บทที่ 52
วันนี้ลง 52 53
บทที่ 52
สวี่ล่ายลอบร้องคำ ‘ไม่ได้การ!’ ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มพร่ามัว รู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัว และมีอาการเซื่องซึมเล็กน้อย
“ไง ไง ไง โยนผ้ายอมแพ้ไวขนาดนี้เชียว? เราสตรียังเล่นไม่หนำใจเลย” สีหน้าของมู่เป่ยเป่ยเปลี่ยนไป จากลุคน่ารักใสๆ แปลงร่างเป็นหญิงใจดำ
“ย่า~!”
มู่เป่ยเป่ยพุ่งเข้ากวาดเท้าเตะเข้าใส่สวี่ล่าย
“ให้ตายเถอะ!” สวี่ล่ายฝืนคงสติ ไขว้สองแขน ระดมปราณบริสุทธิ์เพื่อป้องกันตัว
ป้าง!
มู่เป่ยเป่ยเตะสวี่ล่ายออกไปไกลมากกว่าสามฉื่อ โชคดีที่สวี่ล่ายป้องกันได้ทันท่วงที มิฉะนั้น แม้ว่าเขายังไม่ตายในตอนนี้ แต่ก็อาจจะเสียโฉมได้
“หือ? ไม่เลวนี่ ยังเหลือแรงขวางลูกเตะของเราสตรีได้ แต่มันก็จบเท่านี้แหละ!” มู่เป่ยเป่ยพูดอย่างนั้นก็ย่ำเท้าแรง วิ่งไม่กี่ก้าวก็เข้าประชิดตัวสวี่ล่าย
“เซียะเทียน!”
กรร——!
แสงสีดำลอยออกมาจากสร้อยข้อมือสัตว์วิญญาณ กระโจนใส่มู่เป่ยเป่ยโดยตรง
“อ๊ะ...!”
เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ใบหน้าของมู่เป่ยเป่ยซีดลงด้วยความตกใจ รีบหยุดและถีบตัวถอยหลังอย่างรวดเร็ว
“สัตว์ ... สัตว์ปีศาจระดับ 1 ขั้นสูงสุด!?”
กรร! กรร~!
เซียะเทียนอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นฟันเงินสีขาวหิมะ ส่งเสียงคำรามใส่มูเป่ยเป่ย ส่งสัญญาณห้ามมู่เป่ยเป่ยเข้าใกล้สวี่ล่าย
“เจ้า... เจ้าเป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ เจ้าขี้โกง นี่มันโกง!” มู่เป่ยเป่ยมองเซียะเทียนอย่างขุ่นเคือง แต่ลึกๆในใจเกิดความหวาดกลัว
“โกง? งั้นที่เจ้าลอบวางยาพิษนั่นก็โกงเหมือนกันสิ?” สวี่ล่ายฝืนลุกขึ้น ร่างกายยังคงอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง
“นั่น...นั่นคือลูกเล่นของข้า เจ้าถูกข้าวางยาพิษ เป็นเพราะเจ้ากระจอกเอง”
มู่เป่ยเป่ยยังคงไม่ยอมแพ้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ ว่าผู้หญิงที่น่ารักและดูไร้เดียงสาแบบนี้ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้พิษ
“โวยวายไปก็ไม่ได้ผลหรอก! อ้อใช่ เจ้าระวังหน่อยนะ ขืนสัตว์วิญญาณของข้ากัดหน้าเจ้า คงไม่ใช่แค่เสียเลือด แต่ยังเสียโฉมด้วย!” สวี่ล่ายเล่นลิ้น พยาพยามพูดให้อีกฝ่ายจินตนาการถึงภาพที่โหดเหี้ยม นองเลือด น่ากลัวสุดขีด
“หยุด... หยุดพูดได้แล้ว!” มู่เป่ยเป่ยถูกคำพูดของสวี่ล่ายชักจูง เกิดความรู้สึกเหมือนได้เห็นกับตาจริงๆ
“ดังนั้น เจ้าควรจะยืนนิ่งๆอย่าขยับ ไม่งั้นเซียะเทียนจะลงมือ” สวี่ล่ายทางหนึ่งขู่มู่เป่ยเป่ยด้วยคำพูด ทางหนึ่งมองหายาล้างพิษ
“คิก คิก ฮ่าฮ่าฮ่า” แต่จู่ๆมู่เป่ยเป่ยก็หัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
เสียงนี้ค่อยๆหัวเราะจนสวี่ล่ายขนลุกไปทั้งตัว “เฮ้ย เจ้าหัวเราะอะไร?”
“ข้าหัวเราะเยาะเจ้า วิชาถ่วงเวลาของเจ้านี่ย่ำแย่จริงๆ” ท่าทีของมู่เป่ยเป่ยพลันเปลี่ยนไป จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่หวาดกลัว กลายเป็นผู้หญิงที่ฉลาดหลักแหลม
‘คุณพระช่วย เกิดอะไรขึ้นกับนังเด็กตัวแสบนี่? เหตุใดประเดี๋ยวบ้า ประเดี๋ยวฉลาด?” สวี่ล่ายเบิกตากว้าง ยังไม่เข้าใจสถานการณ์
“เจ้านี่โง่จริงๆ จะบอกอะไรให้ เราสตรีเป็นหญิงที่ฉลาด ที่เจ้าเห็นก่อนหน้านี้ล้วนเป็นละครทั้งสิ้น” มู่เป่ยเป่ยยิ้มอย่างเย็นชา ทำลายภาพเดิมของสาวน่ารักและไร้เดียงสาโดยสิ้นเชิง
“ไม่มีทาง?” ในที่สุดสวี่ล่ายก็ตั้งสติได้ หลังจากที่เอะอะกันมานาน กลายเป็นว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเสแสร้ง
“ฮึ สวี่ล่าย ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าขวางทางพี่ชายฉีหรอก! ที่หนึ่งในงานประลองการเกณฑ์ทหารครั้งนี้ต้องเป็นของพี่ฉี!” มู่เป่ยเป่ยพอพูดชื่อนี้ ทันใดนั้นริ้วแดงก็พาดผ่านสองแก้มของเธอ
“อย่าบอกนะว่า เจ้าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของฉีเจี้ยนหมิง?” สวี่ล่ายเห็นสีหน้ามู่เป่ยเป่ย ทั้งกรามแทบร่วงลงกับพื้น
“ไอ้งี่เง่านี่ เจ้าพูดอะไร? แฟนพันธุ์แท้อะไรกัน เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราสตรีชอบพี่ชายฉี ...” มู่เป่ยเป่ยจู่ๆ ก็สติแตก พูดไม่ปะติดปะต่อกัน
“อ๋า? ก็เจ้าเป็นคนพูดเองนี่” สวี่ล่ายกลายเป็นโง่งม แต่แล้วก็เกิดความคิดขึ้นในใจหรือว่าครั้งนี้เขาจะถูกนางเล่นละครใส่อีก?
“น่าชังนัก! เจ้า... เจ้ากล้าดียังไงมาย้อนคำพูดข้า! ข้า...ข้าจะฆ่าเจ้า!”มู่เป่ยเป่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะความอับอาย ดึงแส้ยาวออกจากแหวนมิติเตรียมลงมือ
“เดี๋ยวก่อน!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายต้องการลงมือ แต่เขายังถอนพิษไม่เสร็จ จึงรีบเอ่ยปากถ่วงเวลา
“ยังไงอีก? หรือเจ้ายังมีคำพูดสั่งเสีย?”
“ข้าว่านะ... แม่นางมู่ ในเมื่อเจ้าชอบฉีเจี้ยนหมิง งั้นก็ยิ่งไม่ควรทําให้เขาได้ที่หนึ่ง” สวี่ล่ายรีบออกมาอธิบาย
“ทำไม? พี่ชายฉีเจี้ยนหมิงแข็งแกร่งที่สุด เขาก็ต้องได้ที่หนึ่งสิ”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
มู่เป่ยเป่ยตวัดแส้ยาวในมือแล้ว ท่าทีที่ทำชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของสวี่ล่าย
“อย่าเพิ่งโมโห ฟังข้าอธิบายก่อน” สวี่ล่ายเหงื่อแตก สตรีที่ตกอยู่ในห้วงรัก ยากจะรับมือจริงๆ
“พูดมา!”
“ข้าพูดแล้ว ข้าพูดแล้ว เจ้าลองคิดตามดูนะ ที่หนึ่งในงานประลองการเกณฑ์ทหาร รางวัลคืออะไร?”
“รางวัลสำหรับที่หนึ่ง? แน่นอนว่ามันเป็นอุปกรณ์ระดับสมบัติขั้นสูง เกราะองครักษ์ ชื่อเสียงและตำแหน่งในการเข้าร่วมกองทัพธงดำ ...”
มู่เป่ยเป่ยลดศีรษะลง กางมือออก และค่อยๆหุบทีละนิ้วเมื่อเอ่ยรายการรางวัล
“อะไรอีก” สวี่ล่ายยังคงกระตุ้นให้มู่เป่ยเป่ยคิดต่อ
“นอกจากนี้ ก็จะได้แต่งงานกับคุณหนูเย่... อ๊ะ!” มู่เป่ยเป่ยพบปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดในทันที
“ถูกตัอง! คนที่คว้าอันดับหนึ่งจะได้แต่งงานกับคุณหนูเย่ เจ้ามู่เป่ยเป่ยร่ำร้องตะโกนแต่จะช่วยฉีเจี้ยนหมิง ทว่าหลังจากเขาชนะแล้ว คนที่จะได้แต่งงานกับเขาก็คือคุณหนูเย่ ส่วนเจ้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไรแม้แต่หินดวงดาวซักก้อนเดียว”
สวี่ล่ายลอบยิ้ม ว่ากันว่าสตรีในห้วงรักมีหลายครั้งที่กระทำตามใจคิดโดยไม่กลั่นกรอง วันนี้ได้เจอคนหนึ่งจริงๆ
“นี่ นี่ นี่… จะทำอย่างไรดี ไม่มีทาง! พี่ฉีต้องไม่แต่งกับนังโสเภณีนั่น!” จู่ๆมู่เป่ยเป่ยก็ตระหนักได้
“โสเภณี? เดี๋ยวเดี๋ยว เจ้าไม่ควรด่าว่าผู้อื่นเช่นนั้น” สวี่ล่ายโกรธมากจนจมูกพ่นลมหายใจเป็นควัน
“ข้ามั่นใจว่าพูดถูกแล้ว นังโสเภณีเย่เสวี่ยหลิงนั่นเล่นตุกติก ประกาศว่าตัวเองจะแต่งงานกับผู้ชนะในงานประลองคัดเลือกคู่ แบบนี้ไม่สมควรเรียกว่าโสเภณีหรือ!” มู่เป่ยเป่ยยิ่งพูดยิ่งโกรธ เท้าสะเอวด่าทอ
“เฮ้ย เฮ้ย เจ้าพูดสุภาพหน่อย หยุดหันซ้ายก็โสเภณี หันขวาก็โสเภณีเสีย ไม่งั้นไม่ต้องรอเซียะเทียน ข้านี่แหละจะตะบันหน้าเจ้า” คาดไม่ถึงว่าสวี่ล่ายถูกมู่เป่ยเป่ยกระตุ้นความโกรธ
“เหอ? เจ้ายังพูดแทนยัยนั่นอยู่อีก ท่าทางจะได้รับบทเรียนไปไม่พอ” มู่เป่ยเป่ยตวัดแส้ยาวในมือและกำลังจะฟาด
“ใจเย็นก่อน! เจ้ารู้ใช่ไหมว่าที่ตัวเองทำอยู่คือการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่นใส่! เจ้าต้องการแบบนั้นหรือ” สวี่ล่ายพยายามหาทางแก้พิษ
“ไม่! ไม่มีทาง! ไม่อย่างแน่นอน!” มู่เป่ยเป่ยส่ายหัวและกระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ถ้าอย่างนั้น มาร่วมมือกับข้าเสีย เจ้าแสร้งทำเป็นแพ้ จากนั้นข้าก็ไปคว้าอันดับหนึ่ง สุดท้ายเย่เสวี่ยหลิงเป็นของข้า ส่วนเจ้าก็จะยังมีโอกาสได้แต่งงานกับฉีเจี้ยนหมิงอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างมีความสุข คิดดูว่ามันดีแค่ไหน”
สวี่ล่ายยิ้ม ฮี่ฮี่ รู้สึกได้ว่าคำพูดนี้ของเขามันแทบจะสมบูรณ์แบบ
“ถุย! พูดมาครึ่งค่อนวัน สุดท้ายเจ้าก็ตั้งใจจะให้ข้าปล่อยไป ไม่มีทาง! พี่ฉีต้องเป็นของข้า แต่พี่ฉีก็ต้องได้อันดับหนึ่งเช่นกัน ไม่ว่าใครก็ห้ามปล้นมันไป!”
“ให้ตายสิ! หลังจากผ่านไปนาน ที่ข้าพร่ำเพ้อไปถึงดวงดาวสุดท้ายดันเปล่าประโยชน์” สวี่ล่ายตบหน้าผากตัวเอง ไม่คิดว่ามู่เป่ยเป่ยจะหว่านล้อมยากขนาดนี้
“ฮึ่ม! อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าไม่มีแรงแต่ยังอยากเล่นปาหี่ ยอมแพ้แต่โดยดีเถอะ”
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าไม่ให้เล่นปาหี่ เช่นนั้นก็มาเอาจริงกันซักที” ท่าทางของสวี่ล่ายเปลี่ยนไป กลับมาสดชื่นเป็นปกติ ท่าทีมั่นใจเต็มเปี่ยม
“หือ? เจ้า... เจ้าถอนพิษได้แล้ว?” มู่เป่ยเป่ยค้นพบการเปลี่ยนแปลงของสวี่ล่ายในใจตะลึงยิ่ง
“ใช้ ข้าแก้พิษของเจ้าแล้ว” สวี่ล่ายลูบหัวเซียะเทียน จากนั้นเก็บมันเข้าไปในสร้อยสัตว์วิญญาณ
“ไม่...เป็นไปไม่ได้ พิษกระดูกอ่อนของข้าหากไม่ใช่ด้วยยาถอนพิษของข้าก็ยากที่จะขจัด และยิ่งไม่มีทางที่คนอื่นจะมียาแก้พิษ เว้นแต่ว่า... เว้นแต่เจ้าจะฝึกฝนวิชาประเภทเกี่ยวกับธาตุไฟ ...” มู่เป่ยเป่ยกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง ดวงตาที่จ้องมองสวี่ล่ายกลับมาสงบ
“ฮู้ว เกือบไปแล้วจริงๆ” มุมปากของสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย
ถูกตัอง สวี่ล่ายพยายามหาทางถ่วงเวลา จุดประสงค์คือใช้เพลิงต้านมังกรเพื่อขจัดสารพิษให้ตนเอง
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่สวี่ล่ายพบว่าเขาถูกวางยาพิษ ก็เร่งใช้มาตรการล้างพิษอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ในมือมียาแก้พิษเพียงไม่กี่ตัว และไม่มีตัวใดได้ผลเลย กระนั้น ระหว่างที่กำลังสิ้นหวัง เขากลับพบว่ามีเพียงในทะเลตันเถียนที่ไม่ถูกรุกรานจากสารพิษ
สวี่ล่ายแปลกใจเล็กน้อยกับการค้นพบนี้ แต่หลังจากคิดวิเคราะห์ก็พบว่า เพลิงต้านมังกรในตันเถียนน่าจะมีฤทธิ์ขับไล่พิษ
พอคิดได้ สวี่ล่ายทางหนึ่งเล่นกับมู่เป่ยเป่ย ทางหนึ่งพยายามระดมเพลิงต้านมังกรช่วยขับไล่พิษในกาย และคาดไม่ถึงว่าวันนี้เพลิงต้านมังกรจะเชื่อฟังมาก มันปฏิบัติตามคำสั่งเขาอย่างว่าง่าย
ตามที่สวี่ล่ายคาดไว้ ทันทีที่พิษในร่างกายสัมผัสกับเพลิงต้านมังกร มันก็ถูกเผาไหม้แทบจะทันที
ใช้เวลาไม่นาน สารพิษทั้งหมดในร่างกายถูกขับออกมา
และในเวลานี้การเจรจาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็พังทลายลง ด้วยพลังรบที่แตกต่าง ผลลัพธ์ปรากฏชัดเจน แต่ที่สวี่ล่ายเก็บเซียะเทียนไป เกรงว่าเพราะเขาต้องการมอบบทเรียนให้แม่สาวพิษคนนี้ด้วยตัวเอง
“น่าชัง! น่าชัง! เจ้าช่างน่าชังนัก!” มู่เป่ยเป่ยเมื่อเห็นสวี่ล่ายสบายดี หัวใจก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
“น่าชัง? เป็นเจ้านั่นแหละที่น่าชัง ลอบวางยาพิษผู้อื่น จุ๊จุ๊จุ๊จุ๊ ข้าว่าเจ้านั่นแหละน่าชังที่สุดในโลก” สวี่ล่ายม้วนริมฝีปากตัวเอง
“ข้า... ข้ายังมีพิษอีกหลายประเภท คราวนี้แหละเจ้าไม่รอดแน่!”
มู่เป่ยเป่ยพูดจบ สองมือพลันประสานกันอย่างกะทันหัน
ฟุ่มมม!
ปราณบริสุทธิ์กระจัดกระจายออกมา ควันสีชมพูฟุ้งกระจายไปทั่วร่างเธอ
“ไม่ได้การ! นี่มันควันพิษ!” สวี่ล่ายกลั้นหายใจอย่างรวดเร็ว ป้องกันตัวเองจากการสูดดมควันพิษ
อย่างไรก็ตาม……
“แค่ก แค่ก ...”
“นี่มันบ้าอะไร? แสบตาชะมัด!”