ตอนที่ 57 ทรมาณ
เฉินเฟยสลัดเลือดบนใบกระบี่และมาที่ห้องโถงด้านหลัง มีหลายคนนอนนิ่งอยู่ในห้องโถงด้านหลังรวมถึงคนที่ติดตามเฉินเฟยและคนที่จะไปบอกข้อมูลให้กลุ่มผิวน้ำ
ตามจริงแล้วที่นี่มียอดฝีมือระดับหลอมกระดูกเพียงสี่คน ในเมืองซิ่งเฝินมีร้านแบบนี้อีกหลายร้าน ระดับหลอมกระดูกหลายคนที่ตระกูลจัดหาให้จึงถือว่าเป็นมือดี
แต่เมื่อเผชิญกับการโจมตีของเฉินเฟย พลังต่อสู้ของทั้งสี่นั้นค่อนข้างปานกลาง
ด้วยการผสานวิชายุทธ์มากมาย เฉินเฟยในตอนนี้จึงมีพลังมากกว่าผู้ฝึกตนทั่วไปในระดับเดียวกัน
หลังค้นหาตำลึงเงินเสร็จ เฉินเฟยเริ่มหาข้อมูลของกลุ่มผิวน้ำต่อ เฉินเฟยไม่สบายใจกับข้อมูลที่ซื้อเมื่อครู่ ตัดสินจากรูปลักษณ์ของเจ้าของร้านแล้วเขาเป็นคนไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย
เฉินเฟยค้นหาห้องโถงด้านหลังและเห็นชั้นวางของหลายชั้นในห้องเดียว ด้วยการจำแนกประเภทข้อมูลเขาจึงพบข้อมูลกลุ่มผิวน้ำได้อย่างรวดเร็ว
เฉินเฟยคิดจะจากไปทันที แต่เขาหยุดนิ่งชั่วขณะและเริ่มเก็บทุกอย่างที่คิดว่าต้องการใช้
เรียกตู้ในช่องมิติออกมา เฉินเฟยยัดกระดาษหนาปึกหนึ่งเข้าลงตู้จากนั้นค่อยจากไป
“มีนักยุทธ์ขัดเกลาไขกระดูกด้วย ข้อมูลที่ได้ตอนแรกไม่มีเรื่องนี้!”
เฉินเฟยขมวดคิ้วหลังได้อ่านข้อมูลกลุ่มผิวน้ำ
แม้นักยุทธ์ขัดเกลาไขกระดูกคนนี้จะแก่และได้รับบาดเจ็บสาหัสในปีนั้นจนทำให้พลังลดลง แต่ท้ายที่สุดแล้วนั่นคือระดับขัดเกลาไขกระดูก ธาตุแท้ยังคงแตกต่างจากระดับหลอมกระดูก
เดินออกจากตลาด เฉินเฟยมองที่ตั้งของคฤหาสน์สวี่ไจ้ชวนหัวหน้ากลุ่มผิวน้ำ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินไปข้างหน้า
คฤหาสน์สวี่ไจ้ชวน
“ชายกล้าหาญทุกท่าน พวกท่านจับข้ามาด้วยเรื่องอันใด ตราบใดที่ข้ารู้ข้าจะบอกทุกอย่าง หวังว่าพวกท่านจะไม่ทำร้ายข้า”
ฉือเต๋อเฟิงคุกเข่าบนพื้นโดยเอามือไพล่หลัง มองผู้คนในห้องโถงอย่างสั่นเทาและพูดด้วยความกลัว
“นักหลอมโอสถคนนั้นอยู่ที่ใด?” สวี่ไจ้ชวนนั่งด้านบนสุด มองลงฉือเต๋อเฟิง
“นักหลอมโอสถอะไร?” ฉือเต๋อเฟิงดูสับสน
“ปัก!’
สวี่ไจ้ชวนเตะหน้าอกของฉือเต๋อเฟิง ลมหายใจฉือเต๋อเฟิงหยุดชะงัก เขาล้มลงบนเสาหินในห้องโถงและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“มาถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังปากแข็งอีก”
สวี่ไจ้ชวนมองฉือเต๋อเฟิงอย่างเยาะเย้ย เขาโบกมือให้ลูกน้องแล้วพูด “ตีมันจนกว่าจะพูด”
“ขอรับ!”
สมาชิกกลุ่มผิวน้ำสองคนรับคำสั่งและพุ่งไปต่อยเตะฉือเต๋อเฟิง
“ไว้ชีวิตด้วยไว้ชีวิตด้วย ข้ายอมพูดแล้ว!” เพียงครู่เดียวฉือเต๋อเฟิงตะโกนขึ้นอย่างเจ็บปวด ทั่วร่างกายเขาเต็มไปด้วยเลือด
“บอกมา” สวี่ไจ้ชวนยกยิ้มมุมปาก
“ข้าไม่รู้จักนักหลอมโอสถคนนั้นเช่นกัน ทุกครั้งเขาจะเป็นคนมาหาข้าเอง เขาจะมอบโอสถให้ข้าขาย เมื่อขายจนหมดข้าจะได้ส่วนแบ่งเล็กน้อย”
ฉือเต๋อเฟิงมองสวี่ไจ้ชวนด้วยความสยดสยองและพูดเสียงต่ำ
รอยยิ้มบนใบหน้าสวี่ไจ้ชวนหายไป เขาเดินไปหาฉือเต๋อเฟิง ทันใดนั้นดึงกระบี่ยาวออกมาแทงต้นขาฉือเต๋อเฟิง
“อ๊าก!”
ฉือเต๋อเฟิงตะโกนลั่น เขาไม่อาจหลบมันได้
“เจ้าคิดว่าข้าหลอกง่ายหรือ เช่นนั้นเจ้าจงปิดปากต่อไป ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะปิดปากได้นานแค่ไหน!”
สวี่ไจ้ชวนกวนบิดกระบี่ยาวที่ติดอยู่ในต้นขาของฉือเต๋อเฟิง ชั่วครู่เดียวต้นขาฉือเต๋อเฟิงชุ่มไปด้วยเลือด
“แฮ่ก..”
ฉือเต๋อเฟิงเจ็บมากจนไม่สามารถเปล่งเสียงได้ มีเพียงเสียงหอบเท่านั้น
“สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง พวกท่านสามารถตรวจสอบได้” ฉือเต๋อเฟิงพูดด้วยเสียงอ่อนแรง ใบหน้าเขาซีดขาวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเคยติดต่อใกล้ชิดกับใครบ้าง?” สวี่ไจ้ชวนหันไปถามลูกน้อง
“ชายชราคนนี้ระวังตัวมาก คนที่พวกเราส่งไปติดตามถูกสลัดทุกครั้ง เราจึงไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนและติดต่อกับใคร”
“ระวังตัวได้ดี!”
สวี่ไจ้ชวนโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย จ้องมองฉือเต๋อเฟงและดึงกระบี่ยาวออก จากนั้นใช้เท้าเหยียบขยี้บาดแผล
บาดแผลที่แต่เดิมเป็นก้อนเนื้อยิ่งมีสภาพแย่ลง ในไม่ช้ามันได้กลายเป็นเนื้อบด
“เรื่องจริง สิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง!” ฉือเต๋อเฟิงตะโกนเสียงต่ำและแทบจะหมดสติ
“กรอกยาแล้วตัดนิ้วมันทีละนิ้ว!”
สวี่ไจ้ชวนหรี่ตาลงและนั่งลงบนเก้าอี้สูง กลุ่มผิวน้ำพยุงฉือเต๋อเฟิงขึ้นและกรอกยาลงปากเขา
ทันใดนั้นฉือเต๋อเฟิงที่อยู่ในอาการสะลึมสะลือตื่นตัวขึ้นมา แต่ความตื่นตัวแบบนี้รังแต่จะทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ชัดเจน
“ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะปากแข็งได้แค่ไหน!”
สวี่ไจ้ชวนชี้นิ้ว มีคนหยิบคีมขนาดใหญ่ออกมา
บนคีมนั้นมีสะเก็ดสีน้ำตาลเข้มซึ่งหลงเหลือจากเลือดแห้ง มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยโชยออกมา ไม่อาจรู้ได้เลยว่าคีมนี้ตัดเนื้อมามากเท่าใดแล้ว
“ต่อให้ตัดครบสิบนิ้วมือก็ยังเหลือสิบนิ้วเท้า แขวนสะบัก ต้มเนื้อ ข้ามีเวลาอีกมากมายที่จะค่อยๆเล่นกับเจ้า!”
สวี่ไจ้ชวนมองฉือเต๋อเฟิงอย่างเย็นชา สีหน้าหวาดกลัวฉือเต๋อเฟิงจางหายไป ทันใดนั้นเขาพ่นเสมหะปนเลือดใส่ สวี่ไจ้ชวน
“มาเลย ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำให้ชายชราคนนี้รู้สึกดีแค่ไหน!”
เมื่อรู้ว่าการเสแสร้งไร้ประโยชน์ ฉือเต๋อเฟิงจึงเปลี่ยนไปยิ้มแทน
สวี่ไจ้ชวนหรี่ตาลงแล้วตะโกนเสียงอย่างโกรธจัด “ทรมาณมัน ข้าอยากเห็นมันคุกเข่าขอความตาย!”
“ขอรับ!”
สมาชิกกลุ่มผิวน้ำส่งเสียงรับ จับนิ้วฉือเต๋อเฟิงแล้วใช้คีมตัด
“ฟิ้ว!”
ลูกธนูพุ่งออกมาอย่างกะทันหันแทงเข้าที่ร่างสมาชิกกลุ่มผิวน้ำ เขากระแทกลงพื้นด้วยแรงมหาศาลของลูกธนูและปล่องคีมในมือตกไป
ทุกคนตกตะลึง จากนั้นลูกธนูอีกสองดอกพุ่งเข้ามาเจาะหัวใจอีกสองคนและฆ่าพวกเขาทันที
“ศัตรูบุก!”
ในเวลานี้ทุกคนได้ตอบสนองและเริ่มหาที่กำบังหลบลูกธนู บางคนที่อยู่ตรงมุมตามกำแพงพยายามกระโดดหาผู้ลงมือ
“ฟิ้วฟิ้วฟิ้ว...”
เสียงลูกธนูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนที่หาผู้ลงมือถูกลูกธนูแทงเข้าที่หน้าผากทันที ผู้ที่ไม่ยอมหาที่กำบังโดนลูกธนูปักตามร่างกายเช่นกัน
สมาชิกกลุ่มผิวน้ำที่เหลือปล่อยอาวุธลับไปทางลูกธนูพุ่งมา บางคนที่เก่งเรื่องธนูก็ตอบโต้ด้วยการยิงธนู
แต่ทันใดนั้นคนที่โต้กลับล้วนมีรูโหว่ปรากฏบนร่าง ลูกธนูทรงพลังทะลวงผ่านร่างกายพวกเขาโดยตรง
ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ผู้คนมากมายในห้องโถงคฤหาสน์ตกตาย คนที่เหลือรอดไม่กล้าโผล่หัวอีก แต่ลูกธนูบางลูกยังโค้งข้ามที่กำบังและแทงทะลุตัวพวกเขา
วิชาธนูเช่นนี้กต่างจากของนักยุทธ์ทั่ววไป หนึ่งคนหนึ่งธนูก็สามารถปราบปรามคนหลายสิบคนได้โดยตรง
“ไอ้นักย่องเบานี่มันอยู่ไหน กล้าดียังไงถึงมาเล่นตลกที่นี่!”
เสียงตะโกนดังขึ้น ร่างหนึ่งขยับจากไกลมาใกล้ เพียงพริบตาเดียวมาอยู่เหนือห้องโถงคฤหาสน์
“ผู้อาวุโสเหอ ผู้อาวุโสมาแล้ว!”
สมาชิกกลุ่มผิวน้ำที่โดนลูกธนูปักอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อได้ยินเสียง
เฉินเฟยบนชายคามองเหอหยวนฉิวลอยข้ามกำแพงมา เฉินเฟยหันคันธนูยิงใส่คนกลุ่มผิวน้ำจนตายต่อหน้าเหอหยวนฉิวที่เพิ่งปรากฏตัว
“กล้ามาก! ตายซะ!”
เหอหยวนฉิวเห็นเฉินเฟยฆ่าคนอื่นต่อหน้าจึงโกรธจัด ยื่นมือขวาออกไป มือนั้นกลายเป็นกรงเล็บอินทรีเข้าไปคว้าจับหัวเฉินเฟย
“ฟึบ!”
กรงเล็บอินทรีตวัดไปในอากาศทำให้เกิดเสียงแหลมแต่ไม่มีใครถูกจับไว้
ร่างเฉินเฟยลอยไปข้างหลัง ลูกธนูอีกสามดอกพุ่งออกไปสังหารสมาชิกกลุ่มผิวน้ำที่ซ่อนตัว
สมาชิกกลุ่มผิวน้ำที่มีขวัญกำลังใจจากการปรากฏตัวของเหอหยวนฉิวเงียบลงทันที