ตอนที่ 58 รอยแตก
วิชาธนูที่ได้รับในเมืองซิ่งเฝินนอกจากจะเพิ่มทักษะให้เฉินเฟย มันยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกอย่างคือเฉินเฟยสามารถยิงธนูได้อย่างอิสระขณะใช้ท่าร่าง
ทั้งสองช่วยส่งเสริมซึ่งกันและไม่ฉุดรั้งกัน ความแม่นยำในการยิงไม่ได้รับผลกระทบ
ดังนั้นแม้ว่าเหอหยวนฉิวจะไล่ตามเขา มันไม่ได้ส่งผลต่อการยิงธนูสังหารกลุ่มผิวน้ำที่อยู่ด้านล่างของเฉินเฟย
บางคนทรุดตัวลงอย่างช้าๆ ความทรมานที่ต้องรอคอยความตายทำให้พวกเขาทนไม่ไหว มีคนเริ่มออกมาพุ่งเข้าหาเฉินเฟย แต่สิ่งที่ทักทายเขามีเพียงลูกธนูเท่านั้น
สมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่มผิวน้ำอยู่ในระดับขัดเกลากล้ามเนื้อ ลูกธนูของเฉินเฟยจึงอันตรายถึงชีวิต แม้แต่ระดับหลอมกระดูกยังถูกเฉินเฟยยิงไม่กี่ดอก
“หัว...หัวหน้า คนคนนี้มาช่วยชายชราคนนั้นหรือไม่?”
คนด้านข้างสวี่ไจ้ชวนกระซิบถาม
“เช่นนั้นเจ้าไปจับผู้เฒ่านั่นเป็นตัวประกันไปขู่มัน”
สวี่ไจ้ชวนชำเลืองมองลูกน้องซึ่งหดหัวไม่กล้าพูดอะไรอีก ไม่ว่าจะมาช่วยคนหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ตอนนี้พวกเขายังโผล่หัวออกไปไม่ได้ หากโผล่ออกไปแม้แต่น้อยคงโดนลูกธนูนั่นทะลวงใส่ ต่อให้ไม่โผล่หัวออกไป แต่ถ้าที่กำบังไม่ใหญ่พอจะโดนยิงเช่นกัน
สวี่ไจ้ชวนไม่ได้เห็นนักธนูระดับนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนมีคนหนึ่งในเมืองซิ่งเฝินได้ชื่อว่ายิงครึ่งเมือง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเฉินเฟยจะอยู่ในระดับเดียวกับเขา
สุดท้ายแล้วคนคนนั้นออกจากเมืองซิ่งเฝินไปที่อื่นเพื่อฝึกฝนทักษะยิงธนูให้สูงขึ้น
สวี่ไจ้ชวนไม่ได้ให้ลูกน้องรีบออกไปจับตัวเฉินเฟย การออกไปตอนนี้เทียบได้กับการรนหาที่ตาย สวี่ไจ้ชวนมองไปรอบตัว ทันใดนั้นเห็นตะขอเหล็กพร้อมโซ่เหล็กอยู่ข้างๆ
นี่คือตะขอพีผาซึ่งปกติจะใช้เกี่ยวสะบักคนอื่น ในคฤหาสน์สวี่ไจ้ชวนไม่เคยขาดแคลนเครื่องทรมานเช่นนี้
สีหน้าสวี่ไจ้ชวนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคว้าตะขอพีผาแล้วเหวี่ยงไปทางฉือเต๋อเฟิง
ไม่ว่าเฉินเฟยจะมาเพื่อช่วยคนหรือไม่ แต่เมื่อมีโอกาสไม่มากก็น้อยสวี่ไจ้ชวนจึงไม่รังเกียจที่จะลอง
เฉินเฟยมองไปรอบๆและเห็นตะขอพีผาทันที ง้างคันธนูและยิงออกไปในชั่วพริบตา
ลูกธนูพุ่งตามทันและแทงตะขอพีผากระแทกลงพื้น ในขณะเดียวกันลูกธนูอีกดอกเลี้ยวโค้งเล็กน้อยไปหาสวี่ไจ้ชวน
หินแตกกระจายออกมา สวี่ไจ้ชวนมองลูกธนูสั่นไหวตรงเท้าแล้วใบหน้าซีดเซียว โชคดีที่จุดกำบังใหญ่พอ เฉินเฟยที่ยิงสุ่มจึงเดาตำแหน่งผิดเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นลูกธนูดอกนี้คงได้ปักอยู่ตรงหน้าผากเขาแล้ว
ร่างเฉินเฟยสั่นไหวไปหาฉือเต๋อเฟิง พอได้เห็นอาการบาดเจ็บของฉือเต๋อเฟิงใบหน้าเขาถึงกับมืดครึ้ม คาดเดาได้เลยว่าต่อให้หลังจากนี้จะรักษาฉือเต๋อเฟิง แต่เขาคงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์
“เจ้าจงไปซะ!”
ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยด้วยความรู้สึกบางอย่างในดวงตา การมาที่นี่คนเดียวเป็นเรื่องประมาทและอันตายเกินไป
สวี่ไจ้ชวนตกตะลึงเมื่อเห็นเฉินเฟยปรากฏตัวตรงหน้า เขาผงะไปครู่หนึ่งจากนั้นมีความสุข
ในระยะไกลสวี่ไจ้ชวนทำอะไรเฉินเฟยไม่ได้เลย เขาได้แต่วิ่งหาทางหนีเหมือนคนตาย แต่ตอนนี้ห่างกันเพียงไม่กี่หมี่ ตราบใดที่สวี่ไจ้ชวนป้องกันลูกธนูของเฉินเฟยได้เขาจะเข้าประชิดตัวได้ทันที
ยื้อเวลาไว้อีกครู่หนึ่งจนกว่าเหอหยวนฉิวจะมาถึง
ถ้าเฉินเฟยกล้าหลบหนี สวี่ไจ้ชวนจะแสร้งทำเป็นฆ่าฉือเต๋อเฟิง การกระทำนี้ย่อมรบกวนการตัดสินใจของเฉินเฟย
“โง่จริงๆ!”
สวี่ไจ้ชวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ เขาไม่คาดหวังว่ามันจะง่ายขนาดนี้ การบังคับให้เฉินเฟยล้มเลิกจุดประสงค์เป็นเรื่องโง่เขลาจริงๆ
ขณะที่คิดเรื่องนี้ สวี่ไจ้ชวนเห็นเฉินเฟยง้างธนูจึงรีบดึงสติกลับมา แต่พบว่าเฉินเฟยยิงธนูใส่เหอหยวนฉิวเป็นคนแรกและเมินเฉยเขา
“รนหาที่ตาย!”
เมื่อถูกเมินเฉย ดวงตาสวี่ไจ้ชวนจึงส่องประกายด้วยความเย็นชา เพียงพริบตาเดียวเขาได้มาอยู่ตรงหน้าเฉินเฟยและฟันคอเฉินเฟยด้วยดาบใหญ่
เฉินเฟยยังคงไม่เคลื่อนไหว ทันใดนั้นเริ่มหมุนเวียนเคล็ดชำระใจ
ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนหยุดนิ่ง ลูกตาเฉินเฟยกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว ข้อมูลทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในความคิดเฉินเฟย
เหอหยวนฉิวใช้กรงเล็บอินทรีป้องกันลูกธนู แต่ด้วยแรงที่ส่งออกมาทำให้ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
ในทุกมุมของห้องโถงยังมีคนซ่อนตัวอยู่ห้าหกคน พวกเขาหอบหายใจถี่ด้วยความกลัว แม้จะพยายามสะกดการหายใจไว้แต่เฉินเฟยยังคงตรวจจับได้
ใบหน้าของสวี่ไจ้ชวนดุร้าย ดวงตาเขาเริ่มแดงก่ำเพราะความตื่นเต้น เส้นเลือดมือขวาที่ถือดาบสั่นเพราะแรงที่ใช้ฟันออกไป กลุ่มผิวน้ำด้านหลังสวี่ไจ้ชวนกำลังลังเลว่าจะออกไปจับเฉินเฟยด้วยกันหรือไม่
ครู่ต่อมา โลกกลับเป็นเหมือนเดิม
สีหน้าเฉินเฟยสงบลง เขาปล่อยธนูในมือซ้าย กระบี่ยาวปรากฏขึ้นที่มือขวา พลังกระบี่ลายเพลิงออกไปรับดาบสวี่ไจ้ชวน
“เคร้ง!”
เสียงเหล็กปะทะกันดังขึ้น เฉินเฟยใช้เพียงปลายกระบี่ แต่สวี่ไจ้ชวนไม่อาจกำดาบไว้ในมือได้ราวกับใช้แรงผิดทาง ถ้ายังฝืนทำต่อไปข้อมือตัวเองจะหักไดเ
แต่สวี่ไจ้ชวนฝึกใช้ดายมากกว่าสิบปี ไม่ต้องพูดถึงความชำนาญในการใช้ดาบ ในสถานการณ์แบบนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้แรงผิดด้าน
“เฮอะ!”
สวี่ไจ้ชวนเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นกัน เมื่อรู้ว่าสถานการณ์กำลังคับขันเขาจึงหักข้อมือคว้าด้ามดาบและฟันใส่เฉินเฟย
แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นการฝืนทำและฟันอย่างเรียบง่าย ด้วยเหตุนี้เองจึงหยุดปะทะกันเพียงชั่วขณะ ไม่ว่าเป็นความแรงหรือความแม่นยำล้วนแตกต่างจากเมื่อครู่มาก
ก่อนที่ดาบจะสัมผัสร่างเฉินเฟย สวี่ไจ้ชวนเห็นแสงขาววาบต่อหน้าต่อตา กระบี่ยาวได้แทงเข้าคอด้วยมุมที่ไม่อาจจินตนาการ
ดวงตาสวี่ไจ้ชวนเบิกกว้าง เขาต้องการจะถอยหลังแต่ร่างกายเขาเหวี่ยงดาบไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี ด้วยการกระทำที่ตรงข้ามกันนี้ทำให้ร่างกายแข็งทื่อและได้เห็นกระบี่ทะลวงที่คอตนเอง
“ชึก!”
เฉินเฟยดึงกระบี่ออกและมีรอยแตกเล็กๆปรากฏที่คอสวี่ไจ้ชวน ร่างกายสวี่ไจ้ชวนปิดบาดแผลตามสัญชาติ เลือดไหลออกมาเล็กน้อย สวี่ไจ้ชวนมองเฉินเฟยอย่างว่างเปล่าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อและหวาดกลัว
“ไจ้ชวน!”
เหอหยวนฉิวในระยะไกลตกใจเมื่อเห็นสวี่ไจ้ชวนโดนกระบี่แทง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับสวี่ไจ้ชวนชะตากรรมของเขาคงไม่ได้ดีไปกว่ากัน เมื่อครู่กระบี่ของเฉินเฟยรวดเร็วเกินไป ในขณะนี้เหอหยวนฉิวจึงไม่รู้ว่าสวี่ไจ้ชวนบาดเจ็บเพียงใด
เหอหยวนฉิวเดินมาหาเฉินเฟยในไม่กี่ก้าวและคว้ามือเฉินเฟยด้วยมือขวา
กระบี่สามเซียน!
ภายใต้การควบคุมร่างกายอย่างสมบูรณ์ กระบี่ยาวในมือเฉินเฟยแทงแสงกระบี่สามเล่ม แสงกระบี่ทั้งสามรวมเข้าด้วยกันในเวลาอันสั้นและกระแทกมือเหอหยวนฉิว
“ตึง!”
เสียงที่ดังขึ้นเหมือนเสียงทองกระทบกัน เหอหยวนฉิวฝึกฝนกรงเล็บอินทรีอย่างยาวนานจนถึงจุดที่ต้านน้ำต้านไฟได้ แม้ว่าพลังของกระบี่สามเซียนจะน่าประทับใจ แต่มันทำได้เพียงสร้างรูบนมือขวาเหอหยวนฉิวและไม่ได้แทงลึกเข้าถึงเนื้อ
แต่แรงกระแทกได้ทำให้เหอหยวนฉิวถอยหลังกลับไป
ในขณะที่เหอหยวนฉิวถอยหลังกลับไป พลังของกระบี่สามเซียนได้ทำให้เขาตกใจอย่างยิ่งจนกังวลเรื่องการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของเฉินเฟย
แต่ทันใดนั้นความกังวลนี้ก็หายไป