ตอนที่ 55 ทะลวงระดับหลอมกระดูก
หลังใช้เวลาช่วงเช้าในการหลอมโอสถ เฉินเฟยได้อุทิศตนให้กับการบ่มเพาะพลังภายใน
ร่างกายเฉินเฟยกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเข้าออก ความร้อนที่ระหว่างเนื้อหนังค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในเส้นเอ็นและกระดูก เมื่อมันแทรกซึมจนสมบูรณ์ ในเวลานั้นจะเป็นตอนที่เฉินเฟยทะลวงระดับหลอมกระดูก
ในช่วงบ่ายถึงเย็น เฉินเฟยไม่ได้เสียเวลาออกไปฟังเพลงหรือผ่อนคลายที่หอบุปผา
ราวกับว่าเป็นนักพรตคนหนึ่ง เฉินเฟยเพียงออกไปซื้อตำราวิชายุทธ์มากมายแล้วกลับมา
เฉินเฟยผสานวิชากระบี่และพบว่ากระบี่ลายเพลิงอยู่ในระดับรู้แจ้ง ซึ่งบ่งบอกได้ว่าวิชานี้ไม่อาจก้าวหน้าได้อีก
ไม่ใช่ว่ากระบี่ลายเพลิงทรงพลัง แต่พูดได้ว่าวิชากระบี่ที่ขายในเมืองซิ่งเฝินนั้นธรรมดา และสถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับท่าร่างเช่นกัน
ดังนั้นเฉินเฟยจึงจดจ่ออยู่กับวิชาธนู
ตำราวิชาธนูสามเล่มที่ได้รับตอนอยู่ในอำเภอผิงหยินล้วนเป็นของพื้นฐาน ตอนนี้ตำราวิชาที่ซื้อในเมืองซิ่งเฝินจึงช่วยให้เฉินเฟยพัฒนาขึ้น
ง้างธนูแล้วยิงออกไป เฉินเฟยบ่มเพาะอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ในสายตาของคนภายนอกอาจมองว่าเฉินเฟยที่ผลักดันตัวเองมากเกินไปน่าจะเป็นบ้า แม้แต่ฉือเต๋อเฟิงยังอดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมให้เฉินเฟยหยุดพักหลังจากได้เห็นวิธีฝึกของเฉินเฟย
แต่เฉินเฟยรับฟังด้วยรอยยิ้มและทำต่อไป
เจ้าไม่ใช่ปลา ไหนเลยจะรู้ความสุขของปลา?
ตามจริงแล้วเฉินเฟยใช่คนขยัน แต่ด้วยความไม่มั่นคงที่เฉินเฟยได้สัมผัส เฉินเฟยจึงกระตือรือร้นที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
ในขณะเดียวกันยังรู้สึกถึงความก้าวหน้าของตัวเองได้อย่างชัดเจน เฉินเฟยหมกหมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่าเขาจะได้รับผลตอบแทนทุกครั้งที่หลั่งเหงื่อ
เฉินเฟยเองไม่ได้รู้สึกว่ามันยากเย็นและยังสนุกไปกับมัน เมื่อรู้สึกสนุกไปกับมันย่อมยืนหยัดทำสิ่งนั้นได้จนจบ
ผ่านไปสิบวันในพริบตา เฉินเฟยอยู่ในเมืองซิ่งเฝินนานกว่ายี่สิบวัน
ในห้องหลอมโอสถ เฉินเฟยมองเตาหลอมโอสถตรงหน้า รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสมุนไพรในเตาหลอมและใช้พลังภายในปรับแต่งมัน
ในเวลาต่อมา กลิ่นหอมสมุนไพรเริ่มอบอวลในห้องหลอมโอสถและกระจายไปถึงลานบ้านผ่านช่องว่างประตู
ผ่านไปหนึ่งเค่อ เฉินเฟยใช้ทักษะตบลงบนฝาเตา เฉินเฟยพยายามมองดูด้านในท่ามกลางเสียงอู้อี้ โอสถเม็ดหนึ่งปรากฏในสายตา
“สำเร็จ!’
เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม เมื่อฉือเต๋อเฟิงที่รออยู่ด้านข้างได้ยินคำพูดของเฉินเฟยจึงเดินมาดูเฉินเฟยหยิบโอสถออกมาจากเตา
“ลองไหม?”
เฉินเฟยมอบโอสถให้ฉือเต๋อเฟิง ฉือเต๋อเฟิงรับมาดูอย่างระวัง
จะเห็นว่ามีกากสมุนไพรยังไม่ได้ผสมอยู่โอสถ ดังนั้นโอสถจึงมีพื้นผิวต่างกัน หากนำมันไปขายคงไม่มีนักยุทธ์คนใดซื้อเว้นแต่ราคาดำดิ่ง
ฉือเต๋อเฟิงขอความเห็นเฉินเฟยผ่านสายตา เมื่อเห็นเฉินเฟยไม่คัดค้านเขาจึงขูดโอสถเล็กน้อยเทใส่ปาก ครู่ต่อมา ฉือเต๋อเฟิงลืมตามองเฉินเฟยอย่างไม่อยากเชื่อ
“ว่าอย่างไร?” เฉินเฟยถาม
“มันคือโอสถเหนือสามัญ” ฉือเต๋อเฟิงพยักหน้ายืนยัน
“อีกไม่นานคงนำโอสถเหนือสามัญไปขายได้” เฉินเฟยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“จริงหรือ!”
การเฝ้าดูเฉินเฟยตั้งแต่คาดเดาสูตรจนถึงตอนหลอมโอสถเหนือสามัญทำให้ฉือเต๋อเฟิงไม่สงสัยว่า เฉินเฟยจะหลอมโอสถเหนือสามัญที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้หรือไม่
“อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เราอาจขายโอสถในเมืองซิ่งเฝินไม่ได้” ฉือเต๋อเฟิงคืนโอสถเหนือสามัญให้เฉินเฟย
“มีปัญหามาถึงประตูบ้านหรือ?”
เฉินเฟยไม่แปลกใจ ตราบใดที่เกิดความสนใจย่อมมีปัญหาตามมา ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ขายโอสถ ใครก็ตามที่เข้าใจเรื่องนี้ย่อมรู้ว่าธุรกิจนี้ทำกำไรมหาศาล
โอสถจิตเบาที่เฉินเฟยหลอมมีคุณภาพดีและฤทธิ์ยาแรง บอกได้ทันทีว่ามีนักหลอมโอสถเก่งกาจอยู่เบื้องหลัง
ปัญหามาถึงหน้าประตูบ้าน พูดได้คำเดียวว่าผู้คนในเมืองใหญ่ต้องระวังการกระทำมากขึ้น คนพวกนั้นคงรู้ว่าฉือเต๋อเฟิงไม่ได้มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่จึงกล้าลงมือ
“ในเมืองซิ่งเฝินมีกลุ่มหนึ่งชื่อกลุ่มผิวน้ำ ธุรกิจของเราตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน”
ฉือเต๋อเฟิงไปนั่งบนเก้าอี้ มองหน้าเฉินเฟยแล้วพูด “หลายวันนี้พวกมันส่งคนมาติดตามข้า พวกมันคงหมดความอดทน”
“เช่นนั้นไม่ต้องขาย รอให้กองคาราวานเซียนเมฆามาถึง”
เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบกลับ การขายโอสถมากกว่ายี่สิบวันทำเงินให้เขามากมาย
เฉินเฟยกลับไปที่ร้านค้าในตรอกนั้น นอกจากกระบี่แล้วเขาซื้อของทั้งหมดอย่างละหนึ่งชิ้นและซื้อเทียนแดงสองเล่ม
และเงินที่เหลือ ส่วนหนึ่งถูกฝากไว้ที่ระบบ ส่วนหนึ่งแลกเป็นตั๋วเงิน และเหลือเงินบางส่วนไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน
เงินที่มีในตอนนี้เพียงพอสำหรับใช้ในช่วงสั้นๆ
หลังจากนี้รอจนกว่าจะไปเมืองเซียนเมฆา เมื่อเข้าร่วมเป็นศิษย์ของสำนักนิกายก็จะมีผู้หนุนหลังและไม่ต้องนิ่งเฉยอีกต่อไป
“ข้าต้องการบอกเจ้าแบบนั้นเช่นกัน”
เมื่อเห็นเฉินเฟยไม่คัดค้านฉือเต๋อเฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ในฐานะผู้มีประสบการณ์โชกโชน ฉือเต๋อเฟิงจึงเคยเห็นการฆ่าด้วยความแค้นที่ทำกำไรได้มากเกินไป สิ่งสำคัญคือพวกเขาเป็นคนนอกเมืองซิ่งเฝิน ด้วยฐานะคนนอกจึงง่ายต่อการมีปัญหาขัดแย้งกับกลุ่มในท้องถิ่น
ฉือเต๋อเฟิงอาจโลภเงิน แต่เขาไม่ยอมสละชีวิตเพื่อเงิน
แน่นอนว่าเฉินเฟยสามารถขายโอสถให้ร้านค้าได้ แต่เขาตกเป็นเป้าหมายกลุ่มผิวน้ำและไม่รู้ว่าร้านใดเกี่ยวข้องกับกลุ่มผิวน้ำบ้าง เมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจโดนใครบางคนขายข้อมูล
ได้เงินน้อยลงแต่อันตรายไม่น้อยตาม นั่นจึงเป็นธรรมดาที่เฉินเฟยไม่ทำต่อ
หนึ่งเดือนผ่านไป เป็นเวลาเกือบสองเดือนที่มาถึงเมืองซิ่งเฝิน กองคาราวานเซียนเมฆายังไม่มา ในช่องมิติเฉินเฟยเก็บโอสถจิตเบาไว้หลายร้อยเม็ด
จากการทำสูตรโอสถเหนือสามัญเป็นแบบง่าย ตราบใดที่หลอมโอสถจิตเบาจะทำให้ก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นความชำนาญจึงมาถึงระดับเชี่ยวชาญ
ส่วนเรื่องการใช้โอสถเหนือสามัญเฉินเฟยย่อมพึ่งพาตัวเอง ที่สำคัญกว่านั้น ในขณะที่ความชำนาญของเคล็ดตระหนกกลืนกินเข้าใกล้ระดับรู้แจ้ง ตอนนี้เฉินเฟยสามารถกินโอสถเหนือสามัญได้สี่เม็ดต่อวัน
ด้วยผลลัพธ์จากสิ่งนี้ การทะลวงระดับหลอมกระดูกที่น่าจะต้องใช้เวลาสามเดือนจึงได้มาถึงจุดเปลี่ยน
[ระดับ: ขัดเกลากล้ามเนื้อ(9976/10000)]
เฉินเฟยมองระบบและหยิบโอสถเหนือสามัญออกมากิน
โอสถเหนือสามัญละลายในปาก คลื่นความร้อนแผ่ขยายภายในร่างกาย
เคล็ดตระหนกกลืนกินหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ส่งพลังโอสถไปยังทุกส่วนของร่างกายโดยเฉพาะเนื้อหนังซึ่งมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ
มุมมองภายใน ในขณะนี้จะเห็นร่องรอยพลังในกล้ามเนื้อซึ่งกำลังบีบเอ็นและกระดูกอยู่ตลอดเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ความรุนแรงของการบีบกดนี้เพิ่มมากขึ้น
“ปึง!”
ราวกับจิตวิญญาณสั่นสะเทือน เฉินเฟยลืมตาขึ้นทันที
ยืนขึ้นจากพื้น เสียงเอ็นและกระดูกดังก้องไปทั่วห้องหลอมโอสถ ร่างเฉินเฟยสูงขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเทียบกับรูปร่างผอมคล้ำในตอนต้น เฉินเฟยในตอนนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิง
[ระดับ: หลอมกระดูก(3/100000)]
“มีคนอยู่หรือไม่? มีคนหรือไม่?”
เสียงเคาะประตูดังมาจากนอกลานบ้าน เฉินเฟยเดินออกจากห้องหลอมโอสถไปเปิดประตู
“ท่านคือเฉินเฟยใช่ไหม?”
หนุ่มน้อยยืนเลียผลไม้หวานอยู่นอกประตู เงยหน้ามองเฉินเฟยแล้วถาม
“มีอะไรหรือ?”
“ลุงฉือบอกให้หนี!”