ตอนที่แล้วตอนที่ 347 รองเท้าอีซูซุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 349 ปรากฏการณ์ปีศาจเต้นระบำ

ตอนที่ 348 การค้นพบใหม่


ตอนที่ 348 การค้นพบใหม่

ความเร็วถือได้ว่าเป็นการโจมตีที่ดีที่สุดและเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน แต่มันก็เป็นที่รู้กันทั่วทั้งพันธมิตรว่าพลังสายความเร็วคือพลังพิเศษที่สามารถเพิ่มระดับได้ยากที่สุด โดยเฉพาะในปัจจุบันที่เซี่ยเฟยมีพลังถึงระดับสตาร์ริเวอร์ขั้นกลางแล้ว ซึ่งการเพิ่มระดับสูงมากกว่านี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก

อย่างไรก็ตามรองเท้าโทรม ๆ คู่นี้กลับสามารถเพิ่มความเร็วได้ทันทีถึง 10% ซึ่งสำหรับเซี่ยเฟยที่กำลังอยู่ในจุดคอขวดการเพิ่มความเร็วเพียงแค่ 10% ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์สำหรับเขา

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ ก่อนที่เขาจะทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจรองเท้าอีซูซุที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ด้านหลังประตู

“ผลไม้ทั้งหมดอยู่นี่แล้วครับ ตอนแรกผมคิดจะเก็บเอาไว้กินเองบ้าง แต่ในเมื่อพี่เซี่ยเฟยช่วยผมเหมาผลไม้ทั้งหมด ผมจึงตัดสินใจที่จะขายผลไม้ทั้งหมดให้กับพี่ไปเลย” ซุนซานกล่าวอย่างสุภาพ ก่อนที่เขาจะส่งกล่องสี่เหลี่ยมที่บรรจุผลไม้นำมายื่นให้กับเซี่ยเฟย

“ขอบคุณมาก” เซี่ยเฟยรับกล่องผลไม้ด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเปิดกล่องที่บรรจุผลไม้อยู่ด้านใน

ด้านในกล่องมีผลไม้หลากสีอยู่มากกว่า 730 ผล ซึ่งมันก็มีทั้งผลน้ำค้างขาว, ผลเนตรนาคา, ผลองุ่นกฤษณาและผลไม้ชนิดอื่น ๆ อีกอย่างมากมาย

ผลไม้ทุกชนิดที่บรรจุอยู่ภายในกล่องต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ที่เติบโตตามธรรมชาติ ยิ่งไปกว่านั้นขนาดของพวกมันยังใหญ่กว่าผลไม้ทั่ว ๆ ไปถึง 2 เท่า

เซี่ยเฟยปิดกล่องพร้อมกับหยิบอุปกรณ์โอนเงินขนาดเล็กออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้สามารถที่จะใช้ในการโอนเงินได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์ก

“ผลไม้ทั้งหมดมี 738 ผล นายคิดราคาผลละ 300,000 สตาร์คอยน์เท่ากับฉันต้องจ่ายเงินให้นาย 221.4 ล้านสตาร์คอยน์ถูกต้องไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว

“ครับ” ซุนซานพยักหน้าอย่างตื่นเต้นก่อนที่เขาจะส่งบัตรธนาคารให้กับเซี่ยเฟย

หลังจากชายหนุ่มเสียบบัตรธนาคารเข้ากับเครื่องโอนเงินและทำการสแกนลายนิ้วมือเพื่อยืนยันตัวตน เงินจำนวนกว่า 220 ล้านสตาร์คอยน์ก็ถูกโอนไปยังบัญชีของซุนซาน

เมื่อได้เห็นยอดเงินในบัญชี ซุนซานก็มองยอดเงินด้วยแววตาที่เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

“เอาล่ะตอนนี้นายก็มีเงินทุนมากพอที่จะซื้ออาวุธอุปกรณ์แล้ว แต่ฉันขอเตือนว่าในระหว่างการเลือกซื้อสินค้าในงานเทศกาลนี้ นายก็จะต้องระวังเรื่อง…” เซี่ยเฟยเริ่มเตือนในสิ่งจำเป็นสำหรับการเลือกซื้ออาวุธอุปกรณ์

ซึ่งตลอดเวลาที่เขาได้พูดอยู่นั้นอันธก็พยายามเตือนให้เซี่ยเฟยขอซื้อรองเท้าอีซูซุให้เร็วที่สุด แต่ชายหนุ่มมีแผนการของตัวเองในใจอยู่แล้วเขาจึงเมินความคิดเห็นของอันธไปก่อน

ซุนซานรู้สึกขอบคุณเซี่ยเฟยมากที่ช่วยแนะนำเรื่องต่าง ๆ ให้กับเขา เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นเพียงแค่นักสู้มือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ และการได้ฟังคำแนะนำของนักสู้ที่มีประสบการณ์ย่อมทำให้เขามีข้อผิดพลาดในอนาคตที่น้อยลง

“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อน ถ้าหากว่านายมีปัญหาอะไรนายสามารถโทรมาปรึกษาฉันได้เลย หรือนายจะส่งอีเมลมาหาฉันก็ได้แล้วฉันจะตอบทุกอย่างที่ฉันรู้กลับไปเมื่อฉันมีเวลา” เซี่ยเฟยกล่าว

ซุนซานแสดงความขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับลุกยืนขึ้นเพื่อเดินไปส่งเซี่ยเฟยออกจากห้อง

แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะเดินออกไปจากห้องอยู่นั่นเอง จู่ ๆ พื้นรองเท้าของเขาก็หลุดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงแต่นั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับมองรองเท้าและถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“อะไรกัน! ฉันว่าจะไปเดินเล่นต่ออีกสักหน่อย ทำไมรองเท้ามันถึงบอบบางขนาดนี้เนี่ย!”

“พี่เซี่ยเฟยรออยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมออกไปซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาให้ ว่าแต่พี่ใส่รองเท้าไซซ์ไหนงั้นเหรอครับ?” ซุนซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เซี่ยเฟยโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่เขาจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง จากนั้นสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่รองเท้าอีซูซุที่อยู่หลังประตู

“รองเท้าคู่เก่าคู่นั้นดูแข็งแรงใช้ได้ ฉันขอลองใส่หน่อยได้ไหม?”

ซุนซานผงะไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ถึงแม้ว่ามันจะสกปรกนิดหน่อย แต่มันยังเป็นรองเท้าคู่ใหม่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปทำความสะอาดมันให้”

“รองเท้าคู่ใหม่? แล้วทำไมมันถึงเปื้อนขนาดนั้นล่ะ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ระหว่างที่ผมกำลังหนีออกจากบ้านผมกลัวว่าพ่อจะแอบตามผมมา ผมเลยเอารองเท้าคู่นั้นสร้างรอยเท้าปลอม ๆ เอาไว้ในดินโคลน แต่หลังจากที่ผมได้เดินทางมาที่ดาวดวงนี้ผมก็ยังไม่มีเวลาทำความสะอาดมันเลยครับ” ซุนซานกล่าวอย่างเขินอาย

หลังจากนั้นไม่นานซุนซานก็ทำความสะอาดรองเท้าอีซูซุให้กลับมาสะอาดเหมือนใหม่ ซึ่งตัวหนังหุ้มรองเท้าก็ยังไม่มีรอยยับย่นบนตัวรองเท้าเลยแม้แต่น้อย

“อือ รองเท้าคู่นี้ค่อนข้างเบาและดูเหมือนจะทนดีนี่” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลองกระโดด 2-3 ครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของตัวเองเบาลงกว่าเดิมเล็กน้อย

“พ่อเคยบอกผมว่าพ่อให้มันมาเพื่อสักวันหนึ่งผมจะได้ใส่มันไปเก็บสมุนไพรในหุบเขาอวิ๋นอู๋ แต่ตอนนี้ผมตั้งใจที่จะเดินทางในเส้นทางของนักสู้แล้ว ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นจะต้องใช้รองเท้าคู่นั้นอีกต่อไปแล้ว” ซุนซานกล่าว

“นั่นก็จริง ในเมื่อนายมีพลังเปลวไฟนายก็ควรจะต้องสวมใส่ชุดอุปกรณ์ที่ทนต่ออุณหภูมิของเปลวไฟได้ รองเท้าคู่นี้ใส่สบายดีมาก นายคิดราคามันเท่าไหร่? เดี๋ยวฉันขอซื้อมันไปใช้ต่อเอง” เซี่ยเฟยกล่าว

“พี่ช่วยผมมามากแล้ว แล้วผมจะคิดเงินพี่เพิ่มมากกว่านี้ได้ยังไง พี่เอารองเท้าคู่นี้ไปเถอะ พ่อผมยังมีรองเท้าแบบนี้เก็บเอาไว้อีกหลายคู่ ผมคิดว่าพวกมันคงจะไม่มีค่าอะไรมากนักหรอกครับ” ซุนซานกล่าวพร้อมกับโบกมืออย่างเร่งรีบ

คำอธิบายของซุนซานทำให้ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็รู้สึกตกตะลึง เพราะท้ายที่สุดรองเท้าอีซูซุก็เป็นถึงอุปกรณ์ระดับอีเทอนิตี้ที่ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเซี่ยเฟยได้ ดังนั้นการได้ครอบครองรองเท้าอีซูซุสักคู่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากแล้ว แต่ซุนซานกลับบอกว่าพ่อของเขามีรองเท้าแบบนี้เก็บอยู่อีกหลายคู่!!

เซี่ยเฟยคิดว่าซุนซานกับสมาพันธ์หนานหนิงมีความลึกลับและน่าค้นหามาก ซึ่งบางทีสมาพันธ์นี้อาจจะช่วยเหลือเขาในอนาคตได้ ดังนั้นเขาจึงแอบคิดกับตัวเองภายในใจว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยซุนซานไปง่าย ๆ อย่างเด็ดขาด

“ขอบคุณมากน้องชาย ความจริงวันนี้ฉันก็ไม่มีอะไรทำเหมือนกัน เอาแบบนี้ไหมวันนี้ฉันจะไปช่วยเลือกซื้ออาวุธอุปกรณ์พร้อมกับนายเอง หลังจากนั้นตอนกลางคืนนายค่อยไปที่พักพร้อมกับฉันแล้วเดี๋ยวฉันจะแนะนำเพื่อน ๆ ให้รู้จัก ซึ่งบางทีนายอาจจะได้เข้าไปฝึกฝนในสมาพันธ์จัสทิสก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ

“สมาพันธ์จัสทิส!” ซุนซานอุทานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง เพราะมันไม่มีใครในพันธมิตรไม่รู้จักองค์กรนักสู้ที่ทรงพลังนี้ แต่เซี่ยเฟยกลับบอกว่าเขาอาจมีโอกาสเข้าร่วมสมาพันธ์จัสทิสได้ ซึ่งมันไม่ต่างไปจากการที่อยู่ ๆ เขาได้รับพรที่ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

หลังจากนั้นซุนซานก็ทำเรื่องย้ายโรงแรมไปพักในโรงแรมเดียวกับเซี่ยเฟย ขณะที่เซี่ยเฟยก็กำลังตื่นเต้นหลังจากที่ได้รองเท้าคู่ใหม่ และเขาก็ตั้งใจที่จะเก็บซุนซานเอาไว้ข้างกายจนกว่าเขาจะได้รู้ความลับของสมาพันธ์หนานหมิง

ในตอนกลางคืนหลังจากที่เซี่ยเฟยช่วยจับซุนซานแต่งตัวใหม่ พวกเขาก็ได้กลับไปยังโรงแรม

เซี่ยเฟยช่วยซุนซานเลือกซื้อชุดต่อสู้เซอร์ราฟมาร์คทู ซึ่งเป็นชุดต่อสู้สำหรับผู้มีพลังพิเศษเกี่ยวกับไฟโดยเฉพาะ นอกจากนี้ซุนซานยังได้อาวุธมาอีกสองชิ้น โดยอาวุธชิ้นหนึ่งคือดาบยาวที่มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างดีและเหมาะสำหรับนักสู้มือใหม่ ส่วนอาวุธอีกชิ้นหนึ่งคือมีดสั้นที่ซ่อนเอาไว้ใต้แขนเสื้อ ซึ่งมันสามารถเอาไว้ใช้เซอร์ไพรส์ในขณะที่ศัตรูไม่ทันได้ตั้งตัวได้

นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังช่วยเลือกซื้อกระเป๋าใส่สัมภาระซึ่งเป็นสิ่งที่นักสู้มือใหม่ได้ใช้โดยทั่วไป สิริรวมแล้วซุนซานได้เสียเงินซื้ออาวุธอุปกรณ์ไปทั้งสิ้น 160 ล้านสตาร์คอยน์ และยังเหลือเงินอีกมากกว่า 80 ล้านสตาร์คอยน์เอาไว้ใช้จ่ายในยามที่จำเป็น

ซุนซานเดินอกผายไหล่ผึ่งอย่างกล้าหาญตามที่เซี่ยเฟยได้ช่วยจัดท่าทางให้กับเขา แต่เนื่องจากว่าเขายังไม่ต้องการทิ้งเสื้อผ้าชุดเก่าของตัวเอง เขาจึงเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่แบกอยู่ด้านหลัง

ในที่สุดพวกมังกี้ก็กลับมาถึงโรงแรม โดยหน้าตาของแต่ละคนต่างก็มีความสุขมากหลังจากที่พวกเขาได้รับของเล่นชิ้นใหม่ติดไม้ติดมือกลับมา

เด็กหนุ่มพวกนี้สนใจแต่เพียงสิ่งของที่ไร้ค่าสำหรับเซี่ยเฟย ยกตัวอย่างเช่น มังกี้ที่ซื้ออาวุธลับที่ดูเหมือนอุปกรณ์ประกอบฉาก ขณะที่คิวเลกซ์ผู้ดูจะซื้อของที่มีประโยชน์มากที่สุดก็ซื้อเพียงแค่ตำราปรุงยาแก้พิษ

หลังจากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันที่ร้านอาหารเพื่อสังสรรค์กันอีกครั้ง ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้แนะนำซุนซานให้ทุกคนได้รู้จักและถึงแม้ว่าเด็กพวกนี้จะมีนิสัยเสียอยู่เล็กน้อย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยินดีต้อนรับซุนซานเข้ากลุ่มอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ! ชีวิตของน้องชายคนนี้ช่างยากลำบากซะจริง ๆ” เซี่ยเฟยถอนหายใจพร้อมกับเริ่มพูดถึงเรื่องราวของซุนซาน

“ทำไมพี่ถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” มังกี้กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ซุนซานมาจากตระกูลนักปรุงยาแต่เขาต้องการที่จะฝึกฝนทักษะการต่อสู้ ในครั้งนี้เขาต้องแอบหนีออกมาจากบ้านเพื่อมาเข้าร่วมงานเทศกาล แต่ครอบครัวของเขาไม่อยากให้ซุนซานยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เลย”

เซี่ยเฟยค่อนข้างจะใส่สีตีไข่ในเรื่องราวของซุนซานอยู่เล็กน้อย โดยบรรยายว่าพ่อของซุนซานเป็นพวกคนหัวโบราณที่ดูถูกอาชีพนักรบ แต่ซุนซานก็ยังคงเป็นชายหนุ่มที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองออกมาเดินในเส้นทางของนักรบ

ขณะเดียวกันพ่อแม่ของเด็กแสบกลุ่มนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ผู้มีชื่อเสียงของสมาพันธ์จัสทิส พวกเขาจึงรู้สึกเคารพอาชีพนักรบไปโดยปริยาย

“พี่ซุนซานวางแผนอะไรเอาไว้แล้วบ้าง?” แฮมเมอร์กล่าวถาม

“ฉันคงต้องค่อย ๆ ศึกษาเรื่องต่าง ๆ ไปทีละนิด เพราะฉันแอบหนีออกมาโดยไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลย นอกจากนี้สมาพันธ์ใหญ่ ๆ ย่อมไม่รับฉันเข้าไปในสมาพันธ์ของตัวเองอย่างแน่นอน ฉันเลยตั้งใจว่าจะลองเข้าร่วมกับสมาพันธ์เล็ก ๆ ดู ตราบใดก็ตามที่ฉันได้เรียนวิชาการต่อสู้จะสมาพันธ์อะไรฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น” ซุนซานกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

“ไม่ดี ๆ สมาพันธ์ขนาดเล็กพวกนั้นทั้งไม่มีเงินและไม่มีอำนาจ การไปเข้าร่วมกับพวกเขาถือว่าเป็นการเสียเวลาไปเปล่า ๆ” มังกี้กล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา

“แต่ฉันไม่รู้จักกับใครเลยนะ แล้วการเข้าร่วมสมาพันธ์ขนาดใหญ่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น” ซุนซานกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมองไปยังมังกี้ที่กำลังแทะน่องไก่ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและกล่าวขึ้นมาว่า

“เอาล่ะ เดี๋ยวฉันจะลองโทรหาพ่อดูก็แล้วกัน”

พ่อของมังกี้เป็นหัวหน้าแผนกฝึกอบรมของสมาพันธ์จัสทิส และเขาก็ไม่สามารถที่จะทนลูกอ้อนของลูกชายตัวเองได้ ซุนซานจึงได้รับสิทธิ์เข้าสู่ค่ายฝึกในนครหลวงทันที ซึ่งมันก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกขอบคุณเซี่ยเฟยมากขึ้นกว่าเดิม

หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลงซุนซานก็เดินตามเซี่ยเฟยเพื่อกลับไปยังห้องพักของตัวเอง แต่ในระหว่างที่พวกเขาเดินไปได้เพียงแค่ครึ่งทาง ชายหนุ่มกลับหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าออกมา ก่อนที่จะยัดมันใส่มือของเซี่ยเฟยพร้อมกับกล่าวขอบคุณขึ้นมาเสียงดังและเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง

“นั่นมันอะไร?” อันธกล่าวถามอย่างสงสัย

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด