ตอนที่ 9 : เงินแค่นี้ซื้อแครอทยังไม่ได้เลย
ตอนที่ 9 : เงินแค่นี้ซื้อแครอทยังไม่ได้เลย
“พี่เทียน หนูกินของพวกนี้ได้จริง ๆ หรือ ?”
ในบ้านหลังเล็ก หลี่ฮานที่เพิ่งจะตื่นได้ถือสตรอเบอรี่ขนาดเท่ากับแอปเปิลพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นปนสงสัย
“แน่นอน ! พี่ลองชิมแล้ว รสชาติดีเลย !”
ตอนนี้หลี่เทียนเทียนกำลังเก็บผลไม้กันรังสีเข้าแช่ตู้ในครัว พร้อมกับหันกลับมาตอบคำถามหลี่ฮาน
“แต่สตรอเบอรี่นี่ดูน่ากลัวไปหน่อย !” หลี่ฮานเอียงหัวและกะพริบตา
“ในนิทานน่ะพวกผลไม้ที่ดูอร่อยมักจะมีพิษ...ยกตัวอย่างเช่น แอปเปิลในเรื่องสโนไวท์...”
หลี่เทียนเทียนยักคิ้วและถามขึ้นมา “หนูเป็นสโนไวท์งั้นหรือ ?”
“อื้ม !” หลี่ฮานเชิดอกอย่างภูมิใจบ่งบอกว่าความสวยของเธอน่ะเทียบกับสโนไวท์ได้
“สโนไวท์ไม่มีแก้มย้วย ๆ นะ” หลี่เทียนเทียนหยิกแก้มหลี่ฮานและพูดขึ้นมา
“โอ๊ย...เจ็บ !” หลี่ฮานแยกเขี้ยวทำราวกับหมาป่า
“หนูโกรธแล้ว หนูจะอดข้าว !”
“จริงหรือ ?” หลี่เทียนเทียนหยิบสตรอเบอรี่ขึ้นมาลูกหนึ่ง และส่ายไปมาตรงหน้าเธอ
“ไม่ต้องมาพูดเลย !” หลี่ฮานยังหันหลังให้ เธอพยายามไม่มองมาที่สตรอเบอรี่ซึ่งดูน่าอร่อย
“งั้นพี่กินเองก็แล้วกัน...” หลี่เทียนเทียนหันกลับและพูดขึ้นมา
หลี่ฮานกลืนน้ำลายและมองมาทางหลี่เทียนเทียนทันที
‘หลี่ฮาน เธอต้องทนเอาไว้ ! ’
‘เธอจะแพ้กับคนใจร้ายแบบนี้ได้อย่างไร ? ’
‘แต่สตรอเบอรี่นั่นดูน่าอร่อยจริง ๆ ! ’
‘ถ้าได้กัดสักคำ งั้นมันคงหวานน่าดู...’
เมื่อคิดได้แบบนั้น น้ำลายของเธอก็ไหลออกมา
หลี่ฮานจึงเดินไปหาหลี่เทียนเทียน พร้อมเอามือเท้าเอวแล้วพูดออกมา
“ถ้าพี่เทียนยอมขอโทษ หนูจะยอมยกโทษให้ก็ได้ และหนูจะไม่อดข้าวก็ได้ !”
หลี่เทียนเทียนมองไปที่หลี่ฮานพร้อมกับเลิกคิ้วพลางกลั้นขำเอาไว้ จากนั้นเขาก็จงใจหันหน้าหนี
“พี่เทียนใจร้าย พี่เทียนไม่เคยทำแบบนี้กับหนูมาก่อนเลย ! หนูเข้าใจแล้ว หนูจะไปจากพี่เทียนเองและจะไม่โผล่มาให้พี่เทียนเห็นหน้าอีก...” หลี่ฮานกัดปากและร้องไห้ออกมา
“หนูจะทำให้พี่เทียนรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต !”
“พี่กลัวแล้ว...” หลี่เทียนเทียนพูดขึ้นและได้แต่ส่งสตรอเบอรี่ในมือให้กับหลี่ฮาน
จากนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและพูดขึ้นมา “หลังจากนี้...หนูเพลา ๆ บ้างนะ กับการดูละครน้ำเน่า !”
หลี่ฮานรับสตรอเบอรี่และแสดงท่าทีราวกับผู้ชนะ น้ำตาเธอหายไปในทันทีพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“ไม่มีทาง ! ในทีวีน่ะผู้หญิงมักจะจัดการผู้ชายได้ด้วยการร้องไห้ พี่เทียนเองก็แพ้ทางน้ำตาเหมือนกัน !”
หลี่เทียนเทียนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอุ้มเธอขึ้นและไม่สนใจการดิ้นของเธอ ก่อนจะวางเธอลงไปบนเก้าอี้แล้วฟัดแก้มย้วย ๆ ของเธอ
เสี่ยวเฮยที่นอนอยู่บนโซฟาได้ยินเสียงหยอกกันของสองพี่น้อง ก็มองมายังทั้งสองด้วยสายตาพอใจ
นี่ไม่ใช่การเถียงกัน มันคือการแสดงความรักกันอย่างหนึ่ง
...
5 นาทีต่อมา
“พี่เทียน ผลไม้พวกนี้อร่อยจริง ๆ ...”
หลี่ฮานนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับจานผลไม้ในมือ เธอใช้ช้อนเล็ก ๆ ตักเข้าปากพร้อมดวงตาที่เป็นประกายราวกับนักชิมอาหารตัวยง
“หนูไม่เคยกินรสชาติแบบนี้มาก่อนเลย !”
เสี่ยวเฮยที่อยู่ข้าง ๆ เองก็ได้สตรอเบอรี่ด้วย พร้อมส่ายหางไปมา
หลี่เทียนเทียนชิมรสชาติผลไม้พวกนี้มาแล้ว มันอร่อยกว่าผลไม้ทั่วไปจริง ๆ เพราะทั้งหวานและสด
หลังจากที่กินเข้าไปแล้ว ร่างกายจะรู้สึกอุ่นขึ้นมา และความเหนื่อยล้าเหมือนจะหายไป
“ชอบรึเปล่า ?” หลี่เทียนเทียนเอ่ยถามขึ้นมา
“หนูรักมันเลยล่ะค่ะ !” หลี่ฮานพยักหน้าตอบรับ
“อย่างงั้น หลังจากนี้พี่จะเอามาให้ฮานฮานกินทุกวันเลยดีไหม ?” หลี่เทียนเทียนถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ดีค่ะ...” หลี่ฮานดวงตาเป็นประกาย
จากนั้นเธอก็เหมือนคิดบางอย่างออก เธอใช้ช้อนตักผลไม้ขึ้นมาและยื่นไปที่ปากของหลี่เทียนเทียน
“พี่เทียน กินสิ !”
“พี่ยังไม่หิว ฮานฮานกินเลย” หลี่เทียนเทียนโบกมือและตอบกลับ
พืชผลกันรังสีพวกนี้ชดเชยความหิวได้ดี ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้แล้ว เขากินมะเขือเทศไปแค่ 2 ลูก แต่เขากลับไม่รู้สึกหิวเลย
“ลองกินดูหน่อย !” หลี่ฮานพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่ยังไม่หิว ...”
“ก็ได้” หลี่ฮานเลิกตื๊อแล้วนั่งกินผลไม้ต่อ และเธอยังคอยหันมามองหลี่เทียนเทียนอยู่บ่อย ๆ และแอบชื่นชมหลี่เทียนเทียนอยู่ในใจ...
‘เขาทำได้อย่างไร ? ’
ในฐานะนักกินตัวโยงแล้ว หลี่ฮานไม่อาจจะหาคำตอบของคำถามนี้ได้
กริ๊ง....ตอนนั้นโทรศัพท์ของหลี่เทียนเทียนก็ดังขึ้นมา
เขาก้มหน้าลงไปมอง ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะหายไปทันที
ซงหลิง
นี่เป็นครั้งที่สองตั้งแต่เกิดหายนะขึ้นมาที่ซงหลิงโทรหาเขา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าซงหลิงโทรหาเขาทำไม แต่หลี่เทียนเทียนก็ไม่อยากยุ่งอะไรกับเธออีก
ตั้งแต่ที่เลิกรากันไป เขาก็ตัดขาดจากเธออย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกดวางสาย
เขาคิดว่าเขาทำชัดเจนแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าวินาทีต่อมาเสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นอีกครั้ง
กริ๊ง.....กริ๊ง.....
“สนุกหรือไง ?” หลี่เทียนเทียนมองไปที่ชื่อซงหลิงบนหน้าจอ
สุดท้ายเขาก็หงุดหงิดและหยิบโทรศัพท์ขึ้นเดินไปที่ครัว ก่อนจะปิดประตูแล้วกดรับสาย
“ว่าไง มีอะไรก็พูดมา ฉันฟังอยู่...” หลี่เทียนเทียนพูดออกไปด้วยความลำคาญ และถามด้วยท่าทีหมดความอดทน
ซงหลิงเหมือนอยู่ในที่เสียงดัง เพราะมีทั้งเสียงตะโกน เสียงตะคอกดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเสียงแตรรถดังอยู่ด้วย
หลังจากที่ได้ยินเสียงของหลี่เทียนเทียน เธอก็แปลกใจนิด ๆ
ดูเหมือนว่าซงหลิงจะไม่คิดว่าหลี่เทียนเทียนจะรับสาย
“หลี่เทียนเทียน ! นายมีข้าวกับพวกพืชผักเก็บไว้หรือเปล่า ? ที่บ้านฉันไม่มีข้าวเลย อาหารฉันกำลังจะหมด นายช่วยแบ่งมาให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่า !” ทันทีที่พูดออกมา ซงหลิงก็พูดตรงประเด็นทันที
“ฉันจะส่งรายการของที่ฉันต้องการไปให้ นายช่วยเตรียมตามที่ฉันบอกที !”
หลังได้ฟังคำพูดทั้งหมดของซงหลิง หลี่เทียนเทียนก็รู้สึกโมโหและไม่พอใจปะปนกันไปหมด
ซงหลิงเป็นแบบนี้มาตลอด
ในอดีตนั้นตอนที่คบหากัน ซงหลิงไม่เคยโทรหาเขาตอนที่เธออยู่สุขสบาย แต่เธอมักจะโทรหาเขาก็ต่อเมื่อจะมาขอเงินหรือไม่ก็อยากใช้แรงงานเขาเท่านั้น
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย คำพูดของเธอเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว !
“คุณซง คุณลืมไปหรือเปล่าว่าพวกเราเลิกกันแล้ว ?” หลี่เทียนเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ดูเหมือนว่าฉันไม่จำเป็นต้องช่วยคุณแล้ว”
ซงหลิงอึ้งไปชั่วครู่พร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นมา
“หลี่เทียนเทียน นายนี่มันขี้งกจริง ๆ ! เราคบกันมานาน นายไม่คิดถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้เลยหรือไง ?”
ตอนนั้นเองก็มีเสียงผู้ชายดังแทรกขึ้นจากฝั่งซงหลิง และเป็นน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดอย่างมาก
“เสี่ยวหลิง เธอไม่ต้องคุยไร้สาระกับมันแล้ว ให้มันบอกราคามาตอนนี้ได้เลย เธอถามมันไปว่าราคาของข้าวกับผักเท่าไหร่ ฉันจะให้มากกว่าเดิม 10 เท่า !”
หลังได้ฟังคำพูดนี้ หลี่เทียนเทียนก็หรี่ตาลง ดูเหมือนว่าเสียงผู้ชายคนนี้คือเสียงของรองประธานที่ซงหลิงเคยพูดถึง !
ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกโกรธขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
“หลี่เทียนเทียน ในเมื่อนายไม่คิดจะสนใจความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเรา อย่างนั้นเรามาคุยธุรกิจกัน ! นายเอาข้าวมาให้ฉัน 100 กิโลกรัม เส้นก๋วยเตี๋ยว 100 กิโลกรัม และผัก 100 กิโลกรัม ! นายบอกราคามาได้เลย ฉันจะจ่ายให้เอง !” เสียงของซงหลิงเย็นชาขึ้นมา
“นายต้องการเงินเท่าไหร่ทั้งหมดนี้ 50,000 หยวนหรือ 100,000 หยวนกัน ?”
หลี่เทียนเทียนหัวเราะออกมา
“50,000 ? 100,000 ? ฉันจะบอกเธอเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่า เงินแค่นั้นแม้แต่แครอทหัวเดียวที่ฟาร์มของฉันยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ !”