ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 5 - ความทะเยอทะยานของมู่เฉิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 7 - ขึ้น

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 6 - เด็กสาวที่ชื่อฟิลลิดา


เดวิดยังคงเดินตามการนำทางไปที่ห้องพักของเขาอยู่ แต่จากหางตาของเขา ยังเห็นไนฮุนเดินตามเขามาอยู่ ทั้ง ๆ ที่เขานึกว่าเจ้าหมอนี่หายไปตั้งนานแล้ว

หลังจากเหลือบตามามองเขาอย่างชัด ๆ แล้ว เดวิดก็เอ่ยถามออกไป “นายยังต้องการอะไรอีก?” นี่เป็นสิ่งที่เดวิดสงสัยอยู่จริง ๆ ไม่แน่ใจว่าเจ้าหมอนี่ตามมาเพราะสงสัยอะไรในตัวเขาอยู่หรือไม่ แต่เขาก็ยังไม่ได้หยุดเดิน

สีหน้าของไนฮุนแสดงความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมา ก่อนจะเอ่ยปาก “นายหมายความว่ายังไง?”

เดวิดขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับการสนทนาในครั้งนี้ขึ้นมาจริง ๆ แล้ว หลังจากที่หันไปจ้องหน้าไนฮุนอย่างจริงจัง ก็พูดกับเขาตามตรง “ฉันหมายความตามที่พูด นายกำลังจะไปที่ไหน? พวกเราควรจะมุ่งหน้าตรงไปยังห้องของตัวเองที่หอพักไม่ใช่หรือ? แต่ดูเหมือนว่านายกำลังจะเดินตามฉันมาอยู่นะ”

นั่นทำให้ไนฮุนเริ่มรู้ตัว จากที่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เหมือนกับว่าเขากำลังเดินตามเดวิดอยู่จริง ๆ จึงได้รีบอธิบายออกมา

“นายกำลังเข้าใจผิดแล้ว ดูเหมือนว่าป้ายประจำตัวจะนำทางพวกเราไปที่เดียวกันต่างหาก”

สิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้เดวิดชะงักไปเล็กน้อย แต่คำอธิบายนี้มีความเป็นไปได้สูง และถ้าเขาโกหกเกี่ยวกับเรื่องนี้ สุดท้ายมันก็จะถูกเปิดโปงออกมาเองอยู่ดี ตอนนี้สิ่งที่เดวิดต้องทำ ก็เพียงแค่เดินไปตามทางอย่างเงียบ  ๆ และไม่ตอบคำถามอะไรออกไปอีก

เดวิดเลิกสนใจไนฮุนอย่างสิ้นเชิง เดินต่อไปตามการนำทางของเขา และต่อจากนั้นไม่นาน เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ถนนสายหนึ่ง ที่มีตึกสูงระฟ้าตั้งอยู่เต็มไปหมด บางตึกนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอย่างยิ่ง ความสูงของมันมากจะมากกว่า 400 เมตร  แต่สิ่งที่ทำให้มันดูยิ่งใหญ่ และน่าตกใจมากกว่าก็คือ ความกว้างที่มากกว่า 500 เมตรของมัน นี่มันไม่ควรจะใช้สิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้บนโลกนี้เลย แล้วถ้าให้พูดออกมาตามตรง การออกแบบของตึกพวกนี้ มันดูสมบูรณ์แบบมาก ศิลปะที่ผสมผสานกันของวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นที่สุด

หลังจากเดินผ่านเข้าไปในถนนเส้นนั้นมาอีกสักระยะหนึ่ง เดวิดและไนฮุนก็มาถึงตึกขนาดใหญ่ 2 หลัง แม้ว่าตึกทั้งสองนี้จะตั้งอยู่ติดกัน แต่ทางเข้าของมันนั้นอยู่ห่างไกลกันไม่น้อย

ตอนนี้เองที่แรงแม่เหล็กจากป้ายประจำตัวที่ข้อมือของเดวิดดึงเขาไปทางตึกใหญ่หลังหนึ่ง ‘หืมม์! นี่คือหอพักอย่างนั้นหรือ? อืม!’ เขาได้แต่เกาหัวของอย่างประหลาดใจ ก่อนจะพึมพำออกมา “นี่มันต่างจากที่ฉันคิดเอาไว้นิดหน่อยแฮะ”

“โอ้! แล้วนายคิดเอาไว้ว่ายังไงล่ะ? อาคารลอยฟ้าอย่างนั้นหรือ?” เดวิดได้ยินเสียงพูดหวาน ๆ ของผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังของตัวเอง

“ถูกต้อง! ในเมื่อยานพาหนะสามารถลอยอยู่บนฟ้าได้ ทำไมพวกเขาจะสร้างอาคารที่ลอยอยู่บนฟ้าไม่ได้ล่ะ? ...มันน่าจะดีไม่น้อยทีเดียว ถ้าได้อาศัยอยู่ใน ‘ห้องพักลอยฟ้า’ ไม่ใช่หรือ?” เดวิดตอบไปอย่างที่ตัวเองคิดอยู่ตอนนั้น สายตายังจ้องมองอยู่ที่ตึกหลังใหญ่

เสียงที่ตอบกลับมาแฝงไปด้วยความประหลาดใจไม่น้อย “ช่างเป็นความคิดที่น่าสนใจจริง ๆ แต่นายไม่ใช่คนแรกที่คิดแบบนั้นออกมาหรอก และก็ไม่น่าจะเป็นคนสุดท้ายด้วย”

เดวิดไม่ได้แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองคนที่กำลังพูดอยู่ข้างหลังของเขา พยายามผ่อนคลายตัวเองจากอาการเกร็งที่เกิดขึ้น เสียงที่เขากำลังได้ยินอยู่นั้น ไม่เคยปรากฏอยู่ในความทรงจำของเขาเลย ดังนั้น มันคงจะเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องรู้สึกเกร็งขึ้นมา นั่นก็คือความรู้สึกคุกคามอย่างเข้มข้น ที่เขารู้สึกได้อย่างไม่รู้ตัว

ก่อนหน้านี้ ตอนที่มีเสียงของหญิงสาวชวนคุยเข้ามา เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และตั้งใจที่จะสนทนากับเธอต่อ แต่ถึงตอนนี้แล้ว ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

ถ้ามีใครกำลังมองมาที่หน้าของเดวิด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังเกร็งเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนกับว่า เขากลัวที่จะต้องกล่าวอะไรออกไป

บางทีนี่อาจจะเป็นผลข้างเคียงที่มาจากกระบวนการปลูกถ่ายเท่านั้น แต่การหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เกิดปัญหาเข้าไว้เป็นทางเลือกที่ดีกว่า โดยเฉพาะในตอนที่เขายังอ่อนแออยู่อย่างนี้

คนที่สามารถรอดชีวิตผ่านกระบวนการปลูกถ่ายมาได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน การระวังตัวเอาไว้ให้มาก เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดอย่างแน่นอน

“โอ้!” นั่นทำให้เดวิดตอบกลับไปเพียงแค่นั้น และเลิกให้ความสนใจกับเธอคนนั้นอีก ค่อยเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นไปอย่างช้า ๆ ตามแรงดึงนำทางของพลังแม่เหล็ก ท่าทางของเขานั้นอาจจะดูผ่อนคลาย แต่ถ้ามีคนสังเกตอย่างจริงจัง จะพบว่าเขานั้นตัวแทบจะแข็งทื่อไปหมดแล้ว

ส่วนไนฮุนนั้น ตอนนี้เขานำหน้าออกไปเล็กน้อยแล้ว ตอนที่เดวิดกำลังยืนประหลาดใจกับอาคารหลังนี้อยู่

...........

เธอยื่นมือออกไปห้ามคนของตัวเอง ไม่ให้พุ่งออกไปหยุดเดวิดที่กำลังเดินจากไป และดวงตาของฟิลลิดาก็ส่องประกายแสงอันเย็นชาออกมาแวบหนึ่งก่อนที่เธอจะรีบปิดบังมันเอาไว้

“ตอนนี้ปล่อยเขาไปก่อน ยังมีเวลามากพอที่พวกเราจะจัดการกับเขา ถ้าลงมืออะไรไปตั้งแต่วันรายงานตัวจะทำให้ดูไม่ดีนัก ไม่ใช่หรือ?”

ตอนที่เธอพูดอยู่นั้น สายตาของฟิลลิดายังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังที่อยู่ไกล ๆ ของเดวิด ด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด

“พี่ครับ! ทำไมพี่ถึงได้สนใจเจ้าหมดนั่นขึ้นมาอย่างกะทันหันอย่างนี้ มันก็แค่เป็นคนธรรมดาที่เห็นได้อยู่ทุกวัน มีแต่ความหยิ่งยโสอย่างผิดปกติเท่านั้นเอง ไม่สนใจแม้แต่กระทั่งพี่เลย มันมีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ?” ในกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอนั่นเอง เด็กหนุ่มหน้าตาดีที่รูปร่างสูงคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ด้านหลังของฟิลลิดาถามขึ้นมาเสียงดัง

“หืมม์ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน” ฟิลลิดาตอบกลับมาเสียงเรียบ ๆ แต่คำพูดที่ออกมาต่อจากนั้น ช่างเต็มไปด้วยความเย็นชา

“พวกเรามาที่นี่ยังไม่พ้นหนึ่งวันดี แต่นายก็เริ่มสงสัยในการตัดสินใจของฉันแล้วอย่างนั้นหรือ?”

ถึงแม้ว่าอีวานจะไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่ท่าทางของเขากลับแสดงออกมาให้ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจน นิ้วมือของเขานั่นสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ และฟิลลิดาก็รับรู้ความเปลี่ยนแปลงนั้นได้เช่นกัน

เธอได้รับเลือกจากตระกูล ให้เป็นผู้นำของกลุ่มรุ่นเยาว์ในตระกูลที่เข้ามาเรียนที่สถาบันนี้พร้อมกัน และเธอก็รู้ดีว่า ไม่ใช่ทุกคนจะพอใจกับการเลือกแบบนี้

โบรแกนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่เต็มใจอย่างที่สุด เขาต้องการที่จะเป็นผู้นำอย่างมาก แม้ว่าหัวหน้าตระกูลจะเป็นคนที่เลือกฟิลลิดาด้วยตัวของเขาเอง ดังนั้น เขาจึงได้แอบวางแผนกับคนอื่น ๆ ให้สนับสนุนตัวเอง ค่อยสร้างความลำบากให้กับฟิลลิดา

ตอนนี้ฟิลลิดาหันหลังกลับมาจ้องอยู่ที่อีวานเขม็ง แล้วเธอก็หัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากจ้องเด็กหนุ่มได้ไม่นาน

“อีวาน นายไม่ควรบังคับให้ตัวเองต้องทำในสิ่งที่ทำไม่ได้หรอกนะ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อน”

ตัวของฟิลลิดาเองนั้น เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง คิ้วของเธอนั้นโค้งมนน่ามอง ดวงตาสีเขียวนั้นเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดใบหน้าของเธอ ประกอบเข้ากับริมฝีปากอันแดงฉ่ำ ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูเย้ายวนเป็นอย่างยิ่ง ผิวที่เรียบเนียนของเธอเปล่งประกายราวกับไข่มุก รูปร่างของเธอนั้นสวยงามราวกับนางฟ้า จุดที่ควรจะโค้งมนก็ใหญ่ได้รูป ไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือเล็กจนเกินไป แต่คงไม่สามารถใช้มือเดียวปิดได้หมด ผมสีดำยาวประบ่าของเธอสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นเงางาม

รูปลักษณ์ของเธอนั่นดึงดูดใจผู้ชายทุกคนที่กำลังเดินผ่านไปมา แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะกล้าเข้ามาทักทาย อาจเป็นเพราะจำนวนของคนที่ติดตามเธออยู่ในตอนนี้ แต่อย่างไรเสีย เธอก็เป็นสาวงามอย่างน่าเหลือเชื่อคนหนึ่ง และเป็นสาวงามที่มีเสนห์ดึงดูดใจมากเสียด้วย

หลังจากกวาดตามองดูคนที่ติดตามเธอมา ก็พบว่าสายตาบางคู่มองมาอย่างเร่าร้อน แฝงไปด้วยความต้องการ นี่ไม่ได้ทำให้ฟิลลิดารู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนี้จะมาจากตระกูลเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งหมดแทบจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ใกล้ชิดกันเลย และในที่สุด เสียงอันเย็นชาของเธอก็ดังออกมาอีกครั้ง

“อาจมีใครในหมู่พวกนายสงสัยในความเป็นผู้นำของฉัน และพยายามจะส่งคนอื่นมาทดสอบ ให้คนอื่นทำงานสกปรกแทนตัวเอง ถือว่าเป็นวิธีที่ฉลาด แต่มันก็เป็นการแสดงออกถึงความขี้ขลาดตาขาวด้วยเหมือนกัน เอาล่ะ! แยกย้ายกันไปได้แล้ว ท่านผู้นำตระกูลได้เตรียมที่พักให้กับพวกเราทั้งชั้นเอาไว้แล้ว อย่ามามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย” และเธอก็หมุนตัวเดินจากไป

สีหน้าของโบรแกนตอนนี้น่าเกลียดเป็นอย่างมาก เขาได้ยินสิ่งที่เธอกล่าวออกมาได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่กล้าที่จะตอบโต้อะไรออกไป ในขณะที่อีวานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

คนในตระกูลของเธอแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มเด็กผู้ชายพากันเดินเข้าไปในหอพักของผู้ชาย ส่วนอีกกลุ่มที่มีเฉพาะเด็กผู้หญิงทั้งหมด ก็เดินเข้าไปในหอพักผู้หญิงกันฟิลลิดา ทั้งหมดพากันหายไปจากถนนอย่างรวดเร็ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด