ตอนที่แล้วตอนที่ 10 : ผลลัพธ์ของพืชผักระดับยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 12 : การทดสอบ  

ตอนที่ 11 : คนบุกรุก !  


ตอนที่ 11 : คนบุกรุก !

หลังจากที่ได้ยินคำนี้ หลี่เทียนเทียนก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที

ตอนนี้ที่นี่คือป้อมปราการของเขา เขาไม่อาจจะปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นได้

หากมีคนพยายามฝ่าเข้ามา ก็ต้องรีบจัดการปัญหานี้ซะ

[ตรวจสอบใบหน้าผู้บุกรุก...]

ไม่นานหุ่นยนต์ก็ส่งข้อมูลของผู้บุกรุกกลับมาให้เขา

[ ผู้บุกรุกเป็นชายวัย 42 ปี ไม่มีอาวุธ ภัยคุกคามระดับ 3 ! ]

[ แสดงภาพผู้บุกรุก ! ]

ไม่นานรูปภาพและข้อมูลของผู้บุกรุกก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหลี่เทียนเทียน

หน้าประตูรั่วมีชายวัยกลางคนยืนสูบบุหรี่พรางเดินไปมา พร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมา

เขาพยายามเคาะประตูด้วยท่าทีลังเล ซึ่งเขาได้ยกมือขึ้นหลายครั้งเพื่อเคาะประตู แต่สุดท้ายเขาก็ลดมือลงไป

“ลุงหนาน ?” หลี่เทียนเทียนเห็นภาพของชายคนนี้ ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

ลุงหนานเป็นชาวนาอยู่เมืองใกล้ ๆ เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว หลี่เทียนเทียนก็มักจะจ้างลุงหนานมาช่วยอยู่เสมอ

ลุงหนานเป็นคนขยัน หลี่เทียนเทียนค่อนข้างประทับใจในตัวอีกฝ่าย

“เขามาที่นี่ทำไมกัน ?”  หลี่เทียนเทียนสับสนนิด ๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูทันที

ไม่นานเขาก็มาถึงที่ประตูแล้วตะโกนขึ้น “ลุงหนาน มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”

ลุงหนานที่เดินไปมาหน้าประตูด้วยความกังวลก็ต้องตกใจเพราะเสียงตะโกนนี้

เขาแสดงท่าทีเขินอายออกมาทันที แต่วินาทีต่อมาเขาก็สูบบุหรี่อีกครั้ง ก่อนจะโยนมันทิ้งแล้วเดินเข้ามาจับที่ราวประตูด้วยมือทั้งสองข้าง

“เฮียหลี่ ฉะ...ฉันอยากขอให้นายช่วยหน่อย ...” ลุงหนานเหมือนจะต้องรวบรวมความกล้าเพื่อพูดมันออกมา

ตอนนั้นหลี่เทียนเทียนก็เห็นว่าสภาพจิตใจของลุงหนานนั้นไม่สู้ดีนัก

ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับร้องไห้มา เขาเหมือนกับป่วยหนักและร่างกายแทบไม่มีพลังชีวิต

แม้หลี่เทียนเทียนจะเห็นสภาพของลุงหนานเป็นแบบนี้ ถึงเขาจะเศร้าใจแต่เขาก็ไม่ได้เปิดประตูให้

เพราะตอนนี้จิตใจคนไม่อาจจะคาดเดาได้

บางทีเพื่อนที่เคยสนิทกันเมื่อไม่กี่วันก่อน อาจจะกลายเป็นศัตรูกันก็ได้

“ลุงพูดมาได้เลย !” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าและพูดขึ้นมา

“เฮียหลี่ นายยังมีข้าวเหลืออยู่หรือเปล่า ? ฉันหมดหนทางจริง ๆ ข้าวของครอบครัวฉันถูกขโมย ข้าวที่เก็บไว้หายไปทั้งหมด! อาหารในตลาดก็แพงเกินไป ดังนั้น...นายช่วยแบ่งอาหารให้ฉันหน่อยได้ไหม ?” เสียงของลุงหนานเบาลงเรื่อย ๆ เขาแทบจะก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าหลี่เทียนเทียน

พวกผู้ใหญ่มักจะอับอายกับการหยิบยืมเงินจากคนที่เด็กกว่า  ตอนนี้ลุงหนานก็รู้สึกเช่นนั้นแต่เพื่อความอยู่รอดแล้ว เขายอมทิ้งศักดิ์ศรี เพราะครอบครัวเขาอดข้าวมา 2 วันแล้ว และอาหารอย่างพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในท้องตลาดตอนนี้ก็ไม่เหลือแล้ว

ซึ่งเขาเองก็อดข้าวมา 2 วันเต็ม ๆ เช่นกัน !

ทำให้ตอนนี้เขาแทบจะเดินไม่ไหว !

ลุงหนานรู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ ทำให้ราคาของผักผลไม้นั้นแพงขึ้น แม้ว่าหลี่เทียนเทียนจะมีข้าว แต่ก็อาจจะเก็บไว้กินเองไม่ก็ขายในราคาที่สูง เพราะสถานการณ์ของโลกตอนนี้อาหารสำคัญที่สุด

ก่อนหน้านี้เขาเคยไปหาญาติ แต่ไม่อาจจะขอแบ่งอาหารจากพวกเขาได้เลย และหลี่เทียนเทียนก็เป็นความหวังสุดท้ายของเขาแล้วในตอนนี้

แม้ในใจเขาจะรู้ดีว่าโอกาสที่หลี่เทียนเทียนจะแบ่งอาหารให้เขานั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่อย่างไรในใจเขาก็ยังมีความหวัง และเผื่อว่าอาจจะมีโชค

หลังจากที่หลี่เทียนเทียนได้ยินคำพูดของลุงหนาน ความดีใจที่ได้ผักผลไม้ระดับยามาก็แทบจะหายไป

ตอนนี้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา เขาต้องเผยด้านโหดร้ายของเขาออกมาบ้าง เพราะคนแบบลุงหนานไม่ได้มีน้อยในโลกตอนนี้

อีกไม่นานความอดอยากจะเกิดขึ้นทั่วทุกที่ และต้องมีหลายคนที่อดตายเพราะความหิวโหย !

“ลุงหนาน ฉันขอโทษด้วย...ฉันเองก็มีข้าวเก็บไว้ไม่มาก ส่วนข้าวที่ฉันปลูกเอาไว้ก็ปนเปื้อนสารพิษหมดแล้ว” หลี่เทียนเทียนส่ายหน้าและเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ

“แต่ฉันพอจะแบ่งบะหมี่ให้ลุงได้ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่นะ”

ลุงหนานได้ยินแบบนั้นก็แสดงสายตาแปลกใจออกมาและยกยิ้มด้วยความตื้นตันใจ

“ขะ...ขอบคุณ ขอบคุณเฮียมาก !”

ไม่นานหลี่เทียนเทียนก็นำกล่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เหลือครึ่งหนึ่งออกมา แล้วส่งให้กับลุงหนานผ่านช่องว่างที่ประตู

ลุงหนานซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่สีหน้ากังวลของเขาก็ยังไม่หายไป

เหตุผลก็ง่าย ๆ ก็คือของพวกนี้คงทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ได้แค่ 3-5 วันเท่านั้น

หลังจากนั้นพวกเขาก็จะไม่มีอะไรกินเหมือนเดิม

หลี่เทียนเทียนหรี่ตาลง ตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเรื่องอาหาร แต่เขาไม่อยากช่วยลุงหนานมากเกินไป

การช่วยเหลือคน ควรช่วยในทางที่ถูกต้อง เขาต้องรู้วิธีปิดบัง เพราะการทำตัวเป็นคนดีใสซื่อนั้นไม่ใช่แค่ไม่อาจจะช่วยคนอื่นได้ แต่ยังทำลายตัวเองอีกด้วย

‘ฉันน่าจะเอาผักธรรมดาที่เก็บไว้ในตู้เย็นให้เขาด้วย...’ หลี่เทียนเทียนพึมพำในใจ

ตอนนี้เขากับหลี่ฮานมีผักผลไม้กันรังสีอยู่ ทำให้ผักผลไม้ทั่วไปที่เก็บไว้ไม่ได้มีค่าสำหรับเขาแล้ว และรอเวลาเน่าอยู่ในตู้แช่

“ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ” หลี่เทียนเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“ลุงหนาน ขอให้ลุงโชคดี”

เขากับลุงหนานรู้จักกันและช่วยกันมานานก็จริง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเอาผักผลไม้กันรังสีออกมาให้กับลุงหนาน เพราะความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะปกป้องที่ดินของตนเองด้วยซ้ำ

หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เขาต้องถูกหมายหัว ไม่ใช่แค่ไม่อาจจะรักษาที่นี่ไว้ได้ แต่อาจจะถูกชิงที่นี่ไป และถูกคนอื่นขุดรีดผลประโยชน์ทั้งหมดไป !

เพราะใจคนไม่อาจจะคาดเดาได้

นี่แหละวิธีการเอาตัวรอดของหลี่เทียนเทียน

“ไม่หรอก” เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เทียนเทียน ลุงหนานก็ส่ายหน้า สายตาเขาแสดงความสับสนออกมา

“เพราะนายช่วยพวกเราไว้ ขอให้นายนั่นแหละโชคดี”

...

ไม่นานยามวิกาลก็มาเยือน

ตั้งแต่ดวงอาทิตย์ถูกบดบังไปนั้นหลี่เทียนเทียนก็คิดว่าไม่มีกลางวันกลางคืนอีกแล้ว แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือดวงดาวบนท้องฟ้ากลับกลายเป็นแหล่งแสงสว่างแห่งใหม่แทนที่ดวงอาทิตย์

แม้จะไม่ให้รังสียูวีและความร้อน แต่แสงของดวงดาวในเวลานี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าดวงอาทิตย์เลย

หลังจากที่ลุงหนานกลับไปแล้ว หลี่เทียนเทียนก็นั่งคิดทบทวนในหลาย ๆ เรื่อง

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเอาผักและเนื้อในตู้แช่ออกมา ก่อนจะไปอุ้มหลี่ฮานและเสี่ยวเฮยขึ้นรถมา

“พี่เทียน เราจะไปข้างนอกงั้นหรือ ?” หลี่ฮานถามขึ้นมาพร้อมกับกะพริบตาปริบ ๆ

“ใช่ เราจะไปดูกันว่าข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่เทียนเทียนพยักหน้าและมองออกไปข้างนอกรถ

“อีกอย่างเราจะเอาของไปให้ลุงหนานที่ช่วยงานเราก่อนหน้านี้ด้วย !”

“ลุงหนาน...” หลี่ฮานจำลุงหนานได้ดี เธอพองแก้มแล้วพูดขึ้นมา

“ที่บ้านลุงไม่มีอะไรกินงั้นหรือ ? น่าสงสารจังเลย...”

หลี่เทียนเทียนยิ้มออกมา ก่อนจะบิดกุญแจพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นมาและเขาก็ได้ขับออกไป

ก่อนที่หลี่เทียนเทียนจะออกจากบ้านนั้น เขาก็ได้สั่งการหุ่นยนต์ให้เปิดคำสั่งฉุกเฉิน

ระหว่างที่เขาไม่อยู่นี้ หากมีสิ่งมีชีวิตแอบลักลอบเข้ามาผ่านกำแพงก็ให้ฆ่าได้ทันที !

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด