ตอนที่ 8 : การเก็บเกี่ยวครั้งแรก
ตอนที่ 8 : การเก็บเกี่ยวครั้งแรก
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลี่เทียนเทียนก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ ข้าวกันรังสีสุกแล้ว โปรดรีบเก็บเกี่ยว ! ]
[ แตงกวากันรังสีสุกแล้ว โปรดรีบเก็บเกี่ยว ! ]
[ สตรอเบอรี่กันรังสีสุกแล้ว โปรดรีบเก็บเกี่ยว ! ]
[ เตือนครั้งที่สาม (เตือนทุก ๆ 1 ชั่วโมง) ]
เสียงแจ้งเตือนพวกนี้เหมือนกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ทำให้หลี่เทียนเทียนที่สะลึมสะลืออยู่ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อคืนตอนที่กลับมาจากเรือนกระจกนั้นก็ 23.00 นาฬิกาแล้ว เขาได้อาบน้ำแล้วล้มตัวลงบนเตียง ก่อนจะหลับไปในทันที
“6 โมงเช้าแล้ว” หลี่เทียนเทียนมองไปที่นาฬิกาบนกำแพง
ดูเหมือนว่าพวกพืชผลเหล่านี้น่าจะพร้อมเก็บตั้งแต่ 03.00 น. แล้ว แต่เพราะหลี่เทียนเทียนหลับลึกอยู่ การแจ้งเตือนพวกนี้จึงไม่อาจจะปลุกเขาขึ้นมาได้ จนแจ้งเตือนครั้งที่สามเขาถึงได้ตื่นขึ้นมา
หลี่เทียนเทียนลุกขึ้นยืนเดินไปที่หน้าต่าง ๆ ทั้งชุดนอน ท้องฟ้าด้านนอกยังเป็นสีเทา มีดาวไม่กี่ดวงที่ยังให้แสงสว่าง และตอนนี้ดวงอาทิตย์นั้นราวกับดาวเคราะห์สีดำที่คอยเตือนหลี่เทียนเทียนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ไม่ใช่ความฝัน
เมื่อเขาหันกลับไปในห้องอีกครั้ง ก็พบว่าหลี่ฮานและเสี่ยวเฮยยังหลับอยู่
เด็กน้อยเหมือนจะฝันถึงการ์ตูนที่ดูไปเมื่อวานนี้ เธอยิ้มและพึมพำออกมา
“ฮานฮานมาแล้ว เจ้าปีศาจ...”
ส่วนเสี่ยวเฮยก็ร้องงึมงำออกมา พร้อมกับขดตัวกลมเป็นลูกบอล
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลี่เทียนเทียนก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ นี่คือแรงขับเคลื่อนของเขาในวันหายนะของโลก
...
ในตอนเช้า อากาศก็หนาวยิ่งกว่าเดิม หลี่เทียนเทียนเดินออกจากบ้านพร้อมกับใส่ชุดกันหนาว เขารู้สึกว่าลมที่พัดเข้ามาเหมือนกับมีดที่เชือดเฉือนเข้าที่ใบหน้าของเขา
“หลังจากที่เก็บผลผลิตชุดแรกแล้ว ต้องเอามันไปแลกกับคะแนนเพื่อซื้อชุดกันหนาวในร้านค้าบ้างแล้ว...” หลี่เทียนเทียนพึมพำกับตัวเอง และรีบเดินไปที่หน้าเรือนกระจก
เมื่อเขาเปิดม่านออกแล้วเดินเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายธรรมชาติและความสดชื่นพัดอัดเข้าที่หน้าของเขา
ตอนนี้ในโรงเพาะเต็มไปด้วยพืชผักผลไม้ที่สุกพร้อมทาน !
ยกตัวอย่าง สตรอเบอรี่ที่ปกติแล้วจะมีขนาดเท่ากับลูกปิงปอง แต่สตรอเบอรี่กันรังสีนั้นขนาดเท่ากับกำปั้น ขนาดของมันเกือบเท่ากับลูกแอปเปิล
นอกจากนี้ยังมีข้าวโพด ข้าว กะหล่ำปลี แตงกวาและพืชผักอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา หากเมื่อเทียบกับขนาดปกติแล้ว ขนาดของพืชผลเหล่านี้เหมือนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมา 2-3 เท่าจากเดิม
อีกทั้งยังให้ผลผลิตจำนวนมากอีกด้วย !
ต้นมะเขือเทศสูงกว่า 0.5 เมตร เต็มไปด้วยลูกมะเขือเทศ
หลี่เทียนเทียนลองนับดูแล้วก็มีผลมะเขือเทศมากถึง 187 ลูก !
ผลมะเขือเทศที่ห้อยอยู่ที่ต้นไม้นั้นราวกับอัญมณีสีแดง ทว่าในมุมมองของหลี่เทียนเทียนแล้ว มูลค่าของผลผลิตพวกนี้มีค่ามากกว่าพวกอัญมณีเสียอีก
ในวันหายนะนั้นสินค้าฟุ่มเฟือยไม่นานก็จะหมดค่าลงไป และค่าของข้าวและพืชผักต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้น
เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน พวกอัญมณีขนาดเท่ากับกำปั้น ก็ไม่อาจจะนำมาแลกกับมะเขือเทศได้ !
เมื่อเห็นผลผลิตตรงหน้า หลี่เทียนเทียนก็รู้สึกพอใจขึ้นมาอย่างมาก เขาถึงกับกางแขนออกและพูดออกมา “ที่ดินที่โกโรโกโสของฉันเป็นอย่างไรล่ะ !”
ตอนนั้นก็มีข้อมูลจำนวนมากโผล่มาตรงหน้าของเขา
[ มะเขือเทศกันรังสี : เต็มไปด้วยสารอาหารถึง 128 ชนิด และสามารถเก็บรักษาได้ 30 วัน ! อีกทั้งหากรับประทานติดต่อกันในระยะยาว จะทำให้ร่างกายพัฒนาขึ้น ]
[ แตงกวากันรังสี : เต็มไปด้วยวิตามินซี.... ]
ไม่นานหลี่เทียนเทียนก็อ่านข้อมูลทั้งหมดจนครบ พืชผักเหล่านี้นอกจากดีกว่าปกติแล้ว ยังมีสารต้านรังสีอยู่ด้วย เพียงแค่นี้ก็เหนือกว่าพืชผักทั่วไปอย่างมากแล้ว
อีกทั้งสารอาหารที่พืชผลเหล่ามีนั้นก็แทบจะเทียบได้กับพวกสมุนไพรดี ๆ ได้อีกต่างหาก
และที่สำคัญที่สุดก็คือ หากกินในระยะยาวแล้ว จะทำให้ร่างกายพัฒนาขึ้นมา
เอาจริง ๆ แล้วหากกินพืชผักพวกนี้ไปนาน ๆ บางทีคนแคระอาจจะสูงกว่าพวกนักบาสก็ได้ หรือบางทีหมัดของเขาอาจจะหนักกว่าพวกนักมวยขึ้นมาก็ได้
หลี่เทียนเทียนมองไปที่พืชผักในสวนพร้อมกับคิดเพ้อเจ้อ
แม้ว่าที่หลบภัยนั้นจะสำคัญอย่างมาก แต่เพื่อความอยู่รอดในยุคหายนะนี้แล้ว เขาต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องตัวเอง
ดังนั้นเขาต้องตัดความหิวและความอ่อนแอที่ตัวเองมีทิ้งไป
ในร้านค้า มีเมล็ดพันธุ์ระดับยา, เทพและจอมเทพขายอยู่ ซึ่งผลของมันต้องน่ากลัวกว่าพืชผลระดับทั่วไปแน่
บางทีหลังจากที่กินเข้าไปอาจจะกลายเป็นยอดมนุษย์ก็ได้
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลี่เทียนเทียนก็กดอารมณ์ตื่นเต้นที่มีเอาไว้ ก่อนจะเริ่มเก็บผลผลิตในเรือนกระจก
การเก็บเกี่ยวผลผลิตนี้ต่างจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแบบเดิม เพราะต้องใช้เวลาในการเก็บมากกว่าหลายเท่า ทว่ากว่าหลี่เทียนเทียนจะเก็บผลผลิตทั้งหมดเสร็จ เวลาก็ล่วงมาถึง 10 โมงเช้าแล้ว
ตอนนั้นเองด้านในเรือนกระจกนั้นก็มีกองแตงกวา สตรอเบอรี่ และพืชผักอื่น ๆ กองเป็นภูเขา
และในเรือนกระจกอีกหลังนั้นก็เต็มไปด้วยข้าวโพด ข้าวและพืชผักอื่น ๆ ที่ใช้ทำพวกเส้นก๋วยเตี๋ยวได้
[แตงกวากันรังสี : 300 กิโลกรัม !]
[สตรอเบอรี่กันรังสี : 100 กิโลกรัม !]
[มะเขือเทศกันรังสี : ...]
ข้อมูลจำนวนมากโผล่มาในหัวหลี่เทียนเทียน หากนับผลผลิตในเรือนกระจกทั้ง 10 หลังรวมกันแล้วก็กลายเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
เพราะมีปริมาณถึง 6,000 กิโลกรัม หรือ 6 ตันเลยทีเดียว !
หากเก็บทั้งหมดไว้กินเองแล้ว เขาอาจจะใช้พวกมันได้จนกระทั่งหลี่ฮานโต แต่นี่ก็แค่การคำนวณคร่าว ๆ เพราะพืชผลเหล่านี้ไม่อาจจะเก็บไว้ได้นานนัก
หลี่เทียนเทียนมองไปที่พืชผลตรงหน้า พร้อมสายตาที่สะท้อนความซับซ้อนออกมา
ก่อนหน้าที่จะเกิดยุคหายนะนั้น ผลผลิต 6 ตันนี้ขายได้เพียงแค่ 30,000-40,000 หยวนเท่านั้น และต้องใช้ระยะเวลาดูแลกว่าครึ่งปี
หลังจากที่หักเงินลงทุนแล้ว ก็จะเหลือกำไรอย่างมากแค่ 10,000 หยวนเท่านั้น
ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือนกว่าจะได้เงิน 10,000 หยวนมา ....
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนรวมถึงญาติของหลี่เทียนเทียนถึงได้ดูถูกเขา และเลือกที่จะตัดขาดจากเขา
แต่ฟาร์มนี้คือสิ่งที่พ่อแม่ของหลี่เทียนเทียนทิ้งเอาไว้ให้ และเป็นสถานที่ที่ทั้งคู่ทุ่มเทความพยายามนับไม่ถ้วนลงไป จึงเป็นธรรมดาที่หลี่เทียนเทียนไม่คิดจะยอมแพ้และละทิ้งที่นี่ไป ดังนั้นเขาจึงกัดฟันแน่นและอดทนมาโดยตลอด
ทว่าตอนนี้ ทุกอย่างกลับต่างไปจากเดิมแล้ว !
หลี่เทียนเทียนมั่นใจว่า หากนำผลผลิตทั้ง 6 ตันไปขายตอนนี้ต้องได้เงินมากกว่า 600,000 หยวนอย่างแน่นอน ! และยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ !
แค่ว่าหลี่เทียนเทียนไม่คิดที่จะนำของพวกนี้ไปขาย
เพราะหากเทียบเงินกับคะแนน หลี่เทียนเทียนต้องการคะแนนในระบบมากกว่า !
หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว เขาจึงตัดสินใจเก็บผลผลิตพวกนี้ไว้สัก 100 กิโลกรัม ส่วนที่เหลือเขาจะนำไปแลกกับคะแนน
[คุณมั่นใจว่าจะแลกผลผลิตกันรังสี 5.9 ตันหรือไม่ ? ] ระบบถามขึ้นมา
หลี่เทียนเทียนตัดสินใจที่จะเลือกยืนยัน
[ ติ๊ง ! แลกเปลี่ยนสำเร็จ !]
[ ยินดีด้วย ได้คะแนน 59,000 คะแนน ! ]
[ ยินดีกับผู้เล่นกับการแลกเปลี่ยนครั้งแรก คุณปลดล็อคความสำเร็จ ‘ยอดนักแลกเปลี่ยน’ และได้รับรางวัลเป็นหุ่นยนต์ (ด้านการเกษตร) 3 ตัว ! ]
‘แลกเปลี่ยนครั้งแรกก็ได้รางวัลเลยหรือ ?’
‘น่าตกใจจริง ๆ !’
“เจ๋งชะมัด !”
หลี่เทียนเทียนมองดูคะแนนที่เพิ่มขึ้นมารวมถึงหุ่นยนต์ที่โผล่มาตรงหน้า ด้วยความรู้สึกพอใจอย่างมาก
ตอนนั้นหลี่เทียนเทียนที่จมอยู่กับความตื่นเต้น ในเรือนกระจกพืชผลระดับยากว่าสิบต้นก็ได้งอกออกมา ทว่าต้นพืชระดับยานี้ไม่เหมือนกับพืชผลกันรังสีทั่วไป เพราะพืชผลระดับยานั้นมีลำต้นสีเขียวใสราวกับหยก และสวยงามราวกับงานศิลปะ
อีกทั้งยังส่งกลิ่นหอมของยาออกมาอีกด้วย ราวกับบัวหิมะหมื่นปี
...
ณ โรงพยาบาลกลาง
“คุณเหลียง ขอบคุณมากนะครับที่บริจาคให้กับโรงพยาบาลของเรา !” หมอหวังมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าและพูดขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยล้า
“เครื่องช่วยหายใจกว่า 20 เครื่องที่บริษัทคุณบริจาคมานั้นจะช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมาก !”
เหลียงเทียนหยูพยักหน้ารับและจับมือกับหมอหวังด้วยสีหน้าเฉยเมย
หากไม่ใช่เพราะรองประธานเหรินสั่งมา เขาคงไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้ และไม่คิดจะสนใจเรื่องการบริจาค
“หมอหวัง ผมอยากถามทีว่ามีวิธีการรักษาอาการป่วยจากการกินอาหารปนเปื้อนในตอนนี้หรือยัง ?” เหลียงเทียนหยูถามขึ้นมา
“เอาจริง ๆ แล้วตอนนี้เราตกที่นั่งลำบาก เราได้แต่พึ่งเครื่องช่วยหายใจเพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยเอาไว้ แต่ก็ยื้อชีวิตพวกเขาได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ...” หมอหวังถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นคุณจะบอกว่า...ไม่มีวิธีรักษาอาการป่วยเหล่าสินะ ?” เหลียงเทียนหยูถามขึ้น
“ครับ” หมอหวังพยักหน้า
“ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วมีคนป่วยในหนานเชิงทั้งหมด 189 คนที่เข้ามารักษาเพราะอาการนี้ และมีคนป่วยด้วยอาการนี้หลายแสนคนทั่วโลก !”
“ถ้าไม่ทำการผ่าตัด โอกาสเสียชีวิตก็อยู่ที่ 100% ตอนนี้เรายังไม่อาจจะช่วยใครได้เลย”
เหลียงเทียนหยูได้ยินแบบนั้นก็ต้องหรี่ตาลง ข่าวที่น่ากลัวแบบนี้กลับทำให้เขายิ้มออกมาได้
“ผมมีเรื่องต้องไปจัดการ ผมขอตัวก่อนครับ” เหลียงเทียนหยูพยักหน้าและบอกลาหมอหวัง
ตอนที่เหลียงเทียนหยูเดินออกมานั้น หมอหวังก็ได้ยินบางอย่างแต่ไม่ชัดเท่าไหร่
“ไม่ว่าจะต้องใช้อะไร..ก็..หาตัวเขาให้เจอ...บางที...เราอาจจะได้กำไรก้อนโต...”