ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 1 - การเกิดใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 3 - จ้าวแห่งสัตว์ร้าย

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 2 - พันธุกรรม


เดวิดกำลังตกอยู่ในภวังค์ของความคิด

และตอนที่เขากำลังสังเกตรอบข้าง และใช้ความคิดอยู่นั้น เขาไม่ได้ฟังในสิ่งที่มู่เฉินพูดอยู่เลย ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง

ถึงแม้ว่าเขาจะค่อนข้างดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่การที่มาปรากฎตัวอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก ไม่คุ้นเคยนี้อย่างกะทันหัน มันทำให้เขารู้สึกกลัว

เขาอดที่จะนึกถึงประโยคที่กล่าวเอาไว้ว่า ‘ทนทุกข์กับความเจ็บปวด ที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย’ จากหนังสือบางเล่มที่เขาเคยอ่านผ่านตา หัวใจของเขาเต้นแรง เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำให้ตัวเองสงบลง

ในตอนแรกเขายังไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้ ก็มันไม่ใช่ว่าเรื่องเหนือจินตนาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับทุกคนได้ง่าย ๆ หรอกหรือ ความจริง เขายังมีความหวังอยู่เล็ก ๆ ว่านี่คือฉากในการแสดงอะไรบางอย่าง แต่หลังจากที่เขาสังเกตสิ่งรอบตัวไปเรื่อย ๆ ความหวังของเขาก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเผชิญหน้าอยู่กับความเป็นจริง เทคโนโลยีที่เขาเห็นอยู่ในห้องทดลองแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่อย่างเดียวที่เขาจะระบุมันออกมาได้เลย มันไม่เหมือนกับสิ่งใดที่เขาเคยเห็นในห้องทดลองปกติในโลกของเขา ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่เขาก็เป็นคนที่สนใจในเทคโนโลยีอย่างมาก ถึงขนาดลองทำการทดลองบางอย่างด้วยตัวเองด้วยซ้ำ

อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นแตกต่างทั้งในเรื่องขนาด และรูปร่าง จากสิ่งที่อยู่ในความรู้ของเขา นั่นทำให้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า เทคโนโลยีในโลกนี้มีความก้าวหน้ามากกว่า และแตกต่างจากโลกที่เขาเคยอยู่

แคปซูลสำหรับการปลูกถ่ายที่เดวิด และเหล่าวัยรุ่นคนอื่น ๆ เดินออกมา เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น หรือแม้แต่เคยได้ยินใครกล่าวถึงมันมาก่อน

เหมือนว่าแคปซูลนี้จะมีทั้งความสามารถในการปลูกถ่าย และความสามารถในการรักษาสภาพร่างกายของผู้ปลูกถ่ายให้คงที่ระหว่างการปลูกถ่าย

หลังจากมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดหวั่น สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาอย่างช่วยไม่ได้คือ ความสงสัยที่ว่าตอนนี้เขาอยู่ในอนาคต หรือว่าอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอีกใบไปเลย

ทันใดนั้นเอง

เดวิดรู้สึกว่ามีคนมาแตะที่ช่วงเอวของเขา เขาขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองทางซ้ายมือของตัวเอง สายตาจ้องเขม็งไปที่บุคคลที่มาแตะตัวเขา

“ฉันขอโทษ แต่ดูเหมือนนายจะไม่ได้ตั้งใจฟังเลย แต่ดูจากท่าทางของคุณมู่เฉิน เขาไม่ใช่คนที่จะยอมปล่อยให้คนที่ไม่เชื่อฟังเอาไว้แน่ ดังนั้น....”

เด็กผู้ชายที่สะกิดชายโครงของเดวิดด้วยศอกของเขา พยายามที่จะอธิบายการกระทำของเขาให้ฟัง ก่อนที่เดวิดจะได้ทำอะไร เหมือนกับเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าเขาจะต้องถูกมองหน้าแน่นอน

เขาดูจะมีอายุมากกว่าเดวิดเล็กน้อย และยังมีส่วนสูงที่มากกว่าเดวิดเกือบหนึ่งช่วงหัว และมีลักษณะท่าทางที่ค่อนข้างดี

เดฟยังจ้องหน้าของเด็กชายนั่นอยู่ มุมปากของเขากระตุก พยายามกล่าวคำพูดที่ติดอยู่ที่ปลายลิ้นออกไป

หลังจากอยู่ในความเงียบ 2-3 วินาที ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากได้

“ขอบใจมาก อัจฉริยะ”

หลังจากกล่าวขอบคุณแบบแดกดันกลับไป เดฟหันหน้ากลับมาจากเด็กชายนั่น ตอนนี้เขาไม่ได้อารมณ์ดีนัก แต่ก็ยังเริ่มให้ความสนใจไปที่ชายลักษณะเหมือนชาวเอเชียที่ยืนกล่าวอะไรอยู่ข้างหน้าของกลุ่มคนนั่น สิ่งที่ชายคนนั้นพยายามอธิบายออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเอาเลย

“ยังไงก็ดี ฉันชื่อไนฮุน มาจากฐานที่มั่นเฟอร์ริส เซ็กเตอร์ B-15 นะ”

หลังจากที่เงียบไปทั้งคู่อยู่หลายนาที เด็กหนุ่มคนนั้นก็เริ่มแนะนำตัวเองให้เดฟรู้จัก ด้วยการเอนตัวเข้ามากระซิบข้าง ๆ หูเขา

เดฟได้แต่คำรามอยู่ในใจ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตของเขา เขาจัดประเภทของคนอย่างนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว ‘เครื่องจักรช่างพูด’ มีวิธีเดียวที่เท่านั้นที่จะรับมือกับคนประเภทนี้ได้! ‘เงียบ’

ดังนั้นเดวิดแค่ทำเป็นไม่สนใจเขา พยายามอย่างเต็มที่ในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่มู่เฉินกำลังพูดอยู่

หลังจากที่ได้สังเกตรอบ ๆ ข้างมาสักพัก ตอนนี้ในสมองของเขาไม่มีเสียงดัง และความรู้สึกเจ็บปวดเหลืออยู่แล้ว ทำให้เขาสามารถทำความเข้าใจในความทรงจำที่เคยไหลเข้ามาในหัวได้มากขึ้นเล็กน้อย

จากความทรงจำที่เขาได้รับมา เหล่าวัยรุ่นที่อยู่ในห้องทดลองใต้ดินนี้จะมาจากเชื้อชาติที่แตกต่างกัน มีทั้งที่มาจากเซ็กเตอร์เดียวกัน และจากต่างเซ็กเตอร์ด้วย

ด้วยการที่โลกใบนี้ถูกรุกรานด้วยสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ และระเบิดนิวเคลียร์ มนุษยชาติไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะจัดตั้งฐานที่มั่นสำหรับผู้รอดชีวิตขึ้นมา โดยจัดฐานที่มั่นเหล่านั้นเป็นเซ็กเตอร์ต่าง ๆ ในพื้นที่ ๆ ปลอดภัย เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของมนุษยชาติไว้ไม่ให้สูญพันธุ์

ในฐานที่มั่นจะแบ่งออกเป็นหลากหลายเซ็กเตอร์ มันถูกตั้งชื่อตามระดับของมัน จากมาตรฐานความเป็นอยู่ และสถานะทางเศรษฐกิจ

เหล่าครอบครัวที่ร่ำรวยจะอยู่ในเซ็กเตอร์ A-00 ถึง B-15 ในขณะที่เซ็กเตอร์ F-90 คือพื้นที่ ๆ เป็นระดับต่ำที่สุดในฐานที่มั่นแล้ว คนส่วนใหญ่จะเรียกพื้นที่เหล่านี้ว่าสลัม

แต่จากในความทรงจำนั้น เดวิดรู้ดีว่า พวกเขาจะไม่ได้กลับไปที่เช็กเตอร์เหล่านั้นอีก ไม่ว่าจะเป็นเซ็กเตอร์ไหน

แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะอะไร?

“....พวกเธอบางคนอาจจะไม่พอใจที่ถูกบังคับให้จากครอบครัว พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมาอยู่ที่นี่ ถูกบังคับให้ออกมาจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง และต้องมารับการปลูกถ่าย แต่ฉันสามารถให้ความมั่นใจกับพวกเธอได้เลยว่ามีเฉพาะคนที่มีความรู้ความเข้าใจที่น้อยมาก เกี่ยวกับสถาบัน และประโยชน์ที่จะได้รับจากมัน เท่านั้น! ที่จะคิดแบบนั้น”

ยังมีเด็กหนุ่มสาวบางคนที่แสดงอาการโกรธเคืองอยู่ แต่หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของมู่เฉินแล้ว พวกเขาได้แต่หันมามองหน้ากันเอง ในขณะที่บางคนรับรู้ถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอยู่แล้ว ยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิ พวกเขาทั้งหมดยังเป็นเด็กอยู่ทั้งนั้น แค่มีความเหนือกว่าคนอื่นแม้แต่เพียงเล็กน้อย ก็ทำให้พวกเขาพอใจได้มากแล้ว

เดวิดยังรู้สึกสับสนกับคำพูดเกี่ยวกับสถาบัน ที่คุณที่ยืนอยู่ข้างหน้าคนนั้นกล่าวถึง เพราะในความทรงจำที่เขาได้รับมาไม่มีเรื่องสถาบันอะไรนี่อยู่เลย ดูเหมือนว่าเขาจะยังได้รับความทรงจำมาไม่ครบถ้วนนัก แต่เขารู้ว่าเจ้าของร่างเดิมนี้เป็นหนึ่งในคนที่ถูกบังคับให้จากครอบครัวมา

จากความทรงจำ เขาได้รับรู้ว่าเจ้าของร่างเดิมนี้มีชื่อว่าเดวิดเหมือนกัน เขาไม่ได้รับความดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่มากนัก ดังนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจพวกท่านเท่าไรเหมือนกัน และสาเหตุทั้งหมดอาจจะมาจากการที่เขาถูกคัดเลือกให้มาที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก เนื่องจากร่างกายของเขานั้นแข็งแรงกว่าเด็กรุ่นเดียวกันมาก แทนที่จะเป็นพี่ชายคนโตของเขา

สำหรับครอบครัวธรรมดาที่อาศัยอยู่ในที่หลบภัย ทุกครอบครัวจะต้องส่งเด็กอายุระหว่าง 16-19 ปีมาเข้าสถาบัน เพื่อทำการฝึกฝนให้มีความแข็งแกร่ง และทำหน้าที่ปกป้องเขตแดนป้องกัน ต่อสู้กับการรุกรานของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์

สำหรับครอบครัวธรรมดา ๆ ทั่ว ๆ ไป การถูกเลือกมาเข้าร่วมนั้นไม่ต่างจากการถูกส่งไปตาย ในหลายปีที่ผ่านมานี้ เด็กที่ถูกเลือกเกือบทั้งหมด ไม่มีใครได้กลับไปเลย

ไม่มีข้อความ ไม่มีการติดต่อ ไม่มีอะไรเลย! มันเหมือนว่าพวกเขาตายไปแล้ว หรือไม่ก็ถูกลบหายไปจากโลกนี้ทั้งอย่างนั้น ทำให้คนส่วนใหญ่จะสรุปกันแล้วว่าพวกเขาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แน่นอนว่ามันไม่ถูกต้องอย่างนั้นเสียทั้งหมด แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากจะให้ลูก ๆ ของพวกเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์อย่างนี้แน่

ยังมีบางครอบครัวที่สิ้นหวังแล้วจริง ๆ พยายามเดิมพันว่าลูกของตัวเองจะรอดชีวิตกลับมาได้ เพราะนั้นมันหมายถึงความรุ่งโรจน์อันยิ่งใหญ่ของครอบครัวเลยทีเดียว

ส่วนครอบครัวที่ร่ำรวยในฐานที่มั่น พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสถาบันอยู่บ้าง และพยายามจัดเตรียมทุกอย่างเพื่อให้ลูกหลานของพวกเขาสามารถผ่านพ้นมันไปได้ พวกเขากระทั่งรับรู้ข้อมูลที่ว่าการปลูกถ่ายนั้นมีความสำเร็จในอัตราที่ไม่สูงมากนัก แต่นั่นยังคงหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาส่งลูกหลานมาเข้าร่วมกับสถาบันนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะตระกูลหรือครอบครัวที่มีอิทธิพล พวกเขาถึงกับอาสาที่จะส่งเด็กมาเข้าร่วมเองเลยทีเดียว

นั่นเป็นเพราะพวกเขาเคยได้รับรู้ และลิ้มรสผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการปลูกถ่ายสำเร็จมาแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประมาทหรือชะล่าใจแต่อย่างไร พวกเขาพยายามฝึกฝนและชุบเลี้ยงลูกหลานของตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งเรื่องวิชาการต่อสู้ และบำรุงด้วยสารบำรุงต่าง ๆ ด้วยความที่ว่ามันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้

หน้าของเดวิดเคร่งเครียดขึ้น เมื่อดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบอะไรบางอย่างในความทรงจำ แต่เขายังคงตั้งใจฟังคำพูดที่กำลังถูกกล่าวออกมาต่อไป

“ฉันจะไม่กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากไปกว่านี้อีกแล้ว ตอนนี้! พวกเธอแต่ละคนได้รับการปลูกถ่ายพันธุกรรมภายนอกเข้าไปแล้ว ขั้นตอนในการปลูกถ่ายชุดของโครโมโซมเข้าไปในร่างกายนั้นสร้างภาระให้กับร่างกายของมนุษย์จนถึงระดับเซลล์พันธุกรรมเลยทีเดียว

การที่จะทำมันได้สำเร็จจะต้องอาศัยความช่วยเหลือของตัวเร่ง TY-13 เพื่อเพิ่มศักยภาพของเซลล์พันธุกรรมในร่างกายก่อน”

มู่เฉินหยุดพูด แล้วกวาดตามองไปที่เหล่าเด็กหนุ่มสาวข้างหน้าของเขา ปล่อยให้พวกเขานึกย้อนถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการ เกือบทั้งหมดขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความกลัว มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิตที่พวกเขาอยากจะลืม

มู่เฉินค่อย ๆ ใช้น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสงสาร และเสียใจกล่าวคำพูดของเขาต่อไป ถึงแม้ว่ามันจะมีความสงสาร หรือเสียใจปนอยู่ไม่มากจนทุกคนสัมผัสได้ แต่มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ามันไม่ใช่สำหรับชีวิตที่สูญเสียไป แต่เป็นเพราะว่าเขาต้องขาดผู้ช่วยที่ดีในอนาคตไปต่างหาก

“การที่ผู้ล้มเหลวในการปลูกถ่ายเสียชีวิตนั้น เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถรับมือกับความเครียดของเซลล์ที่เกิดขึ้นได้ โครโมโซมของพวกเขาไม่สามารถรองรับการเพิ่มของยีนได้อีก ทำให้โครโมโซมต่าง ๆ และเซลล์พันธุกรรมเกิดโอเวอร์โหลดขึ้น ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้น กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นไม่ไหว”

ตอนที่เขาพูดอยู่นั้น มู่เฉินนึกย้อนไปถึงภาพที่เข้าเห็นจากจอมอนิเตอร์ ภาพผู้ที่ไม่สามารถรองรับการเพิ่มขึ้นขึ้นของปริมาณยีนระหว่างการปลูกถ่ายได้ พวกนั้นน่าจะรู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของตัวเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งมันเป็นผลมาจากการที่ส่วนที่เล็กที่สุดอย่างลำดับการเรียงตัวของยีนในโครโมโซมเริ่มแตกสลาย และส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจนทั่วร่างกายของพวกเขา

สุดท้ายแล้วพวกเขาก็กลายเป็นแค่กองเลือดดำ ๆ เหนียว ๆ แต่ก่อนหน้านั้นมันจะเต็มไปด้วยเสียงร้องอันโหยหวนดังก้องไปทั่วห้องทดลอง แต่นั่นมันก็เป็นเพียงเสียงกรีดร้องที่เขาต้องได้ยินเป็นประจำตามหน้าที่อยู่แล้ว

แต่โชคดีที่แคปซูลนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้กันเสียงได้ โดยสมาคมพันธุกรรม ยิ่งไปกว่านั้นห้องทดลองนี้ยังอยู่ใต้ดินอีก โดยการจัดการของทางกองทัพ นั่นมันทำให้ไม่ได้สร้างความแตกตื่นออกไปภายนอกเลย

และในเมื่อวัตถุดิบในการทดลองเป็นของสมาคมพันธุกรรม และเงินทุนเป็นของกองทัพ ถ้าพวกที่ทนไม่ได้จะกล่าวโทษใคร ก็ไปโทษพวกเขาเอาเองก็แล้วกัน

“หืมม์!?!”

ดวงตาของเดวิดเบิกโพลง เมื่อได้ยินเรื่องนี้

จากคำพูดของมู่เฉินเมื่อสักครู่นี้ เขายืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่าเขาต้องกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแน่นอน และอยู่ในโลกที่แตกต่างจากโลกใบเก่าของเขาอย่างสิ้นเชิง และเขาตอนนี้ทั้งไม่ได้กำลังฝันหรือประสาทหลอนอยู่แน่ ๆ

ถึงแม้ว่าบนโลกใบเก่าของเขา แผนที่ของพันธุกรรมมนุษย์จะสามารถประสบความสำเร็จแล้ว และยังสามารถปรับเปลี่ยนพันธุกรรมของพืชและสัตว์บางชนิดได้

แต่นั้นก็เป็นแค่การสะกิดไปบนพื้นผิวขององค์ความรู้เท่านั้น ความก้าวหน้าสูงสุดของพันธุวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์โดยตรงบนโลกใบเดิมของเดวิด ทำได้เพียงแค่ทำให้มนุษย์ต้านทานไวรัสบางอย่างได้ เปลี่ยนสีตา หรืออะไรพวกนั้น มันยังไม่ถึงขั้นที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่าง หรือโครงสร้างของมนุษย์ได้เลย

และเจ้าของร่างคนเดิมนี้ทนไม่ได้จนจบกระบวนการ เขาไม่ได้ตายเพราะการปลูกถ่ายล้มเหลว

แต่เขาตายเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว

เดวิดไม่เข้าใจว่ามันเจ็บปวดมากขนาดไหน มันถึงกับส่งผลให้คนตายได้เชียวหรือ?

ผู้ที่เข้าร่วมการปลูกถ่ายบางคนที่ครอบครัวมีทรัพย์สินมหาศาล จะมีการเตรียมการล่วงหน้าให้กับลูกหลานของพวกเขาเอาไว้ก่อนแล้ว โดยการซื้อเซรุ่มจากสมาคมพันธุกรรมไปใช้ล่วงหน้า มันเป็นตัวเร่งชนิดหนึ่งที่จะช่วยลดอาการเจ็บปวดของการปลูกถ่ายลงได้ ถ้าได้ใช้อย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ยังเด็ก คนที่ใช้มันต่อเนื่องมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบจะสามารถลดความเจ็บปวดลงได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ราคานั้นก็มหาศาลไม่น้อย เดวิดเคยได้รับเซรุ่มชนิดที่เจือจางแล้วมาทั้งหมด 3 ครั้ง นั่นคือสิ่งที่ครอบครัวของเขาจะทำให้ได้แล้ว

เดวิดสรุปเอาเองว่า เจ้าของร่างคนเดิมตายหลังจากทนรับความเจ็บปวดได้ไม่นาน ไม่ใช่เพราะความล้มเหลวจากการปลูกถ่าย เพราะตอนนี้ร่างกายของเขายังปกติดี แม้ว่าจะมีอาการเจ็บปวดอยู่บ้างแต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา และไม่ได้มีอาการเซลล์แตกสลายเหมือนกับที่ได้ยิน แสดงว่าวิญญาณของเขาเข้ามาสู่ร่างนี้ หลังจากที่เจ้าของคนเดิมเสียชีวิตลงได้ไม่นานนัก นั่นแสดงว่าเขายังโชคดีอยู่มาก

“ตอนนี้ ฉันจะกล่าวถึงเรื่องพรสวรรค์ของพวกเธอให้ฟัง ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ต่างกัน จะได้รับการจัดระดับ และการปฏิบัติที่แตกต่างกัน พรสวรรค์นั้นขี้นอยู่กับระยะเวลาที่พวกเธอใช้กำจัดความเจ็บปวดออกจากร่างกายได้ทั้งหมด นั้นหมายถึงร่างกายของเธอปรับสภาพได้แล้ว ยิ่งพวกเธอกำจัดความเจ็บปวดได้เร็วมากเท่าไร ก็จะนับว่าพวกเธอมีพรสวรรค์สูงมากเท่านั้น และมันแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ระดับสูงที่สุดก็คือ

ระดับ 5 ดาว ซึ่งเป็นคนที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที พวกนี้คือสุดยอดอัจฉริยะ เราไม่พบระดับ 5 ดาวนี้มาหลายสิบปีแล้ว ดังนั้นฉันไม่คิดว่าจะมีปรากฏอยู่ในพวกเธอได้หรอก

ระดับต่อมา ได้แก่

ระดับ 4 ดาว ใช้เวลามากกว่า 10 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง พวกนี้ก็ยังถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก ฉันยังหวังว่าจะพบอยู่ในหมู่พวกเธอสักคนเหมือนกัน

ระดับ 3 ดาว มากกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 1 วัน น่าจะมีคนเกิน 1 ใน 3 ของพวกเธอมีพรสวรรค์อยู่ในระดับนี้

ระดับ 2 ดาว ใช้เวลา 1 วันถึง 1 สัปดาห์ ยังถือว่าเกินค่าเฉลี่ย

ระดับ 1 ดาว ใช้เวลา 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ฉันหวังว่าใครที่อยู่ในระดับนี้ จะไม่เปิดเผยตัวออกมา เพราะเธออาจจะพบกับความทรมานยิ่งกว่าตายในสถาบัน

มู่เฉินหยุดเพื่อสูดลมหายใจ ในขณะที่เหล่าวัยรุ่นข้างล่างเริ่มซุบซิบกันแล้ว

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด