ตอนที่ 59 ห้ากระบี่
เฉินเฟยใช้กระบี่ลายเพลิง แม้วิชากระบี่นี้จะไม่แย่และฝึกฝนจนถึงระดับรู้แจ้ง แต่ท้ายที่สุดแล้วเฉินเฟยกับเหอหยวนฉิวยังมีความต่างเรื่องระดับ
ระดับดังกล่าวไม่อาจลดความต่างได้ด้วยกระบี่ลายเพลิง เว้นแต่จะเป็นกระบี่เซียนเมฆาฉบับสมบูรณ์ไม่ใช่กระบวนท่าเดียวอย่างเซียนชี้นำ
อาศัยการควบคุมร่างกายด้วยเคล็ดชำระใจ ในเวลานี้เฉินเฟยและเหอหยวนฉิวจึงเท่าเทียมกันอยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือพละกำลัง หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเฉินเฟยต้องพ่ายแพ้แน่นอน
“ปัง!”
แทงกระบี่อีกครั้ง เฉินเฟยถอยไปข้างหลังจนเข้าใกล้สวี่ไจ้ชวน
ดวงตาสวี่ไจ้ชวนเบิกกว้าง ตอนนี้เขายังคงไม่ขยับเขยื้อน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการขยับแต่เพราะขยับไม่ได้ต่างหาก
หากเขาขยับตัว บาดแผลที่คอจะปริแตกและฆ่าเขาทันที ไม่มีผลลัพธ์อื่นนอกเหนือจากนี้
“กล้านัก!”
เหอหยวนฉิวตกใจตะโกนเสียงดังและพุ่งไปหาเฉินเฟย
ดวงตาเฉินเฟยสะท้อนการเคลื่อนไหวเหอหยวนฉิว
ด้วยความประหม่าของสวี่ไจ้ชวน เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้เหอหยวนฉิวนออกแรงมากเกินไป เดิมทีมันเป็นกรงเล็บอินทรีคว้าจับที่ผ่อนคลาย แม้ตอนนี้จะดูมีพลังมากขึ้น แต่ในสายตาเฉินเฟยกลับไม่เป็นเช่นนั้น
บางครั้งไม่ใช่ว่ายิ่งทำงานหนักจะยิ่งดี การควบคุมระดับได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เฉินเฟยก้าวถอยหลังด้วยเท้าขวา แสงดาบสว่างขึ้นในดวงตาเหอหยวนฉิว
“อุบายนี้อีกครั้ง!”
เขาคอยระวังกระบี่สามเซียนของเฉินเฟยอยู่เสมอ แต่เมื่อเห็นเฉินเฟยใช้มันอีกครั้งโดยไม่มีกระบวนท่าอื่น เหอ หยวนฉิวจึงโล่งใจ
แม้ว่ากระบวนท่านี้จะไม่ธรรมดาแต่มันเป็นเพียงหนึ่งกระบี่ เมื่อได้เห็นไปแล้วย่อมเตรียมการรับมือเอาไว้ หากต้องการใช้เคล็ดลับเดียวกินทั่วหล้า หนึ่งกระบี่ยังห่างจากคำว่าเพียงพอ
“ชึกชึกชึก...”
เสียงใบกระบี่แทงทะลุเนื้อและกระดูกดังขึ้น กระบี่ยาวเฉินเฟยเป็นเหมือนไม้ไผ่แหลมทะลุกรงเล็บอินทรีของเหอหยวนฉิวลากไปถึงรักแร้
ห้ากระบี่!
ด้วยการทะลวงระดับหลอมกระดูก ภายใต้เคล็ดชำระและพื้นฐานเซียนชี้นำ ใช้แรงและความเร็วในการซ้อนห้ากระบี่
การปะทะถึงขีดสุดได้ทำลายฝ่ามือเหอหยวนฉิวซึ่งเป็นเหมือนเหล็กทองคำ
เหอหยวนฉิวมองแขนอย่างไม่เชื่อ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นวิชากระบี่ที่คล้ายกัน ความต่างระหว่างก่อนหลังจะมากขนาดนี้ได้อย่างไร
เหอหยวนฉิวมองเฉินแฟยและอ้าปากกำลังจะพูด แต่เฉินเฟยไม่ให้โอกาสเขาและฟันคอเหอหยวนฉิว ศีรษะเหอหยวนฉิวลอยกระเด็น ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่เต็มใจ
เฉินเฟยสูดลมหายใจเข้า เดินไปช่วยพยุงฉือเต๋อเฟิงขึ้น มองสวี่ไจ้ชวนที่ยังคงยืนอยู่ด้านข้างและหันไปมองฉือเต๋อเฟิง
“ไม่จำเป็น”
ฉือเต๋อเฟิงรู้ว่าเฉินเฟยหมายถึงอะไร เพียงแค่ถามเขาว่าต้องการแก้แค้นด้วยมือตัวเองหรือไม่
แต่ฉือเต๋อเฟิงเห็นแล้วว่าตอนนี้ชีวิตของสวี่ไจ้ชวยเลวร้ายยิ่งกว่าตาย และดูเหมือนว่าเขายังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่ แต่คอที่บอบบางนั้นคงไม่มีทางรักษาหายขาด
สภาพเช่นนี้ย่อมเจ็บปวดเหมือนกับที่สวี่ไจ้ชวนเคยทรมาณผู้อื่น ดูเหมือนว่าผลกรรมจะตามเขาทันแล้ว
เฉินเฟยพยักหน้าแต่ไม่ได้ออกไปทันที เขาหยิบธนูยาวจากพื้น ขณะที่ร่างสั่นไหวก็ยิงธนูออกไปหกดอกในพริบตา ลูกธนูบินไปยังจุดต่างๆในห้องโถง
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นและไม่มีใครเล็ดลอดผ่านตาข่ายนี้ได้ นอกจากสวี่ไจ้ชวนที่ยังคงยืนอยู่ ทุกคนล้วนถูกยิงตายหมด
ก่อนออกเดินทาง เฉินเฟยค้นเสื้อผ้าของเหอหยวนฉิวแต่ไม่พบตำราวิชายุทธ์ มีเพียงตั๋วเงินและตำลึงเงิน นั่นทำให้เฉินเฟยผิดหวังเล็กน้อย
สำหรับสวี่ไจ้ชวนในคฤหาสน์ เขาสวมเพียงเสื้อตัวเดียวและไม่มีอะไรติดตัว
หากมีเวลาเพียงพอเฉินเฟยก็ไม่รังเกียจที่จะปล้นคฤหาสร์ แต่การทำเช่นนั้นอันตรายเกินไป ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กและใครบางคนควรมาในภายหลัง เฉินเฟยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับเรื่องนี้
เฉินเฟยพาฉือเต๋อเฟิงกลับไปที่ลานบ้านเช่าอีกแห่ง สำหรับลานบ้านเช่นนี้ เฉินเฟยทั้งสองได้เช่าล้านบ้านสองแห่งในเมืองซิ่งเฝิน
หยิบยารักษาแผลจากช่องมิติออกมาใช้กับฉือเต๋อเฟิง นอกจากอาการบาดเจ็บสาหัสที่ต้นขา ส่วนอื่นๆเป็นอาการบาดเจ็บที่เนื้อ หลังฝึกฝนไประยะหนึ่งจะสามารถฟื้นตัวได้เอง
“พวกเราต้องออกเมืองซิ่งเฝินเดี๋ยวนี้ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว!”
ฉือเต๋อเฟิงถอนหายใจมองเฉินเฟยแล้วพูดด้วยเสียงทุ้ม
“มันไม่ปลอดภัย ข้าได้ข้อมูลจากในตลาดมาว่าสองวันจากนี้จะมีกองคาราวานออกจากเมืองซิ่งเฝิน พวกเราไปพักนอกเมืองสองวันแล้วค่อยหาโอกาสเข้าร่วมกองคาราวานไปยังเมืองเซียนเมฆา!”
ผู้นำกลุ่มผิวน้ำตายแล้ว ดังนั้นกล่าวได้ว่าไม่มีปัญหาใหญ่อีก แต่จากข้อมูลที่เฉินเฟยได้รับมา สวี่หวังเลี่ยงพ่อของสวี่ไจ้ชวนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับขัดเกลาอวัยวะภายในและเป็นคนที่มีอำนาจมากในเมืองซิ่งเฝิน
ด้วยอำนาจของสวี่หวังเลี่ยงสวี่ไจ้ชวนจึงตั้งกลุ่มผิวน้ำได้ ไม่อย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่ระดับหลอมกระดูกจะตั้งกลุ่มในเมืองซิ่งเฝินได้อย่างเรียบง่าย
เหอหยวนฉิวระดับขัดเกลาไขกระดูกซึ่งมีตำแหน่งในกลุ่มผิวน้ำก็ไม่ได้มีความหมายขนาดนั้น
และไม่ได้มีแค่สวี่หวังเลี่ยงคนเดียว ก่อนหน้านี้เฉินเฟยยังไปทำลายช่องทางซื้อขายข้อมูลด้วย ซึ่งที่แห่งนี้มีเบื้องหลังเช่นกัน ไม่ว่าจะมองอย่างไรทั้งคู่ก็จำเป็นต้องหนีออกจากเมืองซิ่งเฝินโดยเร็วที่สุด
หลังจากได้ยินข้อมูล ฉือเต๋อเฟงขมวดคิ้วแน่น
“ออกไปนอกเมืองคงไม่เป็นไร แต่เกรงว่าคงเข้าร่วมกองคาราวานได้ยาก กองคาราวานอาจบอกเมืองซิ่งเฝินลับๆว่ามีผู้ที่ถูกไล่ตามอยู่ด้วย หรือไม่กองคาราวานอาจกักตัวพวกเราไว้ก่อน”
สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนเล็กน้อยตระหนกได้ถึงรอยต่อ
เนื่องจากสวี่หวังเลี่ยงมีอำนาจมากในเมืองซิ่งเฝิน เป็นธรรมดาที่เขาจะตามเฉินเฟยทั้งสอง พวกเขาต้องการเข้าร่วมกองคาราวานอย่างง่ายดายและจากไปอย่างปลอดภัย แม้มันจะฟังดูหรูหราแต่มันเสี่ยงมากเช่นกัน
และการออกไปนอกเมืองย่อมเป็นสิ่งสะดุดตา บอกได้ทันทีเลยว่านั่นมีปัญหา
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่งและเริ่มคิดหาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ
“เดี๋ยวก่อน เราไม่จำเป็นต้องออกจากเมืองซิ่งเฝิน!”
เฉินเฟยเงยหน้าขึ้นมองฉือเต๋อเฟิงแล้วพูด “ตอนนี้เจ้ากับข้าต่างปลอมตัว แม้การปลอมตัวแบบนี้จะไม่เลวแต่มันชัดเจนมากในสายตาใครบางคน เช่นนั้นเราจะใช้ใบหน้าจริงแล้วอยู่ในเมืองซิ่งเฝินต่อไป ว่าอย่างไร?”
ฉือเต๋อเฟิงผงะเล็กน้อยและตอบสนองทันที
วิชาปลอมตัวนั้นใช้ได้ง่าย แต่บางครั้งมันก็สะดุดตาโดยเฉพาะตอนที่เมืองซิ่งเฝินกำลังค้นหาคน นั่นจะให้ความรู้สึกว่าที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง(ทำเรื่องไว้ คิดปกปิดกลับกลายเป็นยิ่งเปิดเผย)
เพียงแค่ใช้ใบหน้าเดิมเปิดใจให้กว้าง ในเมืองซิ่งเฝินมีคนนอกมากมาย และด้วยการรอคอยกองคาราวานเซียนเมฆาจำนวนคนนอกที่อยู่ในเมืองซิ่งเฝินในเวลานี้จึงค่อนข้างน่าประหลาดใจ
พวกสวี่หวังเลี่ยงไม่มีทางจะค้นหาคนได้จากคนจำนวนมาก
นี่คือจุดดำใต้แสงไฟ!
คฤหาสน์สวี่ไจ้ชวน หลายร่างกระโจนออกมาจากกำแพงด้านนอก เมื่อเห็นภาพในห้องโถงพวกเขาถึงกับเปลี่ยนสีหน้า พอเห็นสวี่ไจ้ชวนยังคงยืนอยู่อย่างปลอดภัย คนเหล่านี้จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“นายน้อยไม่เป็นไร รีบไปแจ้งนายท่าน!”
คนหนึ่งจากไป ส่วนคนอื่นๆไปล้อมรอบสวี่ไจ้ชวนและมองไปรอบด้านอย่างระวัง
เมื่อเห็นว่าไม่มีอันตรายอื่น มีคนอดไม่ได้ที่จะมองสวี่ไจ้ชวน เขาเห็นดวงตาสวี่ไจ้ชวนหมองคล้ำและเป็นสีแดง การหายใจเบาบางมากจนแทบไม่ได้ยิน
ลมกระโชกแรงพัดมา ทันใดนั้นเลือดพุ่งออกมาจากคอสวี่ไจ้ชวนทำให้คนรอบข้างเปียกชุ่มไปด้วยเลือด