ตอนที่แล้วบทที่ 50
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52

บทที่ 51


บทที่ 51

ดังคำกล่าวที่ว่า ‘วีรบุรุษคู่หญิงงาม’ เช่นนั้นวีรบุรุษคนไหนจะปรากฏตัว พวกเรามารอลุ้นกัน!

มุมปากของหลิวว่านห่าวเผยรอยยิ้มที่ร้ายกาจ

“น่าชิงชังนัก!” สวี่ล่ายกระจ่างแจ้ง หลิวว่านห่าวพูดสิ่งนี้กับตัวเองเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเห็นสวี่ล่ายเป็นตัวตลก

“เอาล่ะ เราอ๋องจะไม่ประวิงเวลาแขกทุกท่าน สาวกจากทุกตระกูลและนิกายที่เข้าร่วมงานประลองเกณฑ์ทหาร เชิญมาที่เวทีเพื่อลงทะเบียนและจับฉลาก อีกสักครู่เราจะประกาศรายชื่อการประลอง”

หลิวว่านห่าวเพิ่งพูดจบ สาวกบนอัฒจันทร์ทยอยเดินออกมาทีละคน มุ่งหน้าไปยังจุดลงทะเบียนตรงอัฒจันทร์ทิศเหนือ

“นายน้อย......”

“อืม ไปกันเถอะ!” สวี่ล่ายโบกมือ สวี่หู  สวี่หวู่ และสวี่ซินหยู ลุกขึ้นทีละคนและตามมาติดๆ

ไม่นาน ทั้งสี่คนก็มาถึงสำนักงานทะเบียน

“เฮ้ย เจ้าเห็นหรือไม่ นั่นคือนายน้อยของตระกูลสวี่แห่งเมืองหรันเถียน”

“อืม ข้าได้ยินมาว่าเขามิใช่นายน้อยขยะอีกต่อไป”

“ถูกต้อง ว่ากันว่านอกจากจะเอาชนะกระบี่ลมกรดหลี่อวี้ถิงแล้ว เขายังเอาชนะหลินหยูหลิน สมาชิกชั้นยอดของตระกูลหลิน ได้อีกด้วย”

การมาถึงของสวี่ล่ายและคณะ ดึงดูดสายตาของเหล่าสาวกจากตระกูลต่างๆทันที แต่สิ่งที่แตกต่างจากในอดีต ณ เวลานี้คือ เห็นได้ชัดว่ามีพวกสมองน้อยที่คิดหาเรื่องเขาน้อยลงมาก อันที่จริงส่วนใหญ่ที่มองมาต่างแสดงท่าทีหวาดกลัว

“เฮ้ย เด็กน้อย เจ้าคือสวี่ล่ายใช่หรือไม่!”

สวี่ล่ายกลอกตา เมื่อครู่ข้าเพิ่งชมว่าไม่มีพวกสมองน้อยมาหาเรื่อง แต่ไม่นึกว่าจะมีโผล่มาคนนึง

สวี่ล่ายหันศีรษะไปมอง

“อ้อ”

ปรากฏว่าเป็นคนที่เขารู้จักจริงๆ

“หลินจื่อชิงบุตรชายคนรองของตระกูลหลิน? ข้าสงสัยว่าคุณชายหลินมีคำแนะนำอะไรหรือ?” มุมปากของสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย ทักทายอีกฝ่ายโดยไม่หลีกเลี่ยง

ถูกตัอง ‘คนสมองน้อย’ หลินจื่อชิงผู้นี้มิใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลที่ทางตระกูลหลินส่งไปทดสอบและบังเอิญเจอกับสวี่ล่าย

ครั้งที่แล้วสวี่ล่ายพยายามทำตัวตกต่ำหน้าตาอัปลักษณ์ ด้วยเหตุนี้หลินจื่อชิงจึงไม่คุ้นหน้าเขามากนัก

“ฮึ่ม! คำแนะนำ? คราวก่อนเจ้าทำร้ายองครักษ์หลินหยูหลินของข้า บิดายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้า ในงานประลองวันนี้ ขอให้เจ้าอย่าได้พบข้าเลย ไม่งั้นล่ะก็ .....” หลินจื่อชิงแสดงท่าทางชั่วร้าย ยกมือขึ้นแล้วปาดคอตัวเอง

“ไม่มีปัญหา ผู้แซ่สวี่จะรออยู่เสมอ!” สวี่ล่ายยังยิ้มอย่างเย็นชาไม่เกรงกลัวการยั่วยุของหลินจื่อชิง

“ประเสริฐ! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” หลินจื่อชิงกัดฟัน สะบัดแขนเสื้อและจากไปพร้อมกับองครักษ์สองคน

“นายน้อย คนผู้นี้ไม่ธรรมดา” ณ ขณะนี้ สวี่หูโน้มตัวไปข้างหน้าและกระซิบบางอย่างที่หูของสวี่ล่าย

“อะไร? อย่าบอกนะว่ามีผู้สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง?” สวี่ล่ายอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่เข้าใจเจตนาของสวี่หู

“ถูกตัอง คนผู้นี้มีพี่ชาย ซึ่งคือผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูลหลิน หลินจื่อเฟิง ได้ยินว่าฐานบำเพ็ญเพียรของมันไปถึงขั้นห้าขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว”

“เจ้าพูดอะไร? หลินจื่อเฟิง?!” ดวงตาของสวี่ล่ายเป็นประกายขึ้นมาทันที ย้อนนึกไปถึงงานประมูลที่นายน้อยตระกูลหลินได้ซื้อทักษะฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขตไป

“ยอดเยี่ยม เท่านี้ก็ไม่ต้องเสียเวลาตามหาแล้ว” มุมปากของสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย แผนการร้ายหลั่งไหลเข้ามาในหัว

‘ทุบตีหลินจื่อชิงจนพิการ แล้วดักรอให้หลินจื่อเฟิงบุกมาเคาะประตูถึงที่ จากนั้นขโมยทักษะฝึก’

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดอีกครั้งสวี่ล่ายก็เปลี่ยนใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้ควรเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ ตนไม่ได้อยู่คนเดียว การทุบตีหลินจื่อเฟิง และปล้นทักษะฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขต มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งตระกูลสวี่

เพราะท้ายที่สุดแล้ว พระไม่สามารถวิ่งหนีจากวัดได้ สวี่ล่ายไม่ต้องการให้เขาถูกฆ่าเพราะความประมาทเลินเล่อชั่วขณะของตัวเอง และทำให้ตระกูลสวี่ต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤต

‘แน่นอน แต่ถ้าต้องทำจริงๆ ก็ต้องทำโดยไม่ให้ใครตามจับได้’ มุมปากของสวี่ล่ายโค้งงอเล็กน้อย เผยรอยยิ้มร้ายกาจ

“นายน้อย พวกเรามาถึงแล้ว”

สวี่หูเตือน สวี่ล่ายเดินไปที่สำนักงานทะเบียนเพื่อรายงานชื่อตัวเอง

“เมืองหรันเถียน สวี่ล่าย”

“เจ้าน่ะหรือสวี่ล่าย? ... เชิญจับฉลาก” ชายวัยกลางคนที่จัดการการลงทะเบียนตื่นตัวเล็กน้อย หลังจากเพ่งมองสวี่ล่ายสักพัก ก็ชี้ไปที่กระบอกไม้ไผ่ข้างหน้าเขา

“ตกลง” สวี่ล่ายเอื้อมมือไปหยิบแท่งไม้ไผ่ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่

“หมายเลข 73” ชายวัยกลางคนหยิบแท่งไม้ไผ่และเขียนหมายเลขลงไป

“ต่อไป”

สวี่ล่ายหันหลังและจากไป สวี่หูก้าวมาข้างหน้าและจับสลากต่อ

เมื่อทั้งสี่คนลงทะเบียนแล้ว ก็กลับไปยังพื้นที่พักของตระกูลสวี่บนอัฒจันทร์ฝั่งตะวันออก และนี่เป็นเวลาเดียวกับที่สวี่เหยาเหวินกลับมาหลังจากทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสร็จ

“ท่านพ่อ”

“ล่ายเอ๋อ ทำไมมีแค่พวกเจ้าสองคน พวกองครักษ์คนอื่นเล่า? แล้วลุงสองของเจ้าหายไปไหน?”

“โอ้ ลุงสองพาพวกเขาไปทำเรื่องสำคัญ ประเดี๋ยวจะกลับมา” สวี่ล่ายกระซิบที่หูของสวี่เหยาเหวิน “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสร้างโชคลาภแผนการของตระกูลสวี่”

“อะไรนะ?” สวี่เหยาเหวินกระพริบตา งง ไม่เข้าใจ

“เฮ่ะ เฮ่ รอพวกเขากลับมา ท่านก็รู้เอง” สวี่ล่ายยิ้มอย่างลึกลับ

ณ ตอนนี้ สาวกทุกคนที่เข้าร่วมงานประลองลงทะเบียนเสร็จแล้ว  ลำดับของงานประลองถูกระบุได้อย่างรวดเร็ว

“อะแฮ่ม อันดับต่อไป ขอแนะนำหัวหน้าผู้ตัดสินของงานประลองครั้งนี้ แม่ทัพโจวอี้ฝาน ผู้บัญชาการกองทัพธงดำ!”

แค่เสียงแผ่วลง โจวอี้ฝานเดินขึ้นเวทีตัดสินอย่างรวดเร็ว

“เราผู้เฒ่าโจวอี้ฟาน ได้รับเกียรติให้เป็นกรรมการตัดสินการเกณฑ์ทหารครั้งนี้ ข้ารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นชนชั้นยอดในอนาคตต้าหยาน เราผู้เฒ่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จอย่างเข้มงวดและยุติธรรม ที่นี่ เราผู้เฒ่าหวังว่าชนชั้นสูงทุกท่านที่เข้าร่วมงานประลองจะทุ่มเทด้วยพลังทั้งหมดที่มี เปิดเผยด้านที่ดีที่สุดให้ทุกคนได้ประจักษ์”

“แน่นอน เมื่อรู้ผลแล้ว ทั้งสองฝ่ายต้องหยุดมือ เราผู้เฒ่าไม่ต้องการเห็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นของรัฐต้องมาสูญเสียที่นี่ เอาหล่ะ เราผู้เฒ่าจะไม่ทำให้ทุกท่านนเสียเวลา เริ่มงานประลองได้!”

แปะ แปะ แปะ...!

เสียงของโจวอี้ฝานยังไม่ทันแผ่วลง ก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วสนาม

“เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงสร้างสนามประลองสองแห่งเพื่อประลองในเวลาเดียวกัน สาวกที่ถูกขานชื่อสามารถขึ้นเวทีได้ทันที”

โจวอี้ฝานชำเลืองมองรายชื่อในมือตัวเอง

“เวทีแรก ฉีเจี้ยนหมิงกับหลี่อ้าว! เวทีที่สองสวี่ล่ายกับมู่เป่ยเป่ย!”

“หืม? นั่นชื่อข้านี่ ข้าได้สู้เปิดเวทีเลยหรือ?”สวี่ล่ายแลบลิ้นออกมา ไม่คาดคิดว่านัดแรกจะเป็นตัวเอง

“ล่ายเอ๋อ พยายามเข้า!”

“นายน้อย พยายามเข้า!”

“เฮ้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แพ้ในนัดแรกนะ”

สวี่ล่ายยืนขึ้น ยกนิ้วให้พ่อตัวเอง “ไม่ต้องกังวล”

ณ ขณะนี้ ชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมาจากอัฒจันทร์ฝั่งตะวันตก โดยอัฒจันทร์ทิศตะวันออกคือสวี่ล่ายและหลี่อ้าว

หลี่อ้าวเป็นสมาชิกในตระกูลหลี่ พลังรบของเขาไม่แตกต่างจากหลี่อวี้ถิงมากนัก

เมื่อสวี่ล่ายและหลี่อ้าวพบกัน หลี่อ้าวจ้องมองสวี่ล่ายอย่างเย็นชา “คนแซ่สวี่ ความเกลียดชังของเจ้ากับตระกูลหลี่ของเรา ข้าหลี่อ้าวจะเอาคืนอย่างสาสม รอข้าก่อน!”

“อาศัยเพียงเจ้า? เหอะ! ก่อนเอาคืนข้า เจ้าชนะฉีเจี้ยนหมิงให้ได้ก่อนเถอะ” สวี่ล่ายม้วนริมฝีปากตัวเอง ไม่เก็บอีกฝ่ายมาใส่ใจเลย

“เจ้า…” หลี่อ้าวแค่อยากจะโกรธ อย่างไรก็ตาม เวลานี้สวี่ล่ายได้เดินไปที่เวทีฝั่งขวาของตัวเองแล้ว

“เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!” หลี่อ้าวลอบกัดฟัน แล้วเดินไปทางเวทีด้านซ้าย

ณ ขณะนี้ ค่ายกลใหญ่ในเวทีประลองทั้งสองเปิดทำงาน ฝาครอบป้องกันห่อหุ้มเวทีไว้อย่างแน่นหนา

“เฮ้ย เจ้าน่ะหรือสวี่ล่าย?”

สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้นมอง แล้วก็ต้องตกใจ “อ๋า? เจ้าเป็นสตรี?”

เห็นเพียงคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เป็นสาวน้อยขี้เล่นและน่ารักที่ตัวไม่สูงนัก

“ทำไม? เจ้าจะดูถูกข้าหรือ!” ทันทีที่มู่เป่ยเป่ยเห็นสีหน้าของสวี่ล่าย โทสะก็ลุกเป็นไฟ เธอมุ่ยปาก สองมือเท้าสะเอว แม้จะดูโกรธ แต่ก็ดูน่ารักกับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ท่าทีเช่นนี้ทำให้สวี่ล่ายไม่อยากสู้จริงๆ

“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น มันก็แค่…” สวี่ล่ายลุกลี้ลุกลนรีบอธิบาย

“แค่อะไร?”

“แค่ว่าข้านึกไม่ถึงว่าจะมีผู้หญิงมาเข้าร่วมการประลองเกณฑ์ทหาร” สวี่ล่ายยิ้มเจื่อน เดิมแค่มีสวี่ซินหยูเข้าร่วมประลองมันก็ทำให้เขาประหลาดใจมากแล้ว

“ฮึ เจ้าดูถูกเราสตรี?  ข้าจะบอกเจ้า ข้ามู่เป่ยเป่ยเป็นถึงยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งเมืองเฟิงหยู!” เส้นเลือดบนหน้าผากของมู่เป่ยเป่ยปูดขึ้นอย่างรุนแรง มือเล็กๆกำแน่นเป็นกำปั้น ท่าทีตะโกนโหวกเหวกโวยวาย

อย่างไรก็ตาม……

“น่ารักชิบเป๋ง!” สวี่ล่ายตบหน้าผากตัวเอง มองยังไงอีกฝ่ายก็เป็นสาวน้อยน่ารักที่มาอวดโฉม

บรึ้ม! บรึ้ม! บรึ้ม!

ณ ขณะนี้ เวทีข้างๆเริ่มสู้กันแล้ว เสียงปะทะดังแว่วเข้ามา

สวี่ล่ายชำเลืองมอง พบว่าหลี่อ้าวอยู่ในสถานการณ์ถูกไล่ทุบตี อีกไม่นานผลแพ้ชนะคงตัดสิน

อันที่จริงสวี่ล่ายไม่แปลกใจเลย เพราะในงานประลองครั้งนี้ ฉีเจี้ยนหมิงเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นพลังรบหรือวิชาเนตร ล้วนเป็นคู่ต่อสู้ที่ควรค่าแก่การเผชิญหน้าของสวี่ล่าย

สำหรับหลี่อ้าว สวี่ล่ายทำได้เพียงส่ายหัวและถอนหายใจ เพราะด้วยพลังรบในตอนนี้ของสวี่ล่าย ยังคว่ำเขาได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นยิ่งเป็นฉีเจี้ยนหมิงคงไม่ต้องกล่าวถึง

“เฮ้ย! หยุดมองได้แล้ว ข้าจะลงมือแล้วนะ” มู่เป่ยเป่ยเท้าสะเอว ตะโกนใส่สวี่ล่ายด้วยความโกรธ

“ตกลงๆ” สวี่ล่ายถอนหายใจ

ณ ขณะนี้ บนอัฒจันทร์ฝั่งเหนือ เหยาว่านซินขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้การ หากคุณชายสวี่ยังประเมินมู่เป่ยเป่ยต่ำเกินไปเช่นนี้ เกรงว่าจะเป็นเขาที่พลาดท่า”

“ว่ากระไร?” ทันทีที่เย่เสวี่ยหลิงได้ยินว่าสวี่ล่ายจะพลาดท่า จู่ๆหัวใจก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ฮึ ดูท่าทางสวี่ล่ายจะหลงใหลนางน่าดู แบบนี้เดี๋ยวคงถูกมู่เป่ยเป่ยดูดวิญญาณไป”  หลิวเฟยเยี่ยนยังคงมองหาโอกาสใส่ร้ายสวี่ล่าย

“น้องเหยา มู่เป่ยเป่ยผู้นี้คือใคร แล้วแข็งแกร่งมากไหม?” เย่เสวี่ยหลิง ม่สนใจคำพูดของหลิวเฟยเยี่ยนเลย เธอจับมือของเหยาว่านซินและถามอย่างกังวล

“พี่สาวอย่าตื่นตระหนก ฟังน้องสาวพูดช้าๆ” เหยาว่านซินรู้ว่าเย่เสวี่ยหลิงเป็นห่วงสวี่ล่าย จึงไม่กล้าเพิกเฉยกับเรื่องนี้

“มู่เป่ยเป่ยผู้นี้มีชื่อเสียงสูงมากในเมืองเฟิงหยู คนตั้งฉายาว่าเทพธิดาน้อยน่ารัก แต่คนที่รู้จักนางจริงๆ จะรู้ว่าเบื้องหลังความน่ารักนี้ มันซ่อนวิชาพิษอันร้ายกาจเอาไว้”

“ใช้...ใช้พิษงั้นหรือ!?” เย่เสวี่ยหลิงได้ยิน ตกใจขึ้นมาทันที

“ถูกต้อง ทักษะการวางยาพิษของมู่เป่ยเป่ยเกือบจะดีที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ตระกูลมู่ คนผู้นี้สามารถใช้พิษอย่างเงียบเชียบ หลายคนที่ได้สู้กับนาง มักหลงใหลและสับสนไปกับภาพลักษณ์ที่น่ารัก สุดท้ายก็เจ็บตัวไปตามระเบียบ”

เหยาว่านซินแบ่งปันข้อมูลที่เธอรู้อย่างระมัดระวัง เปิดเผยแก่เย่เสวี่ยหลิง

“แบบนั้นมัน ...” ความคิดในหัวของเย่เสวี่ยหลิงพันกันยุ่งเหยิง แทบรอไม่ไหวที่จะวิ่งไปบนเวทีเพื่อบอกสวี่ล่ายด้วยตัวเอง

“พี่สาวอย่าตื่นตระหนกไป เท่าที่น้องสาวรู้ พลังรบในตอนนี้ของคุณชายสวี่จัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ตราบใดที่ระมัดระวัง เขาก็น่าจะสบายดี”

เหยาว่านซินรีบพูดเพื่อปลอบโยน อย่างไรก็ตาม มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นบนเวที

ปุก ปุก!

สวี่ล่ายรู้สึกภาพตรงหน้าพร่ามัว สองขาสูญสิ้นเรี่ยวแรงอย่างกะทันหัน คุกเข่าลงกลางเวที

“ไม่ ...ไม่ได้การ!”

“อ้าวๆ แบบนี้ไม่ใช่กระมัง เจ้ารีบคุกเข่ายอมพ่ายแพ้เร็วปานนี้เชียว? เราสตรียังเล่นไม่หนำใจเลย ...”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด