ตอนที่ 344 ลูกแก้วดาวตก
ตอนที่ 344 ลูกแก้วดาวตก
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจว่าพวกจัสทิสตัวแสบที่รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้คือเหล่าบรรดาคุณหนูคุณชายเอาแต่ใจในตำนาน เพราะพ่อแม่ของพวกเขาเป็นผู้มีตำแหน่งสูงในหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะพ่อของมังกี้ที่เป็นถึงหัวหน้าแผนกฝึกอบรมของสมาพันธ์จัสทิส!!
ในโครงสร้างของสมาพันธ์จัสทิสถูกควบคุมด้วย 10 ผู้อาวุโสที่คอยจัดการสมาพันธ์อยู่เบื้องหลัง ซึ่งฉินหมางก็เคยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสพวกนั้นก่อนที่เขาจะเกษียณตัวเองออกมา เพื่อใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในห้องสมุด
รองลงมาคือผู้มีฉากหน้าในการควบคุมสมาพันธ์ประกอบไปด้วย ประธานสมาพันธ์ 1 คน, รองประธานสมาพันธ์ 4 คน, คณะกรรมการสมาพันธ์ 13 คน โดยคณะกรรมการทั้ง 13 คนนี้จะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกต่าง ๆ ในสมาพันธ์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งทูรามก็คือ 1 ในคณะกรรมการทั้ง 13 คนนั้น
ด้วยการที่มีพ่อแม่เป็นคนใหญ่คนโตในสมาพันธ์นี่เอง มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไมพวกมังกี้ถึงได้รับยศตำแหน่งสูงมากตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพวกเขาถึงหยิ่งผยองได้มากขนาดนี้
สำหรับเหล่าบรรดาคุณชายที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี คุกก็เป็นเพียงแค่สถานที่เที่ยวเล่นแห่งหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังรีบทำความรู้จักกับเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว และเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยมีอายุมากกว่าคุณชายทุกคนพวกตัวแสบจึงเรียกชายหนุ่มว่าพี่เซี่ยเฟย
สมาชิกในกลุ่มตัวแสบแต่ละคนต่างก็มีฉายาที่เอาไว้เรียกหาสหายของตัวเอง ซึ่งในบรรดาคุณชายทั้งหลายเหล่านี้ พีนัท, แฮมเมอร์และมังกี้ก็เป็นคุณชายที่มีบทบาทมากที่สุดภายในกลุ่ม
“พวกเรามาเล่นลูกแก้วดาวตกระหว่างรอเวลากันดีไหม? พี่เซี่ยเฟยเคยเล่นเกมนี้มาก่อนหรือเปล่า?” มังกี้กล่าวพร้อมกับหยิบกล่องลูกแก้วออกมาจากแหวนมิติ
“ไม่เคย ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว ขณะที่เจ้าพวกตัวแสบในส่วนที่เหลือต่างก็กำลังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เกมนี้เล่นง่าย ๆ พวกลูกแก้วจะถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ และสิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำก็แค่พยายามจับพวกมันเอาไว้ให้ได้” มังกี้กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นมังกี้ก็เริ่มโยนลูกแก้วหลากสีจากภายในกล่องลงบนพื้น ก่อนที่ลูกแก้วแต่ละลูกจะขยายขนาดจนมีขนาดประมาณเท่ากำปั้น ซึ่งเซี่ยเฟยก็คาดว่าด้านในของลูกแก้วคงจะติดตั้งระบบอัดอากาศไว้ด้านใน แล้วมันก็จะพองตัวออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อมันสัมผัสได้ถึงการใช้งาน
ทันทีที่มังกี้ป้อนคำสั่งลูกแก้วหลากหลายสีสันทั้ง 12 ลูกก็เริ่มเคลื่อนไหวในอากาศทันที จากในตอนแรกพวกมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่สูงมากนัก แต่หลังจากผ่านไป 1 นาทีลูกแก้วเหล่านี้ก็เริ่มเคลื่อนที่จนเห็นเป็นเพียงแค่ภาพติดตา
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือลูกแก้วหลากสีสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างมีเล่ห์เหลี่ยมมาก โดยพวกมันจะทำท่าเหมือนให้คว้าจับได้ง่าย ๆ ก่อนที่พวกมันจะเปลี่ยนวิถีการเคลื่อนที่อย่างฉับพลัน
“เริ่ม!” มังกี้ตะโกนอย่างตื่นเต้น ก่อนที่ตัวแสบทุกคนจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจับลูกแก้วที่กำลังวิ่งหนีในอากาศ
โชคไม่ดีที่ลูกแก้วพวกนี้ยังคงหลบหนีเหมือนภูติพรายที่ยังมีชีวิต ทำให้เหล่าบรรดาคุณชายตัวแสบยังไม่สามารถที่จะคว้าจับลูกแก้วพวกนั้นได้เลย
“นี่ถ้ามันมีความเร็วและจำนวนลูกแก้วมากขึ้นกว่านี้ พวกมันก็สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ฝึกฝนเพิ่มความยืดหยุ่นได้เลยนะเนี่ย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเอามือลูบคาง
“อยากรู้จริง ๆ ว่าบริษัทไหนเป็นคนออกแบบของเล่นชิ้นนี้ แต่การเคลื่อนไหวของมันให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับวิชาเล่ห์กายาเลย” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
ตอนแรกเขาคิดว่าลูกแก้วดาวตกเป็นเพียงแค่ของเล่นของพวกเด็ก ๆ แต่เมื่อลูกแก้วหลากสีเริ่มเคลื่อนที่เขาก็ได้ตระหนักว่าทั้งความเร็วและอัตราการตอบสนองของลูกแก้วเหล่านี้ค่อนข้างแปลกประหลาด นอกจากนี้พวกมันยังเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต โดยจะมีการลดเพิ่มความเร็วในระหว่างการเคลื่อนที่เพื่อหลอกล่อไม่ให้ใครมาคว้าจับพวกมันได้ง่าย ๆ
วือ!
ลูกแก้วสีฟ้าลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาทางเซี่ยเฟยราวกับว่ามันต้องการให้ชายหนุ่มคว้าจับมันเอาไว้ แต่ในขณะที่ชายหนุ่มยื่นมือขวาออกไปลูกแก้วสีฟ้ากลับเพิ่มความเร็วอย่างฉับพลัน และเปลี่ยนทิศทางบินหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
“พวกมันสัมผัสได้เหรอว่าฉันกำลังจะจับมันเอาไว้?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน
ในที่สุดชายหนุ่มก็ตระหนักได้แล้วว่าทำไมพวกนายน้อยเจ้าสำราญถึงรู้สึกสนุกกับการวิ่งไล่จับลูกแก้วดาวตกมากขนาดนั้น เพราะนี่ไม่ใช่เกมไล่จับลูกแก้วในอากาศธรรมดา ๆ แต่การเคลื่อนไหวของพวกมันยังเป็นการยั่วยุผู้เข้าเล่นเกมอย่างชัดเจน!
หากใครจะค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังลูกแก้วพวกนี้ มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแล้ว!
—
ในที่สุดทุกคนก็สามารถคว้าจับลูกแก้วหลากสีในอากาศได้สำเร็จ โดยเซี่ยเฟยสามารถคว้าจับลูกแก้วได้ถึง 10 ลูก แต่เกมวิ่งไล่จับนี้ก็ทำให้แม้แต่ตัวของชายหนุ่มเองก็ยังรู้สึกยากลำบากอยู่เล็กน้อย
ที่แปลกไปกว่านั้นคือพวกลูกแก้วดูเหมือนจะสัมผัสถึงความเหนื่อยล้าของทุกคนได้ และก่อนที่ทุกคนจะหมดความอดทนพวกลูกแก้วก็จะเคลื่อนที่ช้าลงอย่างกะทันหัน เพื่อให้ผู้เล่นสามารถคว้าจับพวกมันได้ราวกับว่าพวกมันตั้งใจให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก
เซี่ยเฟยรู้สึกชอบของเล่นชิ้นนี้มาก ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวอันชาญฉลาดหรือความเร็วของพวกมันที่เทียบได้กับผู้มีพลังพิเศษสายความเร็ว
“มังกี้นายไปซื้อลูกแก้วพวกนี้มาจากไหน? ฉันอยากหาซื้อพวกมันเอาไว้เล่นบ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“ผมไม่ได้ซื้อลูกแก้วพวกนี้มา แต่พ่อของผมได้รับมันมาจากซากปรักหักพังโบราณ และผมก็คิดที่จะเอามันมาแลกเปลี่ยนกับของเล่นชิ้นใหม่ในงานเทศกาลนี้พอดี” มังกี้กล่าว
คำอธิบายของมังกี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดว่ามันคือของเล่น แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นโบราณวัตถุอันล้ำค่า
“พี่เซี่ยเฟย พี่สูบบุหรี่อะไรเหรอ? ผมขอลองสูบด้วยได้ไหม?” มังกี้กล่าวถาม
เซี่ยเฟยใช้นิ้วสัมผัสแหวนมิติเบา ๆ พร้อมกับโยนกล่องบุหรี่ให้พวกตัวแสบไป 2 กล่อง
พวกเด็กวัยรุ่นมีความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติ และทุกคนก็รีบหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบเหมือนกับที่เซี่ยเฟยทำ แต่น่าเสียดายที่กลิ่นควันของหงตะชานแรงเกินไป มันจึงทำให้ทุกคนทิ้งบุหรี่ลงกับพื้นทันทีหลังจากที่พวกเขาสำลักควันไปเพียงแค่ครั้งเดียว
“มังกี้ในเมื่อนายต้องการจะแลกเปลี่ยนลูกแก้วดาวตกในงานเทศกาลนี้อยู่แล้ว นายสนใจจะแลกเปลี่ยนมันกับฉันดูหน่อยไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ได้สิ ว่าแต่พี่เซี่ยเฟยมีของอะไรที่น่าสนใจบ้าง?” มังกี้กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เซี่ยเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหยิบเดือยกระดูกออกมาจากแหวนมิติ
“นี่คืออาวุธของสำนักนักฆ่าลึกลับในพันธมิตร สำนักนักฆ่าสำนักนี้ไม่มีชื่อและศิษย์ภายในสำนักทุกคนต่างก็ต้องอาศัยอยู่ท่ามกลางความมืด และต้องพร้อมที่จะปลิดชีวิตของทุกคนได้ทุกเมื่อ…”
เซี่ยเฟยเริ่มเล่าเรื่องโกหกโดยแสดงให้เห็นว่าสำนักเงาสังหารเป็นสำนักนักฆ่าที่ลึกลับ และเดือยกระดูกคือมรดกชิ้นสำคัญของเจ้าสำนักที่ลึกลับแห่งนี้
เรื่องราวที่เซี่ยเฟยเล่าทั้งน่าดึงดูดและน่าสนใจ จนทำให้พวกวัยรุ่นต่างก็นั่งฟังเรื่องราวของเขาอย่างใจจดใจจ่อ
แน่นอนว่าหลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่าเหล่านี้ มังกี้ก็ตัดสินใจแลกเปลี่ยนลูกแก้วดาวตกกับเดือยกระดูกในทันที ซึ่งเซี่ยเฟยก็แสดงท่าทีลำบากใจราวกับว่าเขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียมรดกจากเจ้าสำนักนักฆ่าที่ลึกลับเพื่อแลกเปลี่ยนกับของเล่นเพียงแค่ชิ้นเดียว
“สำนักไม่มีชื่ออะไร? นายก็รู้ว่าสำนักของเราชื่อสำนักเงาสังหาร!” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธเคือง
“ถ้าฉันไม่เล่าเรื่องให้เห็นน่าสนใจแล้วพวกเขาจะยอมแลกลูกแก้วดาวตกกับเดือยกระดูกไหมล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าเดือยกระดูกจะเป็นอาวุธที่ดีแต่ลูกแก้วดาวตกถือว่าเป็นโบราณวัตถุที่ล้ำค่า เดือยกระดูกจะถูกสร้างปีละ 9 ชิ้นเพื่อให้ลูกศิษย์ได้ใช้งาน แต่ลูกแก้วดาวตกน่าจะเป็นของที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันเพียงแค่ชิ้นเดียว” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“งานเทศกาลนี้ชักจะน่าสนใจซะแล้วสิ ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าในอีก 15 วันที่เหลือฉันจะได้เจอกับอะไรที่น่าสนใจบ้าง” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
—
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานคนจากสมาพันธ์จัสทิสก็มานำตัวพวกเขาออกไปจากคุก ซึ่งเหล่าบรรดาพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ดูเหมือนว่าจะคาดเดาเรื่องเหล่านี้เอาไว้ล่วงหน้าตั้งนานแล้ว
มันคงไม่มีลูกของผู้มีอำนาจคนไหนสามารถถูกคุมขังเอาไว้ได้ง่าย ๆ และมันก็เป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุดที่จะยอมปล่อยพวกตัวแสบเหล่านี้ไปหลังจากจับมาดัดนิสัยเพียงแค่ไม่นาน
แน่นอนว่ามังกี้ก็เริ่มพูดจาด่าทอคนที่จับเขามาทันทีที่ตัวเองหลุดออกมาจากคุก ซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นก็ก้มหน้าลงโดยไม่พูดจาโต้ตอบ พลางคิดว่าเขาแค่โชคไม่ดีที่ต้องมาเจอพวกคุณชายเจ้าสำราญแบบนี้
หลังจากออกมาจากอาคารรักษาความปลอดภัย มังกี้ก็ชวนเซี่ยเฟยให้เดินทางไปพร้อมกับพวกเขาด้วย ซึ่งหลังจากที่ถูกจับขังคุกมาด้วยกันชายหนุ่มก็พอจะคุ้นเคยกับพวกตัวแสบพวกนี้บ้างแล้ว เขาจึงตอบตกลงโดยไม่ได้รู้สึกติดใจกับพวกตัวแสบพวกนี้มากนัก
—
เกาะนางแอ่นคือหนึ่งในเกาะบนดาวที่ตั้งชื่อตามนกนางแอ่นเป็นจำนวนมากที่ทำรังอยู่บนหน้าผาหิน
โรงแรมทุกแห่งบนดาวดวงนี้ถูกเหมาเช่าโดยสมาพันธ์จัสทิสเอาไว้จนหมดแล้ว แขกที่มาเข้าร่วมงานเทศกาลจึงสามารถแสดงบัตรเชิญเพื่อเข้าพักในโรงแรมที่พวกเขาต้องการได้ทันที
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังอาบน้ำในห้องพักของโรงแรม แต่ในขณะที่เขากำลังจะศึกษาลูกแก้วดาวตกที่เขาเพิ่งได้รับ มันกลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาจากด้านนอก
“พี่เซี่ยเฟยพวกเราทุกคนต้องการแสดงความขอบคุณที่พี่มาช่วยพวกเราเอาไว้ในวันนี้ พวกเราจึงตกลงกันว่าพวกเราอยากจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับพี่สักครั้ง” มังกี้กล่าว
“ทำไมพวกน้องชายจะต้องทำเรื่องให้มันใหญ่โตแบบนี้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
เดิมทีชายหนุ่มต้องการจะกินแค่เพียงอะไรง่าย ๆ ในห้องของตัวเอง แต่มังกี้ยังคงดึงดันที่จะจัดงานเลี้ยง เซี่ยเฟยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและตามพวกตัวแสบไปยังร้านอาหาร
อย่างไรก็ตามภาพที่ปรากฏขึ้นภายในร้านอาหารกลับกลายเป็นคนมากกว่า 20 คนกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดของร้าน และจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็กรอกตาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาบังเอิญเห็นชาย 2 คนที่เขาค่อนข้างคุ้นเคยภายในร้านอาหารแห่งนี้ด้วย ซึ่งชายทั้งสองคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากหลี่โม่และหลี่กวนผู้ซึ่งเป็นบิดา
เมื่อหลี่โม่สักเกตเห็นเซี่ยเฟยเขาก็กระแทกมือลงบนโต๊ะอาหารด้วยความไม่พอใจ จากนั้นเขาก็กระดกไวน์เข้าไปอึกใหญ่ราวกับว่าเขาไม่พอใจที่เซี่ยเฟยเดินเข้ามาในร้านอาหาร
“เขาเป็นใคร? ทำไมเขาถึงหงุดหงิดหลังจากเห็นพี่ขนาดนั้น?” มังกี้กล่าวถามขึ้นมาเบา ๆ หลังจากได้เห็นบรรยากาศที่เริ่มจะตึงเครียด
“เขาคือนายน้อยจากตระกูลหลี่ที่เป็นเจ้าของบริษัทไฟร์สตาร์ไฟแนนซ์ ก่อนหน้านี้ฉันมีเรื่องบาดหมางกับเขาเล็กน้อยแต่เรื่องพวกนั้นมันก็ผ่านมาแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ
“อ๋อ เคยมีเรื่องบาดหมางกับพี่สินะ…” มังกี้พึมพำกับตัวเองพร้อมกับจดจำคำพูดของเซี่ยเฟยเอาไว้ในใจ
ประมาณ 10 นาทีต่อมาหลี่โม่ก็ลุกยืนขึ้นเพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งมังกี้ก็ลุกขึ้นยืนเช่นเดียวกันก่อนที่จะเดินไปกระซิบอะไรบางอย่างกับพวกแฮมเมอร์
“นี่นายพูดจริงเหรอ?” แฮมเมอร์ทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด
“ฉันจะโกหกไปทำไม”
“เอาล่ะพี่น้อง! พวกเราไปเข้าห้องน้ำกันดีกว่า”
เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปอยู่พักหนึ่งเมื่อได้เห็นพวกตัวแสบยกโขยงไปเข้าห้องน้ำพร้อม ๆ กัน
‘หรือว่าพวกตัวแสบจะกลัวโดนอัดเหมือนตอนกลางวัน ถึงต้องยกโขยงไปเข้าห้องน้ำกันทุกคนขนาดนั้น?’ เซี่ยเฟยคิดขึ้นมาภายในใจ
***************
อ่ะ! มีใครเดาได้บ้างว่าทำไมเด็กแสบต้องไปเข้าห้องน้ำทั้งกลุ่ม รายงานตัว!! ^^