ตอนที่แล้วบทที่ 46
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48

บทที่ 47


วันนี้ลง 47 48 49 50 51

บทที่ 47

“โฮ่ โฮ่ ยอดเยี่ยม สหายน้อยฟางเซี่ยนตอบตกลงแล้ว ค่อยโล่งอกหน่อย”

หลังจากได้ยินคำตอบของสวี่ล่ายหลินเซิ่งเว่ยมีความสุขเป็นทวีคูณ

“เอ๋? ไม่ใช่ ข้า... ข้าแค่บอกว่าอาวุโสกิตติมศักดิ์ก็ฟังดูดี แต่ยังไม่ได้ตอบตกลง”สวี่ล่ายเกาหัว แกล้งโง่อยู่ข้างๆ

“อะไรนะ ยัง... ยังไม่ตกลง เงื่อนไขที่ดีแบบนี้เจ้าทําไมถึง....”หลินเซิ่งเว่ยที่กำลังอารมณ์ดี กลายเป็นตื่นตกใจทันที

หลินเซิ่งเว่ยมั่นใจในเงื่อนไขที่เขาเสนอนั้นมากเกินไปด้วยซ้ำ แต่นึกไม่ถึงว่าสวี่ล่ายจะไม่สนใจ เรื่องนี้ทำให้อารมณ์สุขของเขาดิ่งลงทันที

“เด็กน้อย อย่าโลภให้มันมากนัก” หลินจื่อชิงฉวยโอกาส แทรกเข้ามาหาเรื่องเขา

“จื่อชิง! อย่าหยาบคาย”หลินเซิ่งเว่ยจ้องบังคับให้หลินจื่อชิงถอยกลับมา จากนั้นหันกลับมาถามด้วยสีหน้าอ่อนโยนว่า “ฮ่าฮ่า เช่นนั้นเอาอย่างนี้เป็นไร สหายน้อยฟางเซี่ยน หากเจ้ามีความคิดเห็นและคำขออื่นๆ แค่ลองเสนอออกมา ตราบใดที่มันอยู่ในอำนาจของผู้แซ่หลิน ข้าให้คำมั่นว่าจะพยายามทำให้เจ้าพอใจให้ได้”

สวี่ล่ายมอง และเห็นว่าปลาตัวใหญ่เกือบหลุดแล้ว หากยังไม่กระตุกเอ็น เกรงว่ามันจะดิ้นหลุดไป  ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยิ้มอย่างโง่เขลา  “แหะๆ จริงๆแล้วผู้เยาว์ไม่ได้มีความหมายอื่นใด เพียงแต่ท่านอาจารย์มีอุปนิสัยแปลกๆ หากข้ายังไม่ได้รับความยินยอมจากอาจารย์ ตอบตกลงเข้าร่วมกับตระกูลอื่นอย่างกะทันหัน เกรงว่าท่านอาจารย์จะโมโหเอาได้ ...”

“อ้อ เข้าใจ เข้าใจแล้ว โฮ่ โฮ่ ความกังวลของสหายน้อยฟางเซี่ยนนั้นถูกต้องแล้ว เช่นนั้นเอาแบบนี้ ...”หลินเซิ่งเว่ยยิ้ม นำตราหยกสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือออกจากแหวนมิติและมอบให้สวี่ล่าย

“นี่คือตราหยกที่ส่งต่อกันมาในตระกูลหลิน สหายน้อยฟางเซี่ยนโปรดรับไว้ หากสหายน้อยกลับไปพบอาจารย์เมื่อไหร่ ข้าหวังว่าสหายน้อยจะช่วยโน้มน้าวใจอาจารย์ ให้เขาตกลงยอมให้สหายน้อยฟางเซี่ยนมาทำงานที่ตระกูลหลิน ขณะเดียวกัน หากท่านอาจารย์สนใจเข้าร่วมกับตระกูลหลินด้วยก็ยิ่งดี หากเขามา พวกเราก็ยินดีปฏิบัติกับเขาไม่ต่างจากผู้อาวุโสสายตรง”

“สำเร็จแล้ว!” สวี่ล่ายลอบดีใจ แต่ภายนอกเขายังคงแสร้งทำเป็นเห็นด้วย  “ตกลง เมื่อข้ากลับถึงบ้าน จะโน้มน้าวอาจารย์ให้ ทันทีที่มีข่าว ข้าจะส่งคนไปที่ตระกูลหลินเพื่อแจ้งให้ทราบ”

สวี่ล่ายยื่นมือออกมา รับแผ่นหยกที่หลินเซิ่งเว่ยมอบให้ พลิกมองสองสามรอบ ก็เก็บใส่แหวนมิติ

“เอาล่ะ หลานชายฟาง แม่นางน่าหลัน นับจากนี้พวกเจ้าถือเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันแล้ว มารับรางวัลเถิด เชิญตามเราผู้เฒ่าไปที่ห้องเก็บสมบัติของพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล”

ปรมาจารย์ไป๋ยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินนำหน้าไป

สวี่ล่ายมีความสุขมาก อำลาผู้อาวุโสหลิน เก็บข้าวของแล้วติดตามปรมาจารย์ไป๋กับน่าหลันซือเยี่ยน

ณ ขณะนี้ หลังจากเอ่ยอำลาเหล่าผู้ประสานค่ายกล  ผู้อาวุโสตระกูลต่างๆได้แยกย้ายกันไป มีเพียงตระกูลหลินเท่านั้นที่ยังคงรออยู่

ไม่นาน ปรมาจารย์ไป๋ก็นำพวกสวี่ล่ายมาถึงห้องใต้ดินที่มืดสลัว ในห้องใต้ดินมีของจิปาถะบางอย่างที่ดูขาดรุ่งริ่งและขึ้นสนิมมานานแล้ว

“เอ๊ะ ที่นี่มัน...?”

สวี่ล่ายเพ่งดูดีๆ แล้ต้องอึ้งไปทันที

“ค่ายกลลวงตา?” น่าหลันซือเยี่ยนมองมันและพูดช้าๆ

“โฮ่ โฮ่ สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาว มองปราดเดียวก็ถูกพวกเจ้าจับได้แล้ว” ปรมาจารย์ไป๋ยิ้มเล็กน้อย หยิบตราสีหมึกออกมา

หึ่ง หึ่ง!

ตราในมือของปรมาจารย์ไป่เป็นประกาย ทิวทัศน์เบื้องหน้าจู่ๆก็ปรากฏเป็นระลอกคลื่น จากนั้นซุ้มประตูโค้งเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

“ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าเข้าไปได้ ข้างในคือห้องเก็บสมบัติ พวกเจ้าสามารถเลือกแผ่นภาพค่ายกลได้คนละชุด” ปรมาจารย์ไป๋ผายมือแสดงท่าทีว่า ‘เชิญ’

สวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างแสดงท่าทีว่า ‘เชิญ’ แล้วจึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เข้าไปในซุ้มประตู

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปในห้องสมบัติแล้ว สวี่ล่ายกลับขมวดคิ้ว “ทุกคนบอกว่าพันธมิตรประสานค่ายกลมั่งคั่งและร่ํารวย แต่ห้องเก็บสมบัตินี้มันออกจะโทรมไปหน่อยหรือเปล่า”

เห็นเพียงห้องเก็บสมบัติ มีชั้นวางหลายสิบชั้น แต่มีม้วนไม้ไผ่อยู่น้อยมาก มองอย่างไรก็ดูไม่ใช่มาตรฐานที่พันธมิตรประสานค่ายกลควรจะมี

“คิก คิก นี่ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว” น่าหลันซือเยี่ยนยิ้ม หันกลับมาและอธิบาย

“พิมพ์เขียวประสานค่ายกลมีค่ามาก ในฐานะพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล สะสมได้มากขนาดนี้ก็ถือว่ามือเติบแล้ว”

“เอ่อ ก็ข้าคิดว่าห้องเก็บสมบัติ มันควรจะเป็นห้องที่เต็มไปด้วยสมบัติ…” สวี่ล่ายเกาหัวอย่างเขินอาย

“คิก คิก เอาเถอะๆ ศิษย์พี่ฟาง สู้เราเริ่มเลือกกันเลยดีกว่า” น่าหลันซือเยี่ยนยิ้ม พร้อมผายมือ ‘เชิญ’

“ดี ศิษย์น้องน่าหลัน เชิญ” สวี่ล่ายพูดจบก็ไม่เกรงใจ ก้าวนำไปหยิบใบไผ่ม้วนหนึ่งในชั้นวางหนังสือออกมา แล้วแปะลงบนหน้าผากเพื่อตวจสอบ

“ค่ายกลไฟ ค่ายกลไฟเดือด , ค่ายกลไฟระเบิด  ...” สวี่ล่ายขมวดคิ้ว จากนั้นวางใบไผ่ลงทันที

เจ้าพวกนี้คือค่ายกลไฟในระดับหนึ่งและสองทั้งสิ้น พวกมันเกือบทั้งหมดอยู่ในมือของสวี่ล่ายอยู่แล้ว  ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สนใจ และวางม้วนไผ่กลับไป

“ส่วนอันนี้... โครงสร้างขั้นต้นของธาตุไม้ ...”

“ส่วนนี่ ค่ายกลป้องกันธาตุดินขั้นต้น ...”

ไม่นาน สวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนได้ตรวจสอบม้วนใบไผ่ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่เจออันไหนที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ

“ฮะ? นี่มัน......?” สวี่ล่ายเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชั้นวางที่อยู่ไม่ไกล มีแผ่นหยกวางอยู่

‘เจอสมบัติแล้ว!’ เห็นเจ้าสิ่งนี้ สวี่ล่ายมีความสุขมาก

แผ่นหยกมีคุณภาพมากกว่าม้วนใบไผ่ ตามปกติแล้ว จึงมักบันทึกทักษะฝึกขั้นสูงไม่ก็ทักษะลับบางอย่างเอาไว้

สวี่ล่ายยื่นมือไปคว้ามันอย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตาม การคว้าครั้งนี้ กลับดันไปจับโดนมือขาวสะอาดไร้ที่ติข้างหนึ่งแทน

“อ๊ะ~!”

“อ๊ะขอโทษที ข้าไม่ได้ตั้งใจ ...” สวี่ล่ายรีบหดแขนตัวเองด้วยความตกใจ

“ไม่… ไม่เป็นไร…” ในเวลานี้ ใบหน้าของน่าหลันซือเยี่ยนแดงก่ำ หากไม่ใช่เพราะมีผ้าคลุมหน้า เกรงว่ามันจะน่าอายยิ่งกว่านี้

“งั้น… ถ้าศิษย์น้องน่าหลันชอบ ก็รับมันไปเถอะ ...”

หัวใจดวงน้อยของสวี่ล่ายเต้นรัว อ้าปากพูดตะกุกตะกักไม่รู้จะเอ่ยอะไรดี

ชาติที่แล้วของสวี่ล่ายอ้างว่าตัวเองคงกระพันในด้านสาวงาม เคยเด็ดดมสาวๆทรงเสน่ห์นับร้อย แต่ใครจะคิดว่าวันนี้พอได้เจอกับเทพธิดาน่าหลันซือเยี่ยน จะกลายเป็นคนพูดติดอ่างไปได้

ฟุฟฟฟ

น่าหลันซือเยี่ยนหัวเราะ ไม่คิดว่าสวี่ล่ายจะประหม่ายิ่งกว่าตัวเอง

“เชิญศิษย์พี่ฟางตรวจสอบแผ่นหยกดูก่อน หากข้างในเป็นของที่ถูกใจก็รับไป เอาไว้วันหน้าถ้ามีโอกาส ข้าหวังว่าพี่ฟางจะสลักสำเนาและมอบให้ศิษย์น้อง”

พิมพ์เขียวค่ายกลขั้นสูงหรือทักษะลับบางอย่าง การคัดลอกมันจำเป็นต้องมีการสลักผนึกโดยผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล แตกต่างจากม้วนใบไผ่ที่ทำซ้ำได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เอง แผ่นหยกในห้องนี้จึงมีน้อยกว่าม้วนใบไผ่มาก

“จริงด้วย ยังมีวิธีนี้อยู่นี่นา ศิษย์น้องน่าหลันช่างหลักแหลมนัก” คำเดียวปลุกคนตื่นจากฝัน สวี่ล่ายยิ้มทันที “ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่ก็ไม่เกรงใจแล้ว”

สวี่ล่ายยื่นมือออกมา เอาแผ่นหยกแปะติดที่หน้าผาก

ติ๊ง!

แสงสีทองสว่างไสว แผ่นภาพพิมพ์เขียวประสานค่ายกลปรากฏขึ้นในใจของสวี่ล่าย

“ค่ายกลผสานวิญญาณ!?” ทันทีที่พิมพ์เขียวค่ายกลปรากฏขึ้น สวี่ล่ายตกตะลึง

แม้จะมีแผ่นภาพค่ายกลเพียงไม่กี่ใบในแผ่นหยก อย่างไรก็ตาม ในทุกๆแผ่นภาพ เกือบทั้งหมดล้วนเป็นค่ายกลที่พบเจอได้ยากในโลกหล้า

แต่พวกเราขอกล่าวถึงแค่เฉพาะค่ายกลผสานวิญญาณนี้ดีกว่า เพราะมันถือว่าเป็นที่สุดแล้ว

ไม่นาน สวี่ล่ายก็สำรวจข้อมูลคร่าวๆในแผ่นหยกจนเสร็จ และตัดสินใจทันที

“เอานี่แหละ!” สวี่ล่ายยิ้ม เอาแผ่นหยกออกจากหน้าผาก

“ดูเหมือนศิษย์พี่ฟางจะเลือกได้แล้ว เช่นนั้นศิษย์น้องขอเลือกม้วนไผ่นี้ ไว้มีโอกาสทำการสลักผนึก ค่อยมาแลกเปลี่ยนกับศิษย์พี่ฟาง” น่าหลันซือเยี่ยนยิ้มเล็กน้อย เขย่าม้วนใบไผ่ในมือ

“ตกลง อ่า ใช่ แล้วถ้าข้าสลักผนึกเสร็จ จะไปหาศิษย์น้องน่าหลันได้ที่ไหน?” จู่ๆสวี่ล่ายก็นึกถึงปัญหาพิเศษข้อหนึ่งขึ้นมาได้

“คิก คิก ศิษย์พี่ฟางตั้งใจจะเข้าร่วมกับตระกูลหลินอยู่แล้วมิใช่หรือ? อาจารย์และศิษย์น้องก็จะเข้าร่วมกับทางตระกูลหลินเช่นกัน ถึงตอนนั้นศิษย์พี่อยากมาหาข้าได้เมื่อไหร่ก็ตามใจเลย” น่าหลันซือเยี่ยนยิ้มเล็กน้อย เก็บม้วนใบไผ่ หันหลังเดินออกจากห้องสมบัติ

“โอ้ งั้นก็เอาตามนั้น” สวี่ล่ายพยักหน้า เดินตามให้ทันเธอ

“โฮ่ โฮ่ หลานทั้งสองคงเลือกเสร็จแล้ว? ดีมาก ขอเราผู้เฒ่าลงบันทึกก่อน” ปรมาจารย์ไป๋ลงบันทึกสำเนาค่ายกลในมือของสวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนทีละคน จากนั้นก็พาทั้งสองคนกลับไปที่ห้องด้านใน

“เอาล่ะ หลานทั้งสองได้ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการกับพันธมิตรเราแล้ว ในอนาคต ข้าหวังว่าเจ้าสองคนจะทำภารกิจของพันธมิตรมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น ช่วยเราหาผลประโยชน์ให้มากขึ้น”

“อะไร? นี่ยังต้องทำภารกิจอีกหรือ?” ”สวี่ล่ายกระพริบตา เกิดความรู้สึกเหมือนลงเรือโจร

“โฮ่ โฮ่ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล คือการแสวงหาผลประโยชน์จากพวกตระกูลใหญ่ มีตระกูลไม่น้อยที่มอบหมายภารกิจแก่พวกเรา ด้วยเหตุนี้ สมาชิกในสังกัดเราจึงต้องรับมันและทำให้สำเร็จ”

ปรมาจารย์ไป๋ยิ้ม อธิบายอย่างอดทน  “นอกจากนี้ ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมิได้ให้ทำเปล่าๆ ไม่ว่าจะเป็นภารกิจในระดับใด ล้วนมีรางวัลและค่าความดีความชอบสอดคล้องกับความยากง่ายของมันมอบให้”

“ค่าความดีความชอบ เมื่อสะสมได้ระดับหนึ่งแล้ว มันสามารถนำไปใช้แลกเปลี่ยนสมบัติมากมายกับทางพันธมิตรเราได้ ตัวอย่างเช่น หินดวงดาว , เตาหลอม , มีดสลักผนึก , พิมพ์เขียวค่ายกล ...”

“แน่นอน ยังสามารถนำมาใช้แลกเปลี่ยนวัสดุ อาวุธ และทักษะฝึกบางอย่างได้เช่นกัน  และสามารถนำมันไปใช้ได้กับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลทั่วทั้งรัฐต้าหยาน!”

“เอ๊ะ ดีขนาดนั้นเลย?” สวี่ล่ายดวงตาสว่างไสว อย่างไรก็ตาม ไม่นานก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัว “เอ่อ ว่าแต่ภารกิจนี้ต้องบังคับทำทุกคนเลยหรือเปล่า?”

“โฮ่ โฮ่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ถ้าหลานชายฟางไม่มีเวลา ก็ไม่ต้องสนใจมันก็ได้ แต่เราผู้เฒ่าจะบอกความลับบางอย่างให้ฟัง ....”

กล่าวถึงจุดนี้ ปรมาจารย์ไป๋ก็โน้มตัวเข้าไปข้างหูของสวี่ล่าย กระซิบเบาๆ “ภายในคลังสมบัติของพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลเรา มีพิมพ์เขียวประสานค่ายกลสิบสองสัตว์ปีศาจอยู่”

“ท่านว่ากระไร!?”

ทันทีที่สวี่ล่ายได้ยินคำค่ายกลสิบสองสัตว์ปีศาจ เลือดในสมองพลุ่งพล่านไปหมด สร่างเมาขึ้นมาทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด