ตอนที่ 19 : ท้ายที่สุด ก็ประเมินจิตใจคนในวันสิ้นโลก ต่ำเกินไป
ตอนที่ 19 : ท้ายที่สุด ก็ประเมินจิตใจคนในวันสิ้นโลก ต่ำเกินไป
เป็นเพราะเครื่องยนต์ของเขาแรงม้าต่ำเกินไป แม้ว่าจะเหยียบคันเร่งจนมิด แต่ก็ไม่อาจจะขับหนีอีกฝ่ายได้
ที่สำคัญที่สุดคือหลังจากที่เลี้ยวกลับมาแล้ว หลี่เทียนเทียนก็พบว่ามีรถออฟโรดดัดแปลง 2 คันจอดขวางทางอยู่ และทั้งสองคันยังมีแผ่นเหล็กล้อมรอบเอาไว้อย่างแหน่นหนา นี่ถือเป็นการปิดเส้นทางของพวกเขามากขึ้นไปอีก
ตรงด้านหน้ามีการสกัดกั้น ข้างทางก็เป็นล่องน้ำลึกกว่า 1 เมตร หากยังขับไปต่อก็อาจจะตกลงไปได้
ตอนนี้หลี่เทียนเทียนก็ได้ขับจนไปถึงทางตันแล้ว
หลี่เทียนเทียนกัดฟันแน่น และหมุนพวงมาลัยพร้อมกับเท้าขวาที่เหยียบเบรกอย่างแรง ส่งผลทำให้รถหมุนอย่างรุนแรง และพลิกตลบพร้อมกับไถลไปกับพื้นกว่า 5 เมตร ก่อนที่จะหยุดพร้อมกับควันที่ลอยโขมง
ทันใดนั้นรถเบนซ์และรถออฟโรดก็ขับไล่ตามหลังมา หลังจากที่หยุดรถแล้วก็มีคนอีก 4 คนกระโดดลงมา พร้อมกับอาวุธในมือครบครัน พวกเขาพากันเดินเข้ามาที่รถของหลี่เทียนเทียน
ไม่นานนัก ชายทั้ง 8 คนก็ล้อมรอบรถเอาไว้ หน้าตาของพวกมันดูโหดร้ายราวกับหมาป่าที่กำลังล้อมเหยื่อ
หลี่เทียนเทียนลากเสี่ยวเทียนออกมาจากรถ แล้วเงยหน้าขึ้นมองรอบ ๆ
“หลี่เทียนเทียน...ใช่หรือเปล่า ?” ชายที่ใส่หูฟังฮึดฮัดออกมา เมื่อเห็นหลี่เทียนเทียนกระโดดออกมาจากรถ เขาก็เอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปหาหลี่เทียนเทียน
“ขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อเฉินหนาน คนของบริษัทยาเทียนหรุน ฉันไม่ได้คิดร้ายอะไรกับนาย...ฉันรู้ว่านายมียารักษาพิษ ดังนั้นเราจึงอยากร่วมมือกับนาย นายเอายามาให้เราส่วนเราจะจ่ายเงินให้ ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ !”
หลี่เทียนเทียนหลบอยู่ด้านหลังเสี่ยวเทียนและมองไปยังทั้ง 8 คน ก่อนจะถามขึ้น “แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ ?”
“ตอนนี้นายมีแค่ 2 ทางเลือก หนึ่งคือร่วมมือกับเรา ทุกคนต่างก็ได้ประโยชน์ นายจะได้เงินไป สองคือ...” เฉินหนานพูดขึ้นพร้อมกับล้วงเอามีดขึ้นมาแคะเล็บ “เราจะฆ่านายและชิงยาที่นายมีไป”
หลี่เทียนเทียนได้ยินคำขู่จากปากของเฉินหนาน ก็แสดงสายตาเย็นชาออกมา
...
32 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
ตอนที่หลี่เทียนเทียนกำลังขับรถกลับมาพร้อมกับหลี่ฮาน ก็พบกับพ่อค้าขายผักเข้า ตอนนั้นเสี่ยวเทียนได้พ้นจากอันตรายแล้ว
“สุดท้ายลูกก็ฟื้นแล้ว ! พ่อกลัวแทบตาย !” ลุงหนานที่ยืนอยู่ข้างเตียง ได้เห็นลูกชายฟื้นขึ้นมาก็น้ำตาไหลออกมาทันที
“พ่อ ..ผมเป็นอะไรไป ?” เสี่ยวเทียนแสดงสายตาสับสนออกมา
จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ได้สติ เขามองไปที่มือตัวเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ผมจำได้ว่าผมหิวและทนไม่ไหวเลยกินแอปเปิลเข้าไป จากนั้นก็อ้วกเป็นเลือดและหายใจลำบาก ผมคิดว่าผมคงไม่รอด...แต่ตอนนี้ทำไมอาการป่วยถึงได้หายไปหมด ?”
ลุงหนานได้ยินแบบนั้น ก็กางมือออกเผยให้เห็นแครอทในมือ “ลูกจำลูกบอลกระดาษที่ปาเข้ามาในบ้านได้หรือเปล่า ? นี่คือของที่อยู่ในลูกบอลกระดาษ และมีตัวหนังสือเขียนกำกับเอาไว้ หลังจากที่พ่อเอามันให้ลูกกิน อาการของลูกก็ดีขึ้น...พ่อคิดว่าคงเป็นพรจากพระเจ้า !”
เสี่ยวเทียนมองไปที่แครอทในมือพ่อ เขามองมันสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ถ้ามีพระเจ้าในโลกจริง ๆ เช่นนั้นคงไม่มีหายนะแบบนี้เกิดขึ้น จะต้องมีคนเอาของนี่มาให้เรา เพียงแต่เขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตน...”
“ลูก ลูกหิวหรือเปล่า ? พ่อจะไปทำอาหารให้ ! ลูกพักก่อนเถอะ !” ลุงหนานตื่นเต้นอย่างมาก เขาไม่ได้ยินที่เสี่ยวเทียนพูดมาแม้แต่น้อย
อาการป่วยของลูกหายดี พวกเขาได้อาหารจากผู้หวังดี นี่คือวันที่ดีที่สุดของเขาก็ว่าได้
ไม่นานก็มีผักต้มและไข่ต้มถูกยกออกมา แม้ว่าจะไม่มีซอสกับเกลือ แต่เสี่ยวเทียนที่หิวมานานก็กินมันจนหมด
“พ่อ ผมจำได้ว่าอาหารที่เรามี หมดไปแล้วไม่ใช่หรือ ? พ่อเอาของพวกนี้มาจากไหน ?” เสี่ยวเทียนวางชามข้าวลงไปและถามขึ้นมา
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปพวกนี้เฮียหลี่ที่พ่อเคยทำงานด้วยให้มา สำหรับผักพวกนี้ พ่อไม่รู้เหมือนกัน อยู่ ๆ ก็ห้อยอยู่ที่รั้วหน้าบ้าน” ลุงหนานเกาหัวและพูดขึ้น
เสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมา “คนที่ให้อาหารกับเราต้องเป็นคนที่ช่วยผมเอาไว้แน่”
“ใครจะไปรู้ ? อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ !” ลุงหนานถอนหายใจออกมา
“ยังเหลือคนดีอีกเยอะในโลกนี้” ลุงหนานไม่คิดอะไรมาก การที่ลูกหายดีนั้นก็ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมากแล้ว
แต่เสี่ยวเทียนกลับรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา สายตาของเขาสั่นไหว เขาเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่ในหัว ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงและพูดขึ้น “พ่อ ผมจะไปข้างนอก”
“นี่มันก็ดึกแล้ว ลูกเพิ่งหายป่วย ลูกจะไปที่ไหน ?” ลุงหนานถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“แล้วผมจะรีบกลับมา !” เสี่ยวเทียนรีบใส่เสื้อคลุมและเดินออกไปทันที เขาเร่งรีบราวกับกำลังจะไปทำเรื่องสำคัญ
“เด็กคนนี้...” ลุงหนานมองไปที่แผ่นหลังของลูกชาย พรางถอนหายใจออกมา
หลังจากที่เสี่ยวเทียนออกจากบ้านไป เขาก็ใช้ไฟฉายส่องไปรอบ ๆ บ้าน ไม่นานเขาก็พบกับรอยเท้าที่กำแพงฝั่งหน้าต่าง ซึ่งยืนยันการคาดเดาของเขา ไม่มีพระเจ้าในโลก แต่มีคนช่วยเขาเอาไว้
เสี่ยวเทียนมองไปนอกกำแพง มันมืดและว่างเปล่า เขาเงียบอยู่สักพักและเดินไปที่มุมกำแพง ตอนนั้นเองที่เขาเห็นว่ามีบ้านหลังหนึ่งที่มีแสงส่องสว่างออกมา
ร้านอินเทอร์เน็ต ! ต้องมีกล้องวงจรปิดแน่ !
เสี่ยวเทียนตาเป็นประกายขึ้นมาและรีบวิ่งไปที่นั่นทันที
ก๊อกๆ ! เขายกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานก็มีชายผมเหลืองใส่เสื้อกันหนาวเดินออกมา
“พระเจ้า..ฉันปิดร้านแล้ว !”
“พี่เมี่ยว ผมไม่ได้มาเล่นเกม สองวันก่อนมีขโมยขึ้นบ้านผม ผมอยากขอดูกล้องของพี่หน่อย” เสี่ยวเทียนตอบกลับ
ชายคนนั้นเลิกคิ้ว และพูดขึ้นมา “งั้นก็รีบหน่อยก็แล้วกันนะ ฉันจะนอนแล้ว !”
เสี่ยวเทียนพยักหน้า ไม่นานเสี่ยวเทียนก็ไปนั่งหน้าคอมและตรวจสอบวิดีโอ
ระหว่างที่ดูวิดีโอนั้นเสี่ยวเทียนก็ไม่เห็นใครเดินผ่านมา เขาเห็นแค่รถคันหนึ่งขับผ่านบ้านเขาไป หลังจากนั้น 10 นาทีรถก็ขับกลับมาอีกครั้ง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในตรอกนี้เลย !
เสี่ยวเทียนหายใจถี่ขึ้นมา เขารู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ความจริงแล้ว เขากดหยุดวิดีโอและทำการมองไปที่แผ่นป้ายทะเบียนรถ !
ใต้ a668s2 !
เสี่ยวเทียนหรี่ตาลงทันที
เขาจำป้ายทะเบียนนี้ได้
5 นาทีต่อมา
เสี่ยวเทียนก็กลับไปที่บ้าน เขาเปิดประตูเข้าไปพร้อมกับที่พ่อของเขาได้ถามขึ้นมา “ลูกไปไหนมา ?”
“พ่อ ผมรู้แล้วว่าใครช่วยผมเอาไว้” เสี่ยวเทียนพูดขึ้น
“ใคร ?” ลุงหนานถามขึ้นมา
“พี่หลี่ !” เสี่ยวเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้น
“ผมไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดมา รถของเขาขับมาที่นี่แล้วขับออกไปตอนที่อาการผมหาย !”
“นี่....เฮียหลี่เป็นคนดีจริง ๆ ! ไม่ใช่แค่ให้อาหารกับเราแต่ยังช่วยชีวิตลูกไว้ด้วย ! เราต้องตอบแทนเขา !” ลุงหนานพูดขึ้นมาด้วยความตื้นตันใจ
“พ่อ !” เสี่ยวเทียนขัดขึ้นมา เขากัดฟันแน่นและพูดขึ้น
“เมื่อพี่หลี่ช่วยผมเอาไว้ ก็หมายความว่าเขาต้องมียาจำนวนมากอยู่กับตัว ...ผมคิดว่าผมจะแย่งยาพวกนั้นมา ! หากเราทำได้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะอดตายแล้ว !”
ลุงหนานได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้าง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ มือของเขาสั่น และชี้ไปที่เสี่ยวเทียนแล้วพูดขึ้นมา “ไอ้ลูกสารเลว แกกลับคิดเอาเปรียบคนที่มีพระคุณงั้นหรือ !”
“ไม่ใช่ !” เสี่ยวเทียนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผมแค่...ต้องเอาตัวรอด !”