นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 7 - ขึ้น
หลังจากที่เดินเข้ามาในตัวอาคารแล้ว แรงแม่เหล็กจากข้อมือดึงเขาให้ตรงไปที่ลิฟต์ทันที ดูเหมือนว่าพลังงานจากป้ายประจำตัวที่ประทับอยู่บนตัวเขา จะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางได้ตามตำแหน่งอย่างละเอียดเลยทีเดียว
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูลิฟต์ เขานึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหยุดและหันหลังกลับไปมอง และพบว่าไนฮุน กำลังเดินเข้าลิฟต์อีกตัวหนึ่งไปแล้ว
นั่นทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดเขาก็ได้อยู่ตามลำพังเสียที และทำให้ไม่รู้สึกว่ากำลังโดนจับตามองอีกต่อไป
เดวิดโยนความคิดฟุ้งซ่านออกไปจากหัว และกลับมาอยู่กับปัจจุบันเหมือนเดิม
เมื่อเขาเดินเข้าไปในลิฟต์ ก็พบว่าในนั้นมีคนจำนวนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ในนี้กว้างประมาณ 5 ถึง 7 เมตรเลยทีเดียว มันสามารถรองรับจำนวนคนได้เป็นสิบ
อย่างไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่อยู่ข้างในนั้นเท่าไรนัก เดวิดเลือกที่จะไปยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของลิฟต์ และเริ่มครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อเขาข้ามโลกมาอยู่ที่นี่แล้ว มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นมาได้ คงจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างแค่มีใครบางคนส่งเขามาที่นี่ เพียงเพื่อจะทำให้มีคนครบตามจำนวนอย่างนั้นแน่ ๆ
แต่เขาก็สั่นหัวตัวเองอย่างแรง ทุกครั้งที่เขาใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างมากเกินไป จะรู้สึกถึงอาการปวดหัวแปลก ๆ ขึ้นมาเสมอ มันเหมือนจะโจมตีเข้าที่สมองของเขาโดยตรงเลยด้วยซ้ำ
เขาหยุดคิด และยืนรอให้ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนอย่างเงียบ ๆ
แต่เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่ากำลังทำบางสิ่งที่ผิดพลาด เพราะเขาพยายามที่จะไม่มองคนอื่นเลย ทำให้ไม่รู้ว่านักเรียนทุกคนกำลังจับราวเหล็กที่ขนานอยู่กับผนังของลิฟต์เอาไว้แน่น
ตอนนี้เดวิดเพียงสงสัยอยู่แค่ว่า เขาจะไปถึงยังชั้นที่ถูกต้องได้อย่างไร ในเมื่อลิฟต์ตัวนี้ไม่มีปุ่มอะไรให้กดเลยแม้แต่ปุ่มเดียว แต่ในเมื่อทุกคนทำตัวเป็นปกติ เขาก็ตัดสินใจจะทำตัวตามน้ำไปเรื่อย ๆ
ติง! ติง! ติง!
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เขาขมวดคิ้ว มันเหมือนกับเป็นสัญญานเตือนอะไรบางอย่าง
แต่เขาเลือกที่จะหลับตา เพื่อพยายามจะขับไล่ความรู้สึกปวดหัวของตัวเองออกไปก่อน เอนตัวไปด้านข้างเล็กน้อย หมายจะพิงกับผนังของลิฟต์เอาไว้ แต่ทันใดนั้นเอง
หวือ!
ตัวลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการเตือนอะไรล่วงหน้าให้เดวิดรู้อีกเลย
ตึง!
ความเร็วของลิฟต์น่าจะมากกว่า 50 ไมล์ต่อชั่วโมง นั้นทำให้เดวิดก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง
เหล่าเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในลิฟต์ต่างพากันมองมาที่เขาอย่างแปลกใจ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นคิดอย่างเดียวกันทั้งหมด ตอนที่พวกเขาจ้องมาที่เดวิดซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่พื้น และลิฟต์ยังยกตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ‘เจ้าหมอนี่ไม่เคยใช้ลิฟต์มาก่อนเลยหรือยังไงกันนะ?’
ในที่สุด ลิฟต์ก็ลดความเร็วลง เดวิดที่สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วพยายามไม่สนใจกับสายตาของนักเรียนคนอื่น ที่ยังจ้องมองมาอยู่ที่เขา
แล้วลิฟต์ก็หยุดลงและเปิดประตู แต่เดวิดไม่ได้เดินออกไป เนื่องจากแรงแม่เหล็กที่ข้อมือของเขายังคงดึงขึ้นไปข้างบนไม่หยุด
มีนักเรียนบางคนเดินออกจากลิฟต์ไป แต่ไม่ก่อนที่พวกเขาจะหันกลับมามองดูเดวิดอีกครั้ง
แน่นอน เดวิดไม่สนใจสายตาพวกนั้นเลย แต่เขายื่นมือไปจับราวเหล็กเอาไว้แน่นทีเดียว
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูลิฟต์ก็ปิดลง และเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นต่ออย่างรวดเร็ว
‘ดูเหมือนว่าลิฟต์พวกนี้จะรู้ว่าคนที่อยู่ข้างในนี้จะไปที่ชั้นไหน แล้วมันรู้ได้ยังไงกันนะ?’
เดวิดคิดแบบนี้ขึ้นมาในหัว ก่อนที่จะสังเกตไปรอบตัวอย่างละเอียด แต่เขาก็เบื่อหลังจากมองไปได้ไม่นานนัก
แล้วแรงดึงของแม่เหล็กที่ข้อมือก็เปลี่ยนทิศทางจนได้ มันดึงเขาไปข้างหน้าแทนที่จะเป็นข้างบนเหมือนกับก่อนหน้านี้ ทำให้เดวิดรีบออกจากลิฟต์ทันทีที่ประตูนั้นเปิดออก
เขาไม่อยากจะโดนนักเรียนที่อยู่ในนั้นจ้องนานไปกว่านี้อีกแล้ว
และก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลง
“แล้วค่อยเจอกันใหม่นะ”
เมื่อเขากล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจบ ก็หันตัวกลับทันที พร้อมกับลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นในลิฟต์ไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะมันไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเขาเลย
แต่เขาไม่ได้ลืมจำว่าตอนนี้เขาอยู่บนชั้นไหนของอาคาร
หลังจากเดินต่อไปอีกไม่นานนัก เขาก็มาถึงห้องที่น่าจะเป็นของตัวเองจนได้
ที่หน้าประตูมีตัวเลขห้องติดอยู่ มันเป็นห้องหมายเลข 13248
นั่นทำให้เดวิดดีใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาจะได้พักเสียที หลังจากที่เหนื่อยมาตั้งนาน
แต่ตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อีกอย่าง เขาจะเข้าห้องได้อย่างไร ที่ประตูไม่มีลูกบิด มือจับ ปุ่ม หรืออะไรประเภทนั้นเลย มันเป็นแค่แผ่นเหล็กเปล่า ๆ เท่านั้น
เขาพยายามเคาะลงไปที่ประตูนั่น หวังว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น และแน่นอนว่าเขาต้องผิดหวัง
“เปิด” เขาส่งเสียงออกไปอย่างลังเลไม่น้อย
“กรุณาเปิด” แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรจากประตูเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เขาเริ่มสับสนเป็นอย่างมากแล้ว ตอนนี้เขาเหนื่อยมากจริง ๆ และแค่หวังว่าจะสามารเข้าไปในห้องของตัวเอง อาบน้ำให้ดี และนอนหลับให้สบาย ตามที่ได้รับรู้มาว่าเขามีเวลาว่างทั้งสัปดาห์ แต่กลายเป็นว่าตอนนี้เขาหมดปัญญาแม้แต่จะเข้าห้องของตัวเอง
ปัง!
เขาทุบลงไปที่ประตูด้วยความสับสน
“นายไม่รู้เหรอว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ผลน่ะ?”
เดวิดผงะไปเล็กน้อย เพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนั่นพอสมควร
เมื่อหันหลังกลับไปมอง เขาก็เห็นว่าใครกำลังพูดอยู่
“ฉันรู้จักนายหรือเปล่า? ฉันรู้สึกเหมือนว่าเราเคยเจอกันมาก่อนนะ” เขาถามออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา เขารู้สึกว่าเสียงนั่นคุ้นหู แต่เขาลืมไปแล้วว่าคนตรงหน้านี้คือใคร
“อะไรนะ?” ชายคนนั้นถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำถามของเดวิด เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำถามแบบนี้
และใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นค่อย ๆ แดงขึ้นเรื่อย ๆ จากความโกรธ เมื่อเขาเริ่มคิดได้ว่า ใครบางคนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ไม่สามารถจะจำหน้าเขาได้ด้วยซ้ำ
เข้าจ้องหน้าของเดวิดอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวออกมา “ถ้านายจำฉันไม่ได้ แล้วยังจำได้บ้างมั้ยว่าได้คุยอยู่กับใครคนหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้?”
เดวิดใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตาก็จ้องมองอยู่ที่หน้าของไนฮุนอย่างลังเลใจ แต่ก็ส่ายหน้าออกมาในที่สุด “ฉันไม่แน่ใจเท่าไร”
ไนฮุนโกรธจนหน้าเขียว เริ่มหายใจถี่ แต่ก่อนที่เขาจะหันตัวจากไปด้วยความโมโห ก็ได้ยินเสียงของเดวิดกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาน่า! ฉันแค่ล้อนายเล่นแค่นั้นแหละ อย่าทำเป็นจริงจังไปเลย” เดวิดหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ในใจของเขานั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะจริง ๆ เขาไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ท่าทางอันโกรธเกรี้ยวของไนฮุนหายไปในพริบตาราวกับควันไฟ เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยโมโหมาก่อนเลย
“นายรู้บ้างมั้ยว่าประตูนี้มันต้องเปิดยังไง? มันทำให้ฉันปวดหัวมากจริง”
เดวิดเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากไนฮุน
นั่นทำให้ไนฮุนจ้องมองเขาอย่างแปลก ๆ แม้ว่าจะไม่มีท่าทางโกรธอะไรแล้ว
“ทำไมนายต้องถามฉันด้วย? นายไม่ได้อ่านคู่มือของนักเรียนเลยใช่มั้ย?”
ไนฮุนถามคำถามที่ตัวเองน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วออกมา
เดวิดจ้องหน้าของเขากลับเหมือนว่ากำลังมองคนโง่อยู่ “แล้วทำไมฉันจะต้องอ่านอะไรพวกนั้นด้วย? ถามจริง ๆ เถอะว่ามีใครเขาอ่านกันบ้าง?” เขาไม่กล้าถามออกไป ว่าจะอ่านคู่มือนักเรียนอะไรนั่นได้ที่ไหน เพราะมันอาจจะทำให้ไนฮุนเกิดความสงสัยขึ้นมาได้
“นายแค่บอกฉันมาว่าจะเปิดประตูนี้ได้ยังไงก็พอแล้ว”
“มันง่ายจะตายไป นายแค่ต้องยกแขนของตัวเองขึ้น ให้ป้ายประจำตัวอยู่หน้าประตู 3 วินาทีก็เรียบร้อยแล้ว”
“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่มีอะไรอีกแล้วใช่มั้ย?”
เดวิดถามเพิ่ม แต่ก็ยกมือตัวเองขึ้นวางไว้ที่หน้าประตูแต่โดยดี
“กำลังสแกน ได้โปรดรอสักครู่....ยินดีต้อนรับเดวิด พวกเรากำลังรอคุณอยู่เลย”