ตอนที่ 11 : คนบุกรุก !
ตอนที่ 11 : คนบุกรุก !
หลังจากที่ได้ยินคำนี้ หลี่เทียนเทียนก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที
ตอนนี้ที่นี่คือป้อมปราการของเขา เขาไม่อาจจะปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นได้
หากมีคนพยายามฝ่าเข้ามา ก็ต้องรีบจัดการปัญหานี้ซะ
[ตรวจสอบใบหน้าผู้บุกรุก...]
ไม่นานหุ่นยนต์ก็ส่งข้อมูลของผู้บุกรุกกลับมาให้เขา
[ ผู้บุกรุกเป็นชายวัย 42 ปี ไม่มีอาวุธ ภัยคุกคามระดับ 3 ! ]
[ แสดงภาพผู้บุกรุก ! ]
ไม่นานรูปภาพและข้อมูลของผู้บุกรุกก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหลี่เทียนเทียน
หน้าประตูรั่วมีชายวัยกลางคนยืนสูบบุหรี่พรางเดินไปมา พร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมา
เขาพยายามเคาะประตูด้วยท่าทีลังเล ซึ่งเขาได้ยกมือขึ้นหลายครั้งเพื่อเคาะประตู แต่สุดท้ายเขาก็ลดมือลงไป
“ลุงหนาน ?” หลี่เทียนเทียนเห็นภาพของชายคนนี้ ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ
ลุงหนานเป็นชาวนาอยู่เมืองใกล้ ๆ เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หลี่เทียนเทียนก็มักจะจ้างลุงหนานมาช่วยอยู่เสมอ
ลุงหนานเป็นคนขยัน หลี่เทียนเทียนค่อนข้างประทับใจในตัวอีกฝ่าย
“เขามาที่นี่ทำไมกัน ?” หลี่เทียนเทียนสับสนนิด ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูทันที
ไม่นานเขาก็มาถึงที่ประตูแล้วตะโกนขึ้น “ลุงหนาน มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”
ลุงหนานที่เดินไปมาหน้าประตูด้วยความกังวลก็ต้องตกใจเพราะเสียงตะโกนนี้
เขาแสดงท่าทีเขินอายออกมาทันที แต่วินาทีต่อมาเขาก็สูบบุหรี่อีกครั้ง ก่อนจะโยนมันทิ้งแล้วเดินเข้ามาจับที่ราวประตูด้วยมือทั้งสองข้าง
“เฮียหลี่ ฉะ...ฉันอยากขอให้นายช่วยหน่อย ...” ลุงหนานเหมือนจะต้องรวบรวมความกล้าเพื่อพูดมันออกมา
ตอนนั้นหลี่เทียนเทียนก็เห็นว่าสภาพจิตใจของลุงหนานนั้นไม่สู้ดีนัก
ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับร้องไห้มา เขาเหมือนกับป่วยหนักและร่างกายแทบไม่มีพลังชีวิต
แม้หลี่เทียนเทียนจะเห็นสภาพของลุงหนานเป็นแบบนี้ ถึงเขาจะเศร้าใจแต่เขาก็ไม่ได้เปิดประตูให้
เพราะตอนนี้จิตใจคนไม่อาจจะคาดเดาได้
บางทีเพื่อนที่เคยสนิทกันเมื่อไม่กี่วันก่อน อาจจะกลายเป็นศัตรูกันก็ได้
“ลุงพูดมาได้เลย !” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าและพูดขึ้นมา
“เฮียหลี่ นายยังมีข้าวเหลืออยู่หรือเปล่า ? ฉันหมดหนทางจริง ๆ ข้าวของครอบครัวฉันถูกขโมย ข้าวที่เก็บไว้หายไปทั้งหมด! อาหารในตลาดก็แพงเกินไป ดังนั้น...นายช่วยแบ่งอาหารให้ฉันหน่อยได้ไหม ?” เสียงของลุงหนานเบาลงเรื่อย ๆ เขาแทบจะก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าหลี่เทียนเทียน
พวกผู้ใหญ่มักจะอับอายกับการหยิบยืมเงินจากคนที่เด็กกว่า ตอนนี้ลุงหนานก็รู้สึกเช่นนั้นแต่เพื่อความอยู่รอดแล้ว เขายอมทิ้งศักดิ์ศรี เพราะครอบครัวเขาอดข้าวมา 2 วันแล้ว และอาหารอย่างพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในท้องตลาดตอนนี้ก็ไม่เหลือแล้ว
ซึ่งเขาเองก็อดข้าวมา 2 วันเต็ม ๆ เช่นกัน !
ทำให้ตอนนี้เขาแทบจะเดินไม่ไหว !
ลุงหนานรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ทำให้ราคาของผักผลไม้นั้นแพงขึ้น แม้ว่าหลี่เทียนเทียนจะมีข้าว แต่ก็อาจจะเก็บไว้กินเองไม่ก็ขายในราคาที่สูง เพราะสถานการณ์ของโลกตอนนี้อาหารสำคัญที่สุด
ก่อนหน้านี้เขาเคยไปหาญาติ แต่ไม่อาจจะขอแบ่งอาหารจากพวกเขาได้เลย และหลี่เทียนเทียนก็เป็นความหวังสุดท้ายของเขาแล้วในตอนนี้
แม้ในใจเขาจะรู้ดีว่าโอกาสที่หลี่เทียนเทียนจะแบ่งอาหารให้เขานั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่อย่างไรในใจเขาก็ยังมีความหวัง และเผื่อว่าอาจจะมีโชค
หลังจากที่หลี่เทียนเทียนได้ยินคำพูดของลุงหนาน ความดีใจที่ได้ผักผลไม้ระดับยามาก็แทบจะหายไป
ตอนนี้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เขาต้องเผยด้านโหดร้ายของเขาออกมาบ้าง เพราะคนแบบลุงหนานไม่ได้มีน้อยในโลกตอนนี้
อีกไม่นานความอดอยากจะเกิดขึ้นทั่วทุกที่ และต้องมีหลายคนที่อดตายเพราะความหิวโหย !
“ลุงหนาน ฉันขอโทษด้วย...ฉันเองก็มีข้าวเก็บไว้ไม่มาก ส่วนข้าวที่ฉันปลูกเอาไว้ก็ปนเปื้อนสารพิษหมดแล้ว” หลี่เทียนเทียนส่ายหน้าและเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ
“แต่ฉันพอจะแบ่งบะหมี่ให้ลุงได้ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่นะ”
ลุงหนานได้ยินแบบนั้นก็แสดงสายตาแปลกใจออกมาและยกยิ้มด้วยความตื้นตันใจ
“ขะ...ขอบคุณ ขอบคุณเฮียมาก !”
ไม่นานหลี่เทียนเทียนก็นำกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เหลือครึ่งหนึ่งออกมา แล้วส่งให้กับลุงหนานผ่านช่องว่างที่ประตู
ลุงหนานซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่สีหน้ากังวลของเขาก็ยังไม่หายไป
เหตุผลก็ง่าย ๆ ก็คือของพวกนี้คงทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ได้แค่ 3-5 วันเท่านั้น
หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไม่มีอะไรกินเหมือนเดิม
หลี่เทียนเทียนหรี่ตาลง ตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเรื่องอาหาร แต่เขาไม่อยากช่วยลุงหนานมากเกินไป
การช่วยเหลือคน ควรช่วยในทางที่ถูกต้อง เขาต้องรู้วิธีปิดบัง เพราะการทำตัวเป็นคนดีใสซื่อนั้นไม่ใช่แค่ไม่อาจจะช่วยคนอื่นได้ แต่ยังทำลายตัวเองอีกด้วย
‘ฉันน่าจะเอาผักธรรมดาที่เก็บไว้ในตู้เย็นให้เขาด้วย...’ หลี่เทียนเทียนพึมพำในใจ
ตอนนี้เขากับหลี่ฮานมีผักผลไม้กันรังสีอยู่ ทำให้ผักผลไม้ทั่วไปที่เก็บไว้ไม่ได้มีค่าสำหรับเขาแล้ว และรอเวลาเน่าอยู่ในตู้แช่
“ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ” หลี่เทียนเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ
“ลุงหนาน ขอให้ลุงโชคดี”
เขากับลุงหนานรู้จักกันและช่วยกันมานานก็จริง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาผักผลไม้กันรังสีออกมาให้กับลุงหนาน เพราะความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะปกป้องที่ดินของตนเองด้วยซ้ำ
หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เขาต้องถูกหมายหัว ไม่ใช่แค่ไม่อาจจะรักษาที่นี่ไว้ได้ แต่อาจจะถูกชิงที่นี่ไป และถูกคนอื่นขุดรีดผลประโยชน์ทั้งหมดไป !
เพราะใจคนไม่อาจจะคาดเดาได้
นี่แหละวิธีการเอาตัวรอดของหลี่เทียนเทียน
“ไม่หรอก” เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เทียนเทียน ลุงหนานก็ส่ายหน้า สายตาเขาแสดงความสับสนออกมา
“เพราะนายช่วยพวกเราไว้ ขอให้นายนั่นแหละโชคดี”
...
ไม่นานยามวิกาลก็มาเยือน
ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ถูกบดบังไปนั้นหลี่เทียนเทียนก็คิดว่าไม่มีกลางวันกลางคืนอีกแล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือดวงดาวบนท้องฟ้ากลับกลายเป็นแหล่งแสงสว่างแห่งใหม่แทนที่ดวงอาทิตย์
แม้จะไม่ให้รังสียูวีและความร้อน แต่แสงของดวงดาวในเวลานี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าดวงอาทิตย์เลย
หลังจากที่ลุงหนานกลับไปแล้ว หลี่เทียนเทียนก็นั่งคิดทบทวนในหลาย ๆ เรื่อง
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเอาผักและเนื้อในตู้แช่ออกมา ก่อนจะไปอุ้มหลี่ฮานและเสี่ยวเฮยขึ้นรถมา
“พี่เทียน เราจะไปข้างนอกงั้นหรือ ?” หลี่ฮานถามขึ้นมาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ
“ใช่ เราจะไปดูกันว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าและมองออกไปข้างนอกรถ
“อีกอย่างเราจะเอาของไปให้ลุงหนานที่ช่วยงานเราก่อนหน้านี้ด้วย !”
“ลุงหนาน...” หลี่ฮานจำลุงหนานได้ดี เธอพองแก้มแล้วพูดขึ้นมา
“ที่บ้านลุงไม่มีอะไรกินงั้นหรือ ? น่าสงสารจังเลย...”
หลี่เทียนเทียนยิ้มออกมา ก่อนจะบิดกุญแจพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นมาและเขาก็ได้ขับออกไป
ก่อนที่หลี่เทียนเทียนจะออกจากบ้านนั้น เขาก็ได้สั่งการหุ่นยนต์ให้เปิดคำสั่งฉุกเฉิน
ระหว่างที่เขาไม่อยู่นี้ หากมีสิ่งมีชีวิตแอบลักลอบเข้ามาผ่านกำแพงก็ให้ฆ่าได้ทันที !