ตอนที่ 13 : แตงโม ?
ตอนที่ 13 : แตงโม ?
ลุงหนานเดินเข้ามาที่เตียง ก่อนจะเปิดห่อกระดาษออก ซึ่งบนกระดาษนั้นมีตัวหนังสือเขียนเอาไว้
– หากไม่อยากให้เขาตาย รีบให้เขากินซะ !
ซึ่งกระดาษมีสองชั้น อีกชั้นหนึ่งเป็นกระดาษที่ห่อแครอทเอาไว้
“ใครกัน...ทำไมใจดีกับเราถึงขนาดนี้ ?” ลุงหนานพึมพำ และจับแครอทด้วยมือที่สั่นเทา
ตอนนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ถึงข้อความในกระดาษ
“จากข้อความนี้...ไม่ใช่ว่าแครอทนี่จะรักษาเสี่ยวเทียนได้หรือ”
ตอนนั้นเขาได้ก้มหน้าลง สังเกตแครอทตรงหน้า ก็พบว่าแครอทนี้ต่างจากแครอททั่วไป ไม่ใช่แค่ไม่มีจุดสีเทาเท่านั้น แต่ยังส่งกลิ่นหอมเหมือนกับสมุนไพรออกมาอีกด้วย
“พ่อ...แค่ก แค่ก.... นั่นอะไร ?” เสี่ยวเทียนถามขึ้นพร้อมกับไอไปด้วย
“ยา ! ใช่แล้วมันคือยา !” ลุงหนานได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
แม้แต่โรงพยาบาลก็ยังไม่อาจจะรักษาโรคนี้ได้เลย แครอทนี้จะช่วยได้งั้นหรือ ?
แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น !
อาการของเสี่ยวเทียนหนักขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่นานเขาคงตายเพราะอวัยวะภายในล้มเหลว
ตอนนี้ลุงหนานเหมือนกับคนที่กำลังจมน้ำ หากมีใครโยนเชือกให้กับเขา ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ แต่เขาก็จะคว้ามันเอาไว้ !
“อ้าปากแล้วกินแครอทนี้เข้าไป ...” ลุงหนานกัดฟันแน่นแล้วเดินไปจัดการแครอท ก่อนจะเดินไปที่เตียง พร้อมกับบอกให้เสี่ยวเทียนอ้าปาก จากนั้นเขาก็ป้อนแครอทที่เขาได้ไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้กับลูกชายของเขา
“รีบเคี้ยว ! แล้วกลืนเข้าไป !” ลุงหนานพูดออกมาทั้งน้ำตา
เสี่ยวเทียนไม่รู้ว่าพ่อของเขาคิดจะทำอะไร แต่ตอนนั้นสติของเขาเลือนรางและไม่มีแรง จึงได้แต่ทำตามที่พ่อสั่ง
อีกด้านหนึ่ง หลี่เทียนเทียนก็มองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้อง อยู่ด้านนอกกำแพง
สุดท้ายเสี่ยวเทียนก็กลืนมันลงไป
“อ๊ะ !” ไม่นานเขาก็ร้องออกมา จากนั้นตัวเขาก็สั่นไหว
“พระเจ้า พระเจ้า !” ลุงหนานอุทานออกมาด้วยความสับสน แครอทที่เหลือในมือร่วงลงไปที่พื้น
เมื่ออยู่ ๆ เสี่ยวเทียนกลับลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอ้วกออกมา
ไม่นานเขาก็หายใจได้เป็นปกติ และผิวที่เป็นสีเทาก็เริ่มจางหายไป !
เมื่อหลี่เทียนเทียนเห็นเช่นนั้นก็เผยสีหน้าโล่งใจออกมา จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วนำสมุดจดบันทึกออกมาเขียนลงไป
– ผักผลไม้ระดับยานั้นสามารถล้างพิษรังสีได้ แต่ยังไม่รู้ผลข้างเคียง ...
ไม่นานเสียงร้องด้วยความดีใจของลุงหนานดังออกมาจากในห้อง
เมื่อเขาเห็นผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว หลี่เทียนเทียนก็อุ้มหลี่ฮานขึ้น ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ
ต่อไปหลี่เทียนเทียนอยากเห็นว่าผักผลไม้ระดับยานั้นจะเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์จากการกินอาหารเปื้อนรังสีให้กลับมาเป็นปกติได้หรือไม่
ทว่าหลี่เทียนเทียนก็รู้ดีว่าเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยาก...
....
ตอนนี้หลี่เทียนเทียนได้ขับรถเข้าไปในเมืองได้กว่า 30 นาทีแล้ว ก่อนที่จะขับมาถึงทางใต้ของเมือง
ตอนนั้นเป็นเวลา 22.00 นาฬิกา หากเป็นช่วงก่อนเกิดหายนะ ถนนใจกลางเมืองในตอนนี้คงเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นชีวิตกลางคืน แต่ตอนนี้ถนนนี้กลับว่างเปล่า มีแต่กระจกและป้ายที่พังอยู่ทั่วทุกที่
อีกทั้งร้านค้าสองข้างทางก็ปิดหมด บางร้านกระจกก็ถูกทุบ เพื่อปล้นชิงของในร้าน ชัดแล้วว่าที่นี่เกิดจลาจลขึ้น
เมื่อขับรถผ่านบาร์แห่งหนึ่ง ไฟก็ยังเปิดอยู่ แต่ไม่มีเสียงเพลงให้ได้ยิน
เมื่อมองไปตามข้างถนน ก็จะพบศพแมวและหมานอนตายเต็มไปหมด พร้อมทั้งเสียงรถพยาบาลที่ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ที่นี่ปกคลุมไปด้วยความสิ้นหวัง บางครั้งก็มีรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจขับผ่าน พวกเขาดูกังวลพร้อมกับคำพูดจากวิทยุที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“มีการปล้นกันที่ถนน...”
“มีโจรที่...”
เมื่อเห็นแบบนั้น หลี่เทียนเทียนก็รู้ว่าเหตุการณ์ได้หนักหนากว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้เสียอีก
วันหายนะเช่นนี้ พวกอันธพาลมักฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายขึ้นมา จนทำให้มีคนตายไปเพราะความวุ่นวายครั้งนี้ไม่น้อยไปกว่าคนที่ตายไปเพราะผักผลไม้ที่เปื้อนรังสี
หลี่เทียนเทียนขับรถออกมาจากถนนเส้นนั้น ก่อนจะเลี้ยวเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ก่อนจะเห็นกลุ่มคนที่ทางเข้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งพวกเขากำลังต่อแถวยาวหลายร้อยเมตรอยู่ตรงหน้าร้าน
พวกข้าวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรวมถึงผักผลไม้ต่าง ๆ คือของที่ผู้คนต้องการมากที่สุดจากร้านสะดวกซื้อ ตอนนั้นผู้คนไม่ได้กลัวความหนาวเย็น พวกเขาได้มายืนแออัดกันราวกับมด และมีเสียงตะโกน เสียงสบถด่ากันออกมาอย่างต่อเนื่อง
“อย่าแซงคิว ! ฉันยืนต่อคิวมา 5 ชั่วโมงแล้ว ให้ฉันซื้อก่อน !”
“ไอ้บ้านี่ ฉันแค่ไปเข้าห้องน้ำ..”
“ไอ้บ้า ไอ้ชาวนาไร้วัฒนธรรม ฉันเป็นผู้จัดการของบริษัทซิงตง...แกมีเรื่องกับฉัน แกไม่ตายดีแน่ ! อ๊ะ ใครเตะฉันวะ ?”
ตอนนั้นเองตำรวจที่คอยคุมสถานการณ์อยู่ ก็ถือโทรโข่งแล้วตะโกนออกมา
“ทุกคนจงฟัง ! อย่าเพิ่งใจร้อน พวกคุณจะได้ซื้อของกันทุกคน ! พวกคุณซื้อข้าวได้คนละ 5 กิโลกรัม เส้นบะหมี่ 5 กิโลกรัม และผัก 1 กิโลกรัม !”
หลี่เทียนเทียนเห็นแบบนั้นก็พูดอะไรไม่ออก
เมื่อไหร่ก็ตามที่คนจีนเกิดหายนะ พวกเขาจะพากันกักตุนอาหารจนกว่าจะรู้สึกว่าปลอดภัย
ดังนั้นบ้านของทุกคนจะมีคลังอาหารประจำบ้าน แม้ว่าราคาอาหารจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะอดตายในทันที
ทว่าขณะที่หลี่เทียนเทียนเตรียมที่จะขับออกไป ในตอนนั้นเองตำรวจคนหนึ่งก็เดินเข้ามาเคาะกระจกรถและพูดขึ้นด้วยสีหน้าเครียด “หยุด ดับเครื่องด้วย !”
หลี่เทียนเทียนชะงักงันไป และเอากล่องบุหรี่ออกมาจากที่นั่งข้างคนขับแล้วยื่นให้กับตำรวจ
“คุณตำรวจ มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”
ปกติแล้วเขาไม่สูบบุหรี่ ซึ่งบุหรี่พวกนี้ก็แค่เครื่องมือของเขา
ตำรวจโบกมือ แม้ว่าจะไม่รับมันมาแต่ท่าทีของตำรวจก็ดีขึ้นเยอะ
“น้องชาย เปิดกระบะหลังหน่อย เราขอตรวจดูรถนายหน่อย”
ด้านหลังรถของหลี่เทียนเทียนไม่มีอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องกังวล เขาทำการเปิดกระบะหลังตามคำสั่งของตำรวจ
ตำรวจเปิดไฟฉายเข้าไปส่องที่ท้ายรถ เมื่อเห็นกล่องของเครื่องมือเพาะปลูก ตำรวจก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“นายไปได้”
“2 วันมานี้ มีคนแอบขนเอาผักปนเปื้อนรังสีเข้ามาขายเพื่อหากำไร” ตำรวจปิดไฟฉายและเตือนขึ้นมา
“น้องชาย ถ้านายอยากซื้ออาหาร นายต้องไปที่สำนักงาน ด้านนอกน่ะไม่ปลอดภัย”
“ขอบคุณมากครับ !” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าตอบรับ
แน่นอนว่ารัฐเริ่มควบคุมการขายอาหารแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของตำรวจ เขาก็เข้าใจทันทีว่าทำไมถึงมีคนติดพิษมากใน 2 วันที่ผ่านมา
คนที่เอาผักพวกนั้นมาขายนี่ใจดำอำมหิตกันจริง ๆ ถึงเก็บผักที่เปื้อนรังสีออกมาขายได้ !
ก่อนที่จะขับรถออกมานั้นหลี่เทียนเทียนก็ได้มองไปที่หน้าร้านสะดวกซื้อ และครุ่นคิดว่า
‘หากเขาไม่โชคดีที่ถูกระบบเลือก เขากลัวว่าเขาคงเป็นหนึ่งในคนพวกนี้หรือไม่ก็อาจะเป็นคนที่ติดพิษตายไปแล้ว’
“พี่เทียน หนูกลัว...” หลี่ฮานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ทว่าด้วยบรรยากาศอึมครึมที่นี่ก็ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
หลี่เทียนเทียนลูบหัวหลี่ฮานและพูดขึ้นมา “พี่อยู่นี่ไง”
หลี่เทียนเทียนไม่ได้ปลอบอะไรออกมามากนัก แค่คำพูดสั้น ๆ ก็เพียงพอที่จะทำให้หลี่ฮานสบายใจได้
“อื่ม” หลีฮานพยักหน้าตอบรับ “ขอเพียงมีพี่เทียนอยู่ ฮานฮานก็ไม่กลัวอะไรแล้วละ !”
เมื่อหลี่เทียนเทียนขับรถกลับฟาร์มก็ดึกมากแล้ว เขาเองก็รู้สึกง่วงแล้วด้วย
ในขณะที่เขาขับรถออกมาที่ชานเมืองนั้นก็มีรถบรรทุกขนาดเล็กขับแซงเขาไป ต่อมาเสียงเบรกก็ดังขึ้นพร้อมกับอีกฝ่ายที่จอดรถขวางถนนเอาไว้ !
หลี่เทียนเทียนคิ้วขมวดขึ้นมาทันที เขาค่อย ๆ หยิบมีดเล็ก ๆ ออกมาจากใต้ที่นั่ง
แกร๊ก !
ประตูรถของอีกฝ่ายเปิดออกพร้อมกับชายตัวอ้วนที่กระโดดลงมา เขารีบวิ่งมาที่รถของหลี่เทียนเทียนและมาเคาะกระจก “พี่ชาย ฉันนี่แหละที่จะช่วยนายเอง !”
“มีเรื่องอะไร ?” หลี่เทียนเทียนจับมีดในมือไว้แน่น แต่ก็ยังถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเห็นนายขับรถวนรอบร้านสะดวกซื้อ นายอยากซื้ออาหารใช่ไหม ?” ชายคนนั้นยิ้มออกมาและเปิดกระเป๋าของตัวเองออก
“แตงโม ฟักทอง มะเขือเทศ นายอยากซื้ออะไร ฉันมีหมด !”
สีหน้าของหลี่เทียนเทียนแข็งทื่อไป
หรือว่าจะเป็นพวกพ่อค้าเลวที่เขาได้ยินมาเมื่อครู่ ?
หลี่เทียนเทียนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็มองไปที่ผักในกระเป๋าอีกฝ่ายอยู่สักพัก ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วถามขึ้น “พี่ชาย แตงโมของนาย...กินได้หรือ ?”
………………………………………