บทที่ 293 – ราชาองค์ต่อไป
ผมรู้สึกยินดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก “นี่มันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก! ขอแสดงความยินดีกับองค์ราชาเป็นการล่วงหน้าก่อนเลย ฮ่าฮ่า!” ถ้าหม่าเคอได้ขึ้นเป็นราชาของอาณาจักรอ้ายเซี่ย ผมก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวของทั้งสามอาณาจักรอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อทั้งอาณาจักรซิวต้าและอ้ายเซี่ยอยู่ข้างเดียวกับผม อาณาจักรต้าลู่เพียงแห่งเดียวจะไม่เป็นสิ่งที่คุกคามความสงบได้เลย
หม่าเคอต่อยผมเข้าที่ไหล่อย่างแรง “พี่ใหญ่ อย่าเพิ่งล้อผมเล่นเลย”
บางที่จอมพลฟงห้าวอาจจะรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เมื่อเห็นว่าพวกเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกันขนาดนี้ เขากระแอมออกมาเพื่อทำให้คอโล่งสองครั้งอย่างไม่เป็นธรรมชาติเลย แต่นั่นทำให้ผมหันไปโค้งทักทายเขา “ข้าต้องขออภัยด้วยจริง ๆ ที่ไม่ได้ทักทายท่านจอมพลก่อนหน้านี้ อาณาจักรของท่านน่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องสัญญาสงบศึกใช่หรือไม่?”
เขาฝืนยิ้มออกมา ก่อนที่จะกล่าวอย่างละอายใจเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้ข้าไม่อาจจะทำตามใจของตัวเองได้ ต้องขออภัยท่านทูตจางกงในเรื่องนั้นด้วย”
ผมยิ้มกลับไปให้เขา “เรื่องพวกนั้นได้ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องหยิบมากล่าวถึงอีกครั้งหรอก ข้ายังต้องหวังพึ่งท่าน ในการร่วมมือกับอีกสองอาณาจักรที่ป้อมปราการเต๋อหลุนแห่งนี้อีกไม่น้อย”
จอมพลฟงห้าวดูว่าจะยังละอายใจอยู่ไม่น้อย เขาถอนหายใจยาวออกมา “พวกท่านพูดคุยกันต่อเถิด ข้ายังมีธุระบางอย่างที่ต้องไปจัดการ ข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว!” หลังจากกล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องรับรองไปในทันที
หลังจากที่เห็นเขาจากไปไกลแล้ว หม่าเคอก็ถอนหายใจออกมาบ้าง “พี่ใหญ่! ครั้งนี้พี่จัดการกับทั้งสามอาณาจักรได้อย่างโหดร้ายมากทีเดียว ทหารจากอาณาจักรอ้ายเซี่ยและต้าลู่ จะมียกเว้นก็แต่ทหารม้าของซิวต้า ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองตรง ๆ ได้อีกต่อไปแล้ว ข้าได้ยินมาว่า จอมพลฟงห้าวได้ถวายหนังสือขอลาออกจากหน้าที่กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว ครั้งนี้เขาคงถึงกับต้องการเกษียณตัวเองไปเลย”
นั่นทำให้ผมอึ้ง “คงจะไม่เลวร้ายอย่างนั้นละมั้ง?”
เสียงของหม่าเคอดูไม่ยินดีเท่าไร “จะไม่เลวร้ายได้อย่างไร? พลังที่พี่แสดงออกมาในวันนั้น มันแข็งแกร่งมากจนเกินไป ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะต้านทานเอาไว้ได้อย่างแน่นอน ตอนนี้ทั้งสามอาณาจักรได้เร่งรีบที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พี่พึงพอใจ พยายามที่จะทำให้พี่โปรดปรานพวกเขา และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วย จอมพลฟงห้าวเป็นคนที่มีก่อให้เกิดปัญหากับท่านขึ้นมา ไม่มีทางที่เขาจะอยู่ในตำแหน่งจอมพลต่อไปได้หรอก”
ผมเริ่มส่ายหัวออกมา “ตอนนี้ฉันไม่มีปัญญาจะไปคิดเรื่องอะไรพวกนี้ให้มากความหรอก แค่หวังว่าทั้งสามอาณาจักรจะปฏิบัติตามสนธิสัญญาอย่างเคร่งครัดเท่านั้น เพราะว่าฉันเองก็คงต้องจากที่นี่ไปในเร็ว ๆ นี้ หลังจากจัดการเรื่องราวอีกเล็กน้อยแล้ว คงจะมุ่งหน้าไปยังหุบเขาแบ่งฟ้าทันที ก่อนที่ราชามารจะปรากฏตัวออกมา พวกฉันต้องเตรียมพร้อมกันอย่างเต็มที่เหมือนกัน เวลาก็เหลืออยู่ไม่มาแล้วด้วย นายเองก็ต้องเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกัน รีบจัดการฝึกฝนนักเวทย์ให้เข้มข้นขึ้นทันทีที่กลับไปถึงเมืองหลวง โดยเฉพาะการสร้างนักเวทย์แสงให้เพิ่มมากขึ้น เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราจะได้สามารถต้านทานมันไปด้วยกันได้ เข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย?”
หม่าเคอพยักหน้ารับ “พี่ใหญ่ แล้วพี่จะต้องรีบไปขนาดนั้นเลยหรือ?”
ผมตอบเขากลับไป “ใช่แล้ว! เวลานั้นไม่คอยท่าจริง ๆ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน แต่พวกเราต้องมีโอกาสได้กลับมาเจอกันอีกอย่างแน่นอน หลังจากที่พวกเราจัดการกับราชามารได้อย่างสิ้นซากแล้ว พวกเราจะมีเวลาเจอกันเหลือเฟือเลยล่ะ อ้า! ใช่แล้วหม่าเคอ! ช่วยฉันส่งความเคารพไปให้อาจารย์ตี้ อาจารย์เจิ้น และเหล่าบรรดาอาจารย์ทั้งหลายให้ด้วย หลังจากที่นายกลับไปแล้ว ฉันคิดถึงพวกเขามากจริง ๆ” ถ้าไม่มีพวกเขาคอยอบรมเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ผมจะแข็งแกร่งจนถึงขนาดนี้ได้อย่างไร โดยเฉพาะอาจารย์ตี้? เฒ่าชราคนนั้นดูแลผมมาตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนมัธยมเวทย์มนต์หลวง ตอนนี้ผมคิดถึงเขาอย่างที่สุด พวกเราไม่ได้เจอหน้ากันมานานเหลือเกินแล้ว
หม่าเคอรับปากออกมาอีกครั้ง “ผมจะบอกท่านอาจารย์ต่อให้อย่างแน่นอน! พี่ใหญ่! พี่รู้หรือไม่? ตอนนี้ผมเสียใจอะไรมากที่สุดในชีวิต?”
ผมถามออกไปแบบอึ้ง ๆ “อะไรหรือ?”
เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังไม่น้อย “ผมเสียใจที่ตอนนั้นไม่ยอมออกเดินทางไปตามหาดาบศักดิ์สิทธิ์กับพี่ ไม่เพียงแต่ผมจะต้องพลาดเรื่องตื่นเต้นไปเท่านั้น ยังทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงระดับของพี่ตอนนี้ได้อีกด้วย”
ผมตบไหล่เพื่อปลอบเขาเบา ๆ “เรื่องพวกนั้นมันผ่านไปนานแล้ว จะมานั่งนึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่นายต้องทำต่อจากนี้ไป คือการเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ อนาคตของอาณาจักรอ้ายเซี่ยอยู่ในมือของนายแล้ว ความรับผิดชอบของนายนั้นหนักหนาอย่างที่สุด หลังจากที่กลับไปแล้ว คงจะไม่มีเวลามาคิดวุ่นวายอะไรอีกแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันคิดว่าเหล่าอาจารย์ทุกท่านจะต้องคอยช่วยเหลือ คอยสนับสนุนนายอย่างแน่นอน การขึ้นครองบัลลังก์ของนายจะต้องมั่นคง การปกครองจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน ก็นายมีเมธีเวทย์ตั้งสามคนคอยสนับสนุนอยู่นี่นา”
หม่าเคอตอบรับอย่างหนักแน่น “ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ยอมปล่อยให้หละหลวม หรือทำอะไรไม่ดีแน่”
ผมหัวเราะออกมา “แบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นน้องชายที่ดีของฉัน เอาล่ะ! มู่จือกับฉันคงต้องขอตัวกันก่อนแล้ว นายดูแลตัวเองให้ดีล่ะ”
“พี่ใหญ่! …..” ดูเหมือนว่าเขาจะน้ำตาซึมออกมาอีกแล้ว
ผมหมุนตัวกลับ พร้อมกับดึงมือมู่จือเดินออกไป “พอได้แล้ว เลิกทำตัวเป็นเด็ก ๆ เสียที พวกเราไม่ได้จะไม่เจอกันอีกสักหน่อย” ตอนที่กล่าวคำพูดพวกนี้ออกมา ผมรีบก้าวเท้าออกจากห้องรับรองอย่างรวดเร็ว หูยังแว่วได้ยินเสียงสะอื้นของหม่าเคอดังตามมา “พี่ใหญ่! พี่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเหมือนกันนะ”
ผมพยายามกลั้นความรู้สึกของตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนกัน รีบพามู่จือออกมาจากศูนย์บัญชาการใหญ่ทันที แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังตำหนักชั่วคราวของเจ้าชายเพื่อพบกับเสี่ยวจิน
หลังจากเดินออกมาจากศูนย์บัญชาการได้พักใหญ่ อารมณ์ก็เริ่มสงบลงในที่สุด และได้ยินเสียงมู่จือดังขึ้นมา “ถ้าพวกเราจัดการกับราชามารได้แล้ว คงไม่ต้องจะมาทำเรื่องอะไรอย่างนี้ ไม่ต้องมีเรื่องอะไรมาให้คิดวุ่นวายอีกแล้วใช่มั้ย? ฉันจะได้อยู่เป็นเพื่อนนาย ดูนายทำทุกอย่างที่ต้องการได้ตามใจเลยใช่มั้ย? อย่างเช่น การรวมตัวกันไปหาของอร่อย ๆ กินกันให้เยอะ ๆ”
การยกตัวอย่างของเธอทำให้ผมหัวเราะเสียงดังออกมา “เจ้าหญิงน้อย! เธอนี่รู้จักแต่เรื่องกินจริง ๆ นะ”
เธอหัวเราะออกมาบ้าง “แน่นอนอยู่แล้ว! การหาของกินอร่อย ๆ เป็นความสามารถพิเศษของมนุษย์นะ แล้วนี่มันก็ตั้งนานแล้ว ที่ฉันไม่ได้กินอะไรที่อร่อยมาก ๆ เลย”
ผมยิ้มให้เธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก พอพวกเราเดินทางไปถึงฐานที่มั่นแล้ว ต้องมีของอร่อยรอเอาไว้ให้เธอกินอย่างเต็มที่แน่นอน”
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงตำหนักชั่วคราวได้ ตอนนี้มันดูเงียบสนิทเหมือนกับไม่มีผู้คนอยู่เลย และที่ประตูทางเข้าถึงกับไม่มีทหารคอยยืนเฝ้ายามอยู่ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ผมเห็นเมื่อเดินเข้ามาในสวนที่ด้านหลัง ทำให้ผมตกใจไม่น้อย เสี่ยวจินกำลังนอนราบอยู่ที่พื้น ใช้กงเล็บอันใหญ่โตของมันปิดอยู่ที่ตา และที่บนแผ่นหลังอันใหญ่โตของมัน เสี่ยวโร่วในรูปลักษณ์มนุษย์อยู่บนนั้น กำลังกระโดดขึ้นลงไปมาอย่างสนุกสนาน
และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นผม ก็รีบกระโดดลงมาจากหลังของเสี่ยวจิน และวิ่งเข้ามาหาผมอย่างร่าเริง “นายท่านกลับมาแล้ว!”
ผมยิ้มกว้างให้เธอ “บอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้ว ว่าไม่ต้องเรียกข้าว่านายท่านอีกต่อไป? แค่เรียกว่าจางกงเหมือนคนอื่นก็พอ แล้วนี่พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่?”
พอเสี่ยวจินได้ยินเสียงของผม มันก็ยกกงเล็บออกจากการปิดตาตัวเองทันที ก่อนจะร้องบ่นออกมาเสียงดัง “เจ้านาย ในที่สุดท่านก็กลับมาจนได้ ผมถูกปีศาจน้อยนี่ทรมานจนเกือบจะตายอยู่แล้ว เธอบังคับให้ผมนอนลงกับพื้น แล้วใช้หลังของผมเป็นเตียงเอาไว้กระโดดเล่นตลอดเลย ผมนี่ช่างน่าสงสาร....”
นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นที่นี่กันแน่? ทำไมเสี่ยวโร่วถึงได้กล้าใช้หลังของเสี่ยวจินเป็นเตียงไปได้ ผมหันไปมองจ้องที่เสี่ยวโร่ว ที่ตอนนี้หลบเข้าไปอยู่ข้างหลังมู่จือเรียบร้อยแล้ว กำลังพึมพำออกมา “จะมาโทษข้าไม่ได้นะ ใครใช้ให้หลังของเขามันนุ่มขนาดนั้นล่ะ? มันสนุกจะตาย! แล้วถ้าข้าไม่เล่นแบบนี้ ก็คงจะเบื่อตายไปแล้วด้วย” เมื่อมู่จือได้ยินแบบนี้ ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นเลยทีเดียว
ก่อนที่เธอจะบอกออกมา “ที่เธอพูดออกมาก็ถูก ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าหลังของเสี่ยวจินนั้นนุ่มมากจริง ๆ ชักจะอยากลองขึ้นมาเหมือนกันแล้วสิ” พูดจบ เธอก็ส่งตัวเองให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ มือก็จูงเสี่ยวโร่วไปด้วย ก่อนจะร่อนลงบนหลังของเสี่ยวจินอย่างนิ่มนวล