็นเป้าหมายจนทำให้เกิดการต่อสู้อันดุเดือดบนผิวน้ำ
เซี่ยเฟยไม่สนใจสถานการณ์อันวุ่นวายที่เกิดขึ้นบริเวณผิวน้ำเลย เพราะคู่แข่งของเขาในปัจจุบันคือคนที่กำลังดำดิ่งลงมาใต้ผิวน้ำเท่านั้น ไม่ใช่พวกที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านบน
“เอาไงดี? ถึงแม้นักสู้ส่วนใหญ่จะดำลงมาในน้ำไม่ได้ แต่มันก็ยังมีคู่แข่งของนายเหลืออยู่อีกมาก” อันธกล่าวถามขึ้นมาอย่างประหม่า
“ถ้าใครกล้าเข้ามาขวางทางฉัน ฉันก็จะฆ่าพวกมันให้หมด!” เซี่ยเฟยกัดฟันกล่าวอย่างจริงจัง
—
หลังจากดำน้ำลงมาสักพักเซี่ยเฟยก็เริ่มมองเห็นก้นทะเลได้อย่างชัดเจน โดยสถานที่บริเวณนี้มีลักษณะเป็นเนินทรายอยู่ลึกลงมาจากพื้นผิวประมาณ 3 กิโลเมตร
เซี่ยเฟยพยายามว่ายลัดเลาะไปตามแนวปะการัง ก่อนที่เขาจะได้เห็นผู้มีพลังสร้างฟองน้ำขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้อยู่ไม่ไกล
ชายหนุ่มเริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดิมโดยการปลดปล่อยอสรพิษพันธนาการดักจับศัตรู ก่อนที่จะใช้ใบมีดของเซเลสเชียลมูนในการสังหารศัตรูในครั้งเดียว
เมื่อต้องเผชิญกับผลประโยชน์ในซากปรักหักพังโบราณ เซี่ยเฟยก็เริ่มสนุกสนานกับการฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทางของเขา
ในไม่ช้าท้องทะเลก็ถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นเลือดล่อให้ปลาฉลามเข้ามาในบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก และพวกมันก็เริ่มจู่โจมนักสู้ทุกคนที่อยู่ใต้ทะเล
ทันใดนั้นฉลามยักษ์ตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยความรวดเร็ว แต่ร่างของมันกลับถูกผ่าครึ่งด้วยใบมีดของเซเลสเชียลมูนอย่างแม่นยำจนทำให้ท้องทะเลถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง
ปัจจุบันดวงตาของเซี่ยเฟยได้กลายเป็นสีแดงก่ำ และตราบใดก็ตามที่มีสิ่งมีชีวิตชนิดไหนอยู่ภายใต้ระยะการโจมตี เขาก็จะเริ่มสังหารทุกสิ่งโดยไม่สนใจว่าสิ่งนั้นจะเป็นปลาหรือเป็นคน
ในเวลาเดียวกันนักสู้ที่อยู่บนผิวน้ำก็เริ่มแย่งชิงอุปกรณ์ดำน้ำใกล้จะจบแล้ว พวกเขาจึงเริ่มดำดิ่งลงมาในน้ำทีละคนเพื่อไล่ตามเส้นทางที่เซี่ยเฟยเคยว่ายน้ำผ่านมา
น่าเสียดายที่ในตอนนี้มันมีเลือดปะปนอยู่ในท้องทะเลมากเกินไป ซึ่งนอกเหนือจากการที่เลือดเหล่านี้จะได้ดึงดูดฉลามเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้ว มนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้นยังพร้อมที่จะห้ำหั่นกันตลอดเวลา ทำให้หลังจากเวลาผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นานมันก็มีเศษแขนขากระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งท้องทะเล กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองไม่ต่างไปจากนรกใต้ทะเลลึก
หลังจากสำรวจพื้นทะเลอยู่นานในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบร่องลึกใต้ทะเล โดยร่องลึกนี้มีความกว้างมากกว่า 10 กิโลเมตรแต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันลึกลงไปด้านล่างอีกไกลแค่ไหน
“มันลึกขนาดไหนกันเนี่ย?” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นคำตอบด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ด้วยร่องน้ำลึกที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ถึงแม้ว่าเขาจะดำลึกลงไป แต่มันก็ยากที่เขาจะสามารถสำรวจพื้นที่ด้านล่างได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้ด้วยซ้ำว่ามันมีซากปรักหักพังโบราณอยู่ในร่องน้ำลึกตรงหน้าของเขาหรือไม่
โชคดีที่ชุดเกราะบลีดดิ้งก็อดเป็นชุดต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาได้ดีมาก มันจึงช่วยให้เซี่ยเฟยสามารถอยู่รอดภายใต้แรงดันในน้ำลึกได้ แต่ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่มีปัญหาในปัจจุบันแต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าร่องน้ำลึกนั้นมีความลึกลงไปอีกไกลแค่ไหนกันแน่ ซึ่งถ้าหากว่าเขาจำเป็นจะต้องดำดิ่งลงไปอีกประมาณ 10 กิโลเมตรมันก็คงจะสร้างปัญหาให้กับเขาอย่างแน่นอน
เมื่อมองไปยังระยะไกลชายหนุ่มก็สังเกตเห็นแสงสลัว ๆ สาดส่องอยู่ในร่องน้ำ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่ามันน่าจะมีใครบางคนนำหน้าเซี่ยเฟยไปก้าวหนึ่งแล้ว
“ไม่มีเวลาคิดแล้ว ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงแต่จะต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาที่แน่วแน่
แต่ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันได้พูดจบลง มันก็มีแสงสว่างอันเจิดจ้าพุ่งขึ้นมาจากด้านใต้ของร่องน้ำลึก
“ปีศาจเต้นระบำ! ดูเหมือนว่าซากปรักหักพังจะอยู่ในร่องลึกนี้จริง ๆ” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
นอกจากแสงสว่างอันเจิดจ้าแล้วมันยังมีกระแสน้ำพัดขึ้นมาจากร่องน้ำลึก เซี่ยเฟยจึงได้กดเท้าลงไปในพื้นทรายอย่างแรงและพยายามหาที่ยึดเหนี่ยวไม่ให้กระแสน้ำพัดพาเขาขึ้นไปด้านบน
เมื่อแสงสว่างค่อย ๆ อ่อนกำลังลง เซี่ยเฟยก็เริ่มเห็นรายละเอียดบริเวณร่องน้ำลึกได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่เขาได้พบเห็นก็เป็นภาพที่น่าหวาดกลัว เพราะมันมีสิ่งมีชีวิตอันแปลกประหลาดคล้ายปลาไหลที่มีฟันอันแหลมคมยิ่งกว่าปลาฉลามอาศัยอยู่ในขอบเหวทั้งสองด้านของร่องน้ำลึกตรงหน้า
งั่ม!
นักสู้ที่ดำลงไปสำรวจร่องน้ำลึกก่อนเซี่ยเฟยถูกปลาไหลฉีกกินเข้าไปทั้งเป็น จนทำให้ทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
หลังจากจัดการผู้บุกรุกได้เป็นที่เรียบร้อยพวกปลาไหลก็ถอยกลับไปในรังของพวกมันที่อยู่ทั่วทั้งกำแพง หลงเหลือเพียงแค่หัวที่โผล่ออกมาด้านนอกเพียงแค่เล็กน้อย และดวงตาสีทองที่กำลังคอยมองหาเหยื่อด้วยแววตาที่ดุร้าย
ความเป็นจริงสัตว์ทะเลพวกนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ประเด็นสำคัญคือมันมีปลาไหลชนิดนี้อยู่ทั่วทุกที่ และจำนวนของมันก็มากเกินไปจนทำให้แม้แต่เซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะนับพวกมันได้จนครบ
***************