บทที่ 50
บทที่ 50
สวี่เหยาหวู่ไม่สามารถเผชิญกับสายตาของสวี่ล่ายได้ ยกสองมือยอมแพ้อย่างรวดเร็ว “ก็ได้! ลุงสองยอมแล้ว ข้าจะไปลงเดิมพันในตลาดมืด ว่าเจ้าจะชนะ!”
สวี่เหยาหวู่พูดจบก็หันหลังและวิ่งออกไป
“สวี่เปา”
“ข้าอยู่นี่!”
“พูดมา เจ้าวางเดิมพันไปเท่าไหร่?” สวี่ล่ายหันไปมองสวี่เปา
“นาย...นายน้อย ข้าเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของข้าว่าท่านจะชนะ ข้า... ข้าลงหินดวงดาวไป 28 ก้อน” สวี่เปารายงานจำนวนลงเดิมพันอย่างสั่นสะท้าน
“อะไรนะ แค่ 28 ก้อนเองหรือ?” สวี่ล่ายกลอกตา ทั้งโกรธทั้งขำในใจ
“นายน้อย นั่นคือทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว” สวี่เปายิ้มอย่างขมขื่น อีกนิดเดียวก็จะคุกเข่าสาบานแล้ว
“เอาล่ะๆ เจ้าทำได้ดีมาก” สวี่ล่ายรู้ว่าสาวกทั่วไปที่ไม่มีภูมิหลังของครอบครัว มีหินดวงดาวจำนวนนี้ได้ก็ถือว่ามากแล้ว เขาเลยยอมเอ่ยชมเชย ยกนิ้วโป้งให้
“เฮ่ะ เฮ่ ส่วนข้าลงหินดวงดาวให้ท่าน 32 ก้อน” สวี่เปียวพอได้ยินว่าตัวเองเดิมพันเยอะกว่า ก็ยิ้มแป้นวิ่งมารับความดีความชอบทันที
“ทำได้ดีมาก” สวี่ล่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้นความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในใจเขา แผนการเสี่ยงโชคจึงบังเกิดขึ้น
“สวี่เปา”
“นายน้อย”
“เรียกพี่น้องทุกคนมาที่นี่ ข้ามีแผนการใหญ่ที่จะสร้างโชคลาภ...”
สวี่ล่ายเรียกองครักษ์ทั้งหมดมามุงกันรอบตัวตน จากนั้นกระซิบพึมพำอยู่พักหนึ่ง
“อะไรนะ!”
“ไม่มีทาง!?”
องครักษ์กว่าสามสิบคนได้ยิน ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันใด แสดงท่าทางไม่อยากเชื่อ
“เบาเสียงหน่อย อย่าให้ใครได้ยิน!” สวี่ล่ายโบกมือ หยุดความสงสัยของเหล่ารุ่นเยาว์ในตระกูล
สวี่เปาอ้าปากกว้าง จากนั้นเขาก็ถามด้วยเสียงต่ำ “นายน้อย... นายน้อย ท่าน... ท่านได้เงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”
“นายน้อยของเจ้ามีความเฉียบแหลมทางการค้าสูงมาก ถ้าอยากเป็นคนรวยเหมือนข้า จงทำตามที่สั่ง หลังจากจบงานแล้ว พวกเจ้าจะได้รับส่วนแบ่งรางวัลกันคนละหนึ่งในสิบส่วน!” สวี่ล่ายยื่นนิ้วชี้ออกมา
อึก!
องครักษ์ทุกคนฟัง ต่างอดกลืนน้ำลายไม่ได้
“เอาล่ะๆ รีบไปจัดการซะ” สวี่ล่ายพูดจบ ก็มอบแหวนมิติให้สวี่เปา
“วางใจได้เลยนายน้อย ข้าสวี่เปาสาบานว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!” สวี่เปาตบหน้าอกตัวเองเสียงดังปึก
“ดีมาก พวกเจ้าไปได้” สวี่ล่ายยิ้มเล็กน้อย โบกมือให้ทุกคน
“ขอรับ!”
“เจ้าค่ะ!”
องครักษ์ทั้ง 29 คนออกจากอัฒจันทร์ฝั่งตะวันออกอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของสวี่เปา
“เฮ้ย แบบนี้ไม่ยุติธรรม!” สวี่ซินหยูมององครักษ์ทั้งหมดจากไป เอ่ยปากประท้วงทันที
“ไม่ยุติธรรมยังไง?” สวี่ล่ายกลอกตา
“พวกเขาได้รับหินดวงดาวมากมาย แต่ข้าไม่ได้เลย”
“ใช่ เจ้ามีอาวุธระดับสมบัติชั้นยอดอยู่ในมือ แต่ข้าไม่มีเลย” สวี่ล่ายเท้าสะเอวเลียนแบบสวี่ซินหยู
“ข้า…” สวี่ซินหยูอ้าปากกว้าง แต่เมื่อคิดถึงอาวุธระดับสมบัติชั้นยอดในมือที่โดดเด่นกว่าใคร สุดท้ายก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจก็ยังมีความไม่เต็มใจอยู่บ้าง
“แต่ก็นะ ในเมื่อเจ้าเป็นองครักษ์ที่แกร่งที่สุดของข้า ดังนั้นข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างเลวร้าย หากเจ้าชนะการประลองรอบแรก ข้าจะให้หินดวงดาวขั้นต้น 100 ก้อนแก่เจ้าเป็นรางวัล หากเจ้าชนะสองรอบติด หินดวงดาวจะเพิ่มเป็นสองเท่า ชนะสามครั้งติดก็เพิ่มอีกเท่านึง ...”
“อะไรนะ!” สวี่ซินหยูได้ยินว่ามีรางวัล ก็หายจากความเสียดายในพริบตา
“ชนะรอบแรกก็ได้ไป 100 ก้อน รอบที่สองก็ 200 ก้อน”รอบที่สามก็ 400 รอบที่สี่ก็ 800 รอบที่ห้าก็ ... ก็ ...” สวี่หวู่นับเงินด้วยนิ้วมือ
“เจ้างี่เง่า รอบห้าคือ 1,600 หินดวงดาว รอบที่หกเท่ากับ 3,200 หินดวงดาว ส่วนเจ็ดก็ ...” สวี่ซินหยูพอพูดถึงเงิน ทันใดนั้นก็ดูมีจิตวิญญาณขึ้นมา
“เหอะ ยังเป็นสตรีที่คลั่งไคล้เงินเหมือนเคย” สวี่ล่ายส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“นายน้อย ท่านดูนั่น ...” จู่ๆสวี่หูก็ชี้ไปทางอัฒจรรย์ทิศเหนือ
ณ ขณะนี้ ร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นบนอัฒจันทร์ฝั่งเหนือ
“หืม? คนจากตระกูล หลิว...” สวี่ล่ายหน้ามุ่ย สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการเห็นได้ปรากฏกายขึ้นแล้ว
เห็นเพียงท่านอ๋องหลิวเดินนำ ‘ตัวปัญหา’ หลิวเฟยเยี่ยน เหยาว่านซิน และ .... เข้ามา
“เสวี่ยหลิง!?” สวี่ล่ายเห็นผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างๆเหยาหว่านซินได้อย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว ผู้หญิงในชุดขาวข้างๆเหยาว่านซินไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้หญิงที่สวี่ล่ายทุ่มเทพยายามอย่างหนักเพื่อแต่งงานด้วย——เย่เสวี่ยหลิง!
เห็นเพียงเย่เสวี่ยหลิงในชุดยาวสีขาว เรียบง่ายและบริสุทธิ์ มวยผมสีดำสวยป้ายพาดไหล่ลงมาถึงอก บริสุทธิ์และน่ารักราวกับสาวน้อยในมังกรหยกที่เขียนโดยกิมย้ง
การปรากฏตัวของเย่เสวี่ยหลิงได้ดึงดูดความสนใจของนักบู๊ทุกคนในที่นี้ทันที สมาชิกของตระกูลใหญ่และนิกายต่างๆพากันชี้นิ้วมา เริ่มพูดคุยกัน
สวี่ล่ายมองดูคู่หมั้นที่เขาไม่เคยพบมาก่อนอย่างถี่ถ้วน แน่นอน แม้สวี่ล่ายคือผู้ข้ามมิติ แต่ในความทรงจำของ ‘สวี่ล่าย’เย่เสวี่ยหลิงมีสถานะที่พิเศษมาก
ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องมากจาก ‘สวี่ล่าย’ ขาดการดูแลเอาใจใส่จากความรักของมารดาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเย่เสวี่ยหลิงซึ่งอายุมากกว่าตัวเองสามปีปรากฏตัวขึ้น มันก็ได้เติมช่องว่างที่ขาดความรักของแม่แก่เขา
เย่เสวี่ยหลิงเป็นเหมือนพี่สาวที่คอยห่วงใยตัวเอง ดูแล ‘สวี่ล่าย’ อย่างพิถีพิถัน แม้ว่าทั้งสองจะถูกผูกมัดด้วยโซ่ตรวนของการแต่งงาน แต่ในใจของ ‘สวี่ล่าย’เย่เสวี่ยหลิงไม่ใช่แค่คู่หมั้น แต่ยังเป็นพี่สาวที่อ่อนโยนและใจดี
แม้ว่า ‘สวี่ล่าย’ ของโลกนี้จะถูกฆ่าตายในป่าหมอก และถูกตัวเขาเข้ามาแทนที่ แต่สำหรับสำหรับพี่สาวผู้อ่อนโยนผู้นี้ มันทำให้เขาเกิดความรู้สึกไม่ต่างกัน
ในชาติที่แล้ว สวี่ล่ายผู้เติบโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และยังเคยได้รับการดูแลจากพี่สาวใจดีคล้ายๆกัน แต่น่าเสียดายที่ในที่สุดพี่สาวก็จากไปเพราะอาการเจ็บป่วย นี่เป็นหนึ่งในความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของสวี่ล่าย
สวี่ล่ายซึ่งเดินทางข้ามมิติมา เมื่อได้เห็นการปรากฏตัวของเย่เสวี่ยหลิงมันก็ได้ไปรื้อฟื้นความทรงจำชาติที่แล้วอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้มันเลยทำให้เขาสาบานว่าจะปกป้องความรักที่ไม่ใช่ของตนเองเอาไว้ให้จงได้!
ณ ขณะนี้ สวี่ล่ายเห็นเหยาว่านซินพึมพำเบาๆ ในหูของเย่เสวี่ยหลิง ร่างของเย่เสวี่ยหลิงสั่นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองทางนี้……
และดวงตาสองคู่ก็สบกันอย่างกะทันหัน อารมณ์ที่พูดยากก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ
“ล่ายเอ๋อ!”
ริมฝีปากของเย่เสวี่ยหลิงสั่นเล็กน้อย แม้จะไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา แต่สวี่ล่ายสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกของเย่เสวี่ยหลิงอย่างชัดเจน
“พี่สาวเสวี่ยหลิง...” มุมปากของสวี่ล่ายกระตุกเล็กน้อย ในที่สุดข้าก็ได้เห็นนางเอกเบอร์หนึ่งที่เฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืน
“ล่ายเอ๋อเจ้าจะสบายดีไหม” เย่เสวี่ยหลิงมีน้ำตาคลอเบ้า และริมฝีปากของเธอขยับเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะมีคนนอกอยู่ที่นี่ เกรงว่าน้ำตาคงร่วงโรยเหมือนสายฝน
“อา น้องชายสบายดี พี่สาวไม่ต้องห่วง จบงานประลองวันนี้ จะเป็นวันที่พี่ข้าน้องชายแต่งงานกับพี่สาว เชื่อข้าสิ ข้าชนะได้แน่นอน!” สวี่ล่ายพูดจบ ก็เผยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ
“อืม ข้ารอเจ้าอยู่!” เย่เสวี่ยหลิงกัดริมฝีปากของเธออย่างตื่นเต้น จากนั้นก็พยักหน้าอย่างช้าๆ
ทุกวันนี้ เย่เสวี่ยหลิงได้รับข่าวจากเซียวเซียว ได้เรียนรู้ถึงหลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับสวี่ล่ายเมื่อเร็วๆ นี้
การต่อสู้ดุเดือดที่ร้านอาหาร การประลองที่ศาลาสิบลี้ แม้แต่เรื่องที่สวี่ล่ายก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยงร้อยที่นั่งของชนชั้นสูง เธอก็ยังรู้
เธอกระจ่างแจ้งแล้ว ว่าน้องชายที่ข้ารักและดูแลมาตั้งแต่เด็กจนโต ในที่สุดก็เติบใหญ่ และกระทั่งสามารถฝากชีวิตได้แล้ว!
สวี่ล่ายพอใจมาก เห็นได้จากบทสนทนาที่เรียบง่ายเพียงไม่กี่ประโยคของเย่เสวี่ยหลิง ก็บอกได้ว่า ความอ่อนโยนและสง่างามในความทรงจำเป็นของจริง
สวี่ล่ายได้ข้อสรุปแล้ว ว่าที่เขาทุ่มเทฝึกฝนไปนั้นสูญเปล่า เขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งหมด เพื่อคว้าสาวงามนางนี้มาเคียงคู่ แม้จะต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกก็คุ้มค่า!
สวี่ล่ายยังต้องการที่จะพูดอีกสองสามคำกับเย่เสวี่ยหลิง อย่างไรก็ตาม หลิวเฟยเยี่ยน ได้เห็นฉากนี้ จึงขยับตัวมาขวางสายตาของทั้งสอง และพูดไม่กี่คำกับเย่เสวี่ยหลิง ทันทีที่ประโยคเหล่านี้เปล่งออกมา ท่าทีของเย่เสวี่ยหลิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตา หน้านิ่งไม่พูดจา ไม่กล้าสนทนาทางไกลกับสวี่ล่ายอีกต่อไป
“ให้ตายเถอะ! สตรีสกุลหลิว บิดาไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า!” สวี่ล่ายกัดฟัน จดจำความแค้นนี้ไว้ในใจ
สวี่ล่ายไม่ใช่สุภาพบุรุษ ผู้ใดสร้างความแค้น ต่อให้เป็นสตรี เขาก็จะสนองมันกลับคืน ตอนนี้ตระกูลหลิวกำลังสร้างปัญหาให้กับตัวเองทุกที่โดยไม่มีเหตุผล ความเกลียดชังนี้ถูกหล่อหลอมจนเกินปกปิด ไม่ช้าเขาต้องเอาคืนอย่างสาสม
“นายน้อย อย่าวู่วาม เอาไว้รอจนทุกอย่างจบลง ค่อยหาโอกาสชำระบัญชีก็ยังไม่สาย!”
สวี่หูด้านข้าง เห็นความโกรธแผดเผาทั้งตัวของสวี่ล่ายตั้งนานแล้ว กลัวว่าเขาคิดจะทำอะไรโง่ๆ ด้วยเหตุนี้จึงรั้งสวี่ล่ายไว้ และเตือนเขาให้รักษาอารมณ์
“อืม ข้ารู้แล้ว” สวี่ล่ายกัดฟัน พยักหน้าช้าๆ ระงับความโกรธในใจ
“นายน้อย ไม่ต้องกังวล บริวารทั้งสามจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปูทางให้ท่านคว้าชัยชนะ”
ณ ขณะนี้ สถานที่จัดงานประลองเตรียมพร้อมแล้ว ท่านอ๋องหลิวค่อยๆลุกขึ้นและพูด
“เราอ๋องหลินว่านหาว ในนามของตระกูลราชาแห่งรัฐต้าหยาน รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานประลองการเกณฑ์ทหารในรอบสิบปีนี้ ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนและความรักจากทุกตระกูลและนิกาย!”
ท่านอ๋องหลิวเพิ่งพูดจบ ทั่วทั้งสถานที่จัดงานประลองก็เกิดเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น
“ขอบคุณ ขอบคุณทุกท่าน!” หลิวว่านห่าวโบกมือ เมื่อเสียงปรบมือหยุดลง เขาพูดต่อ “วันนี้เป็นงานประลองเกณฑ์ทหารสิบปีของรัฐต้าหยาน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของปีก่อนๆ สาวกทุกคนที่เข้าร่วมการเกณฑ์ทหาร ต้องต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว”
“แน่นอน ผู้ชนะคนสุดท้าย นอกจากจะมีรางวัลตอบแทนที่สูงมากแล้ว ยังจะได้รับการแต่งตั้งจากประมุขนักสู้คนปัจจุบัน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารเหรินหยง และยังทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของกองทหารรักษาพระองค์แห่งรัฐต้าหยานอีกด้วย! และเจ้ายังสามารถนำองครักษ์ในตระกูลเจ้าไปรับใช้ภายใต้กองทัพธงดำได้เช่นกัน”
ได้ยินแบบนี้ สวี่ล่ายตกตะลึง ถามสวี่หูข้างๆอย่างอยากรู้อยากเห็น “สวี่หู กองทัพธงดำนี่มีไว้ทำไม?”
สวี่หูไม่กล้าละเลย ลดศีรษะลงและตอบว่า “เรียนนายน้อย ท่านอย่าได้ดูถูกกองทัพธงดำ พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นชนชั้นยอดในบรรดาชนชั้นยอดที่มาจากตระกูลและนิกายต่างๆ มีเพียงสิบอันดับแรกในงานประลองการเกณฑ์ทหารเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม”
“ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อสมาชิกคนใดคนหนึ่งในตระกูลเข้าสู่กองทัพธงดำได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าทั้งตระกูลจะได้รับการดูแลจากรัฐต้าหยาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดสรรทรัพยากร หรือสถานะทางการเมือง มีแม้กระทั่งตระกูลที่ผงาดขึ้นในชั่วข้ามคืนเพราะได้รับสิ่งนี้”
หลิวว่านห่าวถอนหายใจหลังจากพูด มองตัวแทนของตระกูลและนิกายสำคัญโดยรอบ ในที่สุดสายตาตัวเองก็หยุดอยู่ที่สวี่ล่าย
“แน่นอน ผู้ชนะงานประลองรอบสุดท้ายของเรา จะสามารถแต่งงานกับคุณหนูเย่แห่งตระกูลเย่ได้ ....”