ตอนที่ 341 บ้านของเรา
ตอนที่ 341 บ้านของเรา
“ไม่ทราบว่าคุณต้องการเช่าอาคารนี้เลยหรือไม่ครับ?” นายหน้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์กล่าวถามขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย
“ทำเลของอาคารนี้ดีมาก แต่ฉันต้องการดูพื้นที่ภายในก่อนค่อยตัดสินใจ” เซี่ยเฟยกล่าว
นายหน้าหนุ่มทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ เพราะท้ายที่สุดลูกค้าของเขาในคราวนี้ก็เป็นเด็กหนุ่มผู้สวมชุดกีฬาที่ดูเรียบง่ายกับชายสูงอายุที่ถือไม้เท้าอยู่ในมือ
ถึงแม้ว่าชุดสูทขนสัตว์ของอันเดร์จะเป็นชุดที่หรูหราสำหรับชาวโลก แต่มันไม่ได้มีความนิยมมาจนถึงกลุ่มดาวนครหลวงด้วย นายหน้าอสังหาริมทรัพย์จึงมองเซี่ยเฟยกับอันเดร์ไม่ต่างไปจากชนกลุ่มน้อยที่เดินทางมาจากชนบท
การจะมาทำงานในตำแหน่งนี้ได้มันก็หมายความว่าเขาจะต้องดูลักษณะท่าทางของลูกค้าได้มากพอสมควร นายหน้าหนุ่มจึงทำได้เพียงแต่รู้สึกผิดหวัง เพราะเขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถหาเงินจากการให้บริการเซี่ยเฟยได้
“ทำเลของอาคารนี้ดีมาก พื้นที่ฝั่งตะวันตกอยู่ติดกับถนนมอลฟลอนแล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางไปยังสนามบินเพียงแค่ 5 นาที นอกจากนี้มันยังถูกล้อมรอบด้วยบริษัทชั้นนำของพันธมิตร…”
จู่ ๆ นายหน้าหนุ่มก็หยุดพูดขึ้นมากลางคัน หลังจากที่เขานึกออกว่าการพูดคุยกับคนบ้านนอกอย่างเซี่ยเฟยเป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่า
“ถึงทำเลของตึกนี้จะค่อนข้างดีแต่มันก็เป็นตึก 28 ชั้นที่พื้นที่แต่ละชั้นมีขนาด 1,500 ตารางเมตร คุณแน่ใจเหรอว่าจะดูข้อมูลของอาคารนี้ต่อ?” นายหน้าหนุ่มกล่าวถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
การกระทำของนายหน้าทำให้อันเดร์ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่านายหน้าตรงหน้ากำลังดูถูกพวกเขาอยู่และเริ่มพูดจาราวกับว่าพวกเขาไม่มีปัญญาที่จะเช่าอาคารในดาวดวงนี้
“ดูต่อสิ เชิญคุณให้ข้อมูลต่อได้เลย” เซี่ยเฟยยังคงกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับท่าทางการดูถูกของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามนายหน้าหนุ่มกลับเปิดประตูห้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับเซี่ยเฟยและอันเดร์อย่างหมดความอดทน
“พวกคุณรีบกลับไปดีกว่า ผมยังมีลูกค้ารายอื่นที่ต้องกลับไปดูแล”
ท่าทางอันหยาบคายของนายหน้าทำให้อันเดร์แทบจะระเบิดอารมณ์โกรธของตัวเองออกมา แต่เซี่ยเฟยได้ห้ามชายชราเอาไว้ก่อน
“พวกเราขึ้นไปดูชั้นบนกันเถอะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนจะนำอันเดร์เดินไปยังพื้นที่ชั้นบนของอาคาร เพื่อสำรวจโครงสร้างและการตกแต่งภายใน
“อาคารหลังนี้ใช้ได้เลย โครงสร้างอาคารเป็นโลหะผสมที่แข็งแรง วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างก็สวยงาม นอกจากนี้มันยังมีสวนบนชั้นลอยเอาไว้ให้พนักงานได้พักผ่อนด้วย แต่บริษัทของเราคงจะต้องใช้เวลามากพอสมควรถึงจะเริ่มใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ของอาคารนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” อันเดร์กล่าวหลังจากที่ได้เดินชมพื้นที่ภายในของอาคาร
“ไอ้พวกนี้มันหน้าด้านจริง ๆ ถ้าไม่มีเงินแล้วทำไมไม่รีบกลับไปวะ!” นายหน้าหนุ่มพึมพำกับตัวเองด้วยความไม่พอใจ
“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?!” ในที่สุดอันเดร์ก็ทนพฤติกรรมของพนักงานคนนี้ไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นอย่างแรงพร้อมกับตะโกนถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ฉันคิดว่ามนุษย์ในนครหลวงจะมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ซะอีก ที่แท้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนมันก็มีพนักงานเฮงซวยอยู่เหมือนกันหมด!!”
“พนักงานเฮงซวย?! แกน่ะสิตาแก่เฮงซวย! ถ้าไม่มีเงินก็กลับไปสิวะจะมากวนเวลาทำมาหากินของคนอื่นไปทำไม!!” นายหน้าหนุ่มตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับเดินไปห้ามปรามอันเดร์เอาไว้ จากนั้นเขาก็เปิดระบบสื่อสารเพื่อติดต่อไปยังคนคนหนึ่ง
“บริษัทจิ่วเทียนอสังหาริมทรัพย์ใช่ไหมครับ? รบกวนผมขอเรียนสายผู้จัดการคงหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวกับพนักงานสาวสวยอีกด้านของระบบสื่อสาร
การกระทำนี้ทำให้นายหน้าหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย เพราะบริษัทจิ่วเทียนอสังหาริมทรัพย์คือบริษัทที่เขาทำงานอยู่
‘เด็กคนนี้รู้จักกับเจ้านายของเขางั้นเหรอ?’
“ไม่ทราบว่าคุณได้นัดล่วงหน้าเอาไว้ไหมคะ?” พนักงานสาวกล่าวถาม
“ผมชื่อเซี่ยเฟยเป็นประธานบริษัทควอนตัมซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร พอดีผมมีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับผู้จัดการของคุณ แต่ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมหาคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนเขาก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
นายหน้าหนุ่มเริ่มตระหนักถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ในทันที เพราะแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าการเป็นซัพพลายเออร์ระดับ A ของกลุ่มทหารหมายความว่าอะไร มันจึงเริ่มมีเหงื่อค่อย ๆ ไหลซึมออกมาตามใบหน้าและแผ่นหลังของเขา
ตัวตนของซัพพลายเออร์ระดับ A ทุกคนต่างก็ล้วนแต่เป็นตัวตนที่ไม่สามารถจะมองข้ามได้ พนักงานต้อนรับสาวจึงเปลี่ยนกิริยาที่มีต่อเซี่ยเฟยในทันที และรีบติดต่อไปยังผู้จัดการให้มาพูดคุยกับชายหนุ่มโดยเร็วที่สุด
“อาคารพาณิชย์ 28 ชั้นบนถนนมอลฟลอนอยู่ในการดูแลของบริษัทคุณใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามอย่างตรงไปตรงมา
ผู้จัดการคงรับรู้ถึงตัวตนของเซี่ยเฟยผ่านทางพนักงานต้อนรับแล้ว เขาจึงรีบตอบกลับคำถามของชายหนุ่มไปอย่างสุภาพ
“ใช่แล้วครับ ไม่ทราบว่าท่านประธานต้องการจะเช่าอาคารหลังนั้นหรือเปล่าครับ?”
“ไม่เช่า”
“ไม่เช่างั้นเหรอครับ?”
“ใช่ ฉันไม่ได้ต้องการเช่าแต่ฉันต้องการซื้อตึกหลังนี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ
นายหน้าหนุ่มรู้สึกเข่าอ่อนขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเพียงแค่ราคาค่าเช่าของอาคารหลังนี้ก็แพงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการแล้ว แต่เซี่ยเฟยกลับต้องการซื้ออาคารทั้งหลังซึ่งมันเป็นเงินที่ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดขึ้นมาอีก 10 ชีวิตแต่เขาก็ยังไม่สามารถจะหาเงินก้อนนั้นได้
ครั้งนี้เขามองคนพลาดอย่างร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?
ผู้จัดการคงรู้สึกดีใจมากและกำลังพยายามนัดให้เซี่ยเฟยมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราคา แต่ชายหนุ่มกลับตอบปฏิเสธกลับไปว่า
“ขอโทษด้วย แต่ฉันไม่ค่อยมีเวลาเดี๋ยวคุณค่อยพูดคุยเรื่องนี้กับหัวหน้าแผนกการเงินของฉันก็แล้วกัน นอกจากนี้ฉันยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมก่อนที่เราจะพูดคุยรายละเอียดกัน”
“เงื่อนไขอะไรครับ? บอกผมมาได้เลยนะครับ” ผู้จัดการคงกล่าวถามขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะตราบใดก็ตามที่มันเป็นเงื่อนไขที่เขายอมรับได้เขาก็พร้อมที่จะยอมรับทุกเงื่อนไข
“คุณชื่ออะไร?” เซี่ยเฟยหันไปถามนายหน้าหนุ่ม
นายหน้าหนุ่มคนนั้นกำลังจะอ้าปากบอกชื่อของตัวเอง แต่เซี่ยเฟยก็หันหลังกลับพร้อมกับพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ช่างมันเถอะ! ฉันไม่อยากรู้ชื่อของคุณแล้ว ผู้จัดการคงผมไม่พอใจการให้บริการพนักงานของคุณคนนี้เป็นอย่างมาก แล้วมันก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผมที่มีต่อบริษัทของคุณ ผมหวังว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ให้กับผมก่อนที่เราจะเริ่มพูดคุยเรื่องรายละเอียดกัน”
“ท่านประธานโปรดวางใจผมจะไล่พนักงานคนนั้นออกทันที ไม่สิผมจะไม่ใช่แค่ไล่เขาออกแต่ผมจะยื่นเรื่องไม่ให้เขาทำงานในแวดวงอสังหาริมทรัพย์อีก!!” ผู้จัดการคงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประจบสอพลอก่อนที่จะมองไปยังนายหน้าหนุ่มคนนั้นด้วยความโกรธ
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างยอมรับก่อนที่เขาจะปล่อยเรื่องนี้ไป
เซี่ยเฟยในตอนนี้ไม่เหมือนกับเซี่ยเฟยในอดีตอีกต่อไปแล้ว เพราะในปัจจุบันเขาคือประธานบริษัทซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร คำพูดของเขาเพียงแค่ประโยคเดียวจึงไม่เพียงแต่จะไล่คนคนหนึ่งออกจากงานได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้คนคนหนึ่งไม่สามารถทำงานในอุตสาหกรรมดั้งเดิมของเขาได้อีกด้วย
“ท่านประธานพอจะบอกผมได้ไหมครับว่าทำไมคุณถึงไม่พอใจพนักงานคนนี้?” ผู้จัดการคงถามขึ้นมาเบา ๆ
“เขาพูดจาดูถูกพวกเรา” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
‘โอ้พระเจ้า! ไอ้นี่มันตาถั่วหรือยังไงถึงกล้าไปดูถูกซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหารได้’ ผู้จัดการคงกลืนน้ำลายพร้อมกับคิดภายในใจ
—
สัญญาซื้อขายอาคารสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แล้วมันก็อาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของซัพพลายเออร์ระดับ A ของกรมทหาร มันจึงทำให้เซี่ยเฟยได้ราคาส่วนลดในการซื้ออาคารแห่งนี้ในตารางเมตรละ 50,000 สตาร์คอยน์
นี่คือความมหัศจรรย์ของโลกธุรกิจ เพราะยิ่งเรามีอำนาจมากขึ้นเท่าไหร่เราก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์จากการทำธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดมันจะมีใครไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้ารายใหญ่ มันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่เขาจะได้ราคาอาคารที่ถูกกว่าปกติขนาดนี้
“อื้อหือตึกนี่มีราคา 54,600 ล้านสตาร์คอยน์เลยงั้นเหรอ?” อันเดร์อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อนเขายังไม่รู้วิธีหาเงินเพียงแค่ 1 ล้านสตาร์คอยน์เลยด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้บริษัทของเขากับเซี่ยเฟยกลับซื้ออาคารที่มีมูลค่ามากกว่า 50,000 ล้านสตาร์คอยน์
“ผมได้หาข้อมูลมาแล้วการที่เราได้ราคาอาคารมาเท่านี้ไม่ถือว่าแพงเลย ท้ายที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ก็มีเสถียรภาพที่สูงมาก ซึ่งโดยเฉลี่ยราคาของอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้น 3% ในทุก ๆ ปี ยิ่งไปกว่านั้นเรายังใช้ตึกแห่งนี้เป็นสำนักงานใหญ่ของเราเอง ดังนั้นการลงทุนครั้งนี้ย่อมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว
“เราเก็บชั้น 28 เอาไว้เป็นห้องทำงานของคุณดีไหม? ด้วยสถานะปัจจุบันของคุณ คุณก็ควรจะต้องมีห้องทำงานที่เหมาะสม” อันเดร์กล่าว
“ไม่จำเป็นครับ คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนที่ยอมอยู่เฉย ๆ เอาพื้นที่ชั้นที่ 28 ไปให้คนที่เหมาะสมกว่าผมดีกว่าครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
อันเดร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่เขาได้รู้จักกันมาเซี่ยเฟยก็แทบที่จะไม่เคยอยู่ที่ไหนเป็นเวลานานเลยแม้แต่ที่เดียว
“ผมฝากคุณจัดการเรื่องนี้ด้วยนะครับ แต่จำเอาไว้ว่าสำนักงานใหญ่เป็นหน้าตาของบริษัท ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นจะต้องประหยัดเงินกับเรื่องนี้” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่หันหลังแล้วเดินจากไป
“คุณจะไปไหน?”
“ไปให้ของขวัญกับคนบางคนครับ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
—
“เซี่ยเฟยนายกำลังจะพาฉันไปไหนกันแน่? มันจำเป็นต้องลึกลับขนาดนี้เลยเหรอ?” แอวริลถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เซี่ยเฟยปิดตาเธอเอาไว้และพาเธอไปยังสถานที่อันแปลกประหลาด แอวริลจึงไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่ ซึ่งเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นดอกไม้ของพื้นที่บริเวณโดยรอบเท่านั้น และเมื่อเธอได้กลิ่นอันหอมหวานเธอก็เดาว่ามันน่าจะเป็นสวนดอกลิลลี่
“เอาล่ะค่อย ๆ ลืมตาช้า ๆ นะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับปล่อยมือที่ปิดตาแอวริลเอาไว้
หญิงสาวกระพริบตา 2 ครั้งพร้อมกับขยี้ตาด้วยมือขาว ๆ ของเธอ
สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าของแอวริลคืออาคารไม้ 3 ชั้นที่สวยงามที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนดอกไม้และทะเลสาบ ซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 500 ตารางเมตร
“นี่มันอะไรกัน?” แอวริลถามด้วยความสงสัย
“บ้านไง”
“บ้านใคร?”
“ตอนนี้มันเป็นบ้านของฉัน แต่สักวันหนึ่งมันจะเป็นบ้านของเรา”
“ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับนาย!!” แอวริลอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งยอง ๆ เพื่อดมกลิ่นหอมของดอกลิลลี่
“พวกเราไปดูข้างในบ้านกันไหม?”
“อื้อ!” แอวริลพยักหน้ารับก่อนที่จะจับมือกับเซี่ยเฟยเดินเข้าไปภายในบ้าน
ภายในบ้านไม้ยังคงไร้การตกแต่ง แต่มันก็มีแสงแดดส่องเข้ามาจาง ๆ ทำให้มันเต็มไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ทำไมมันถึงไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลยล่ะ?” แอวริลเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านพร้อมกับมองออกไปยังสระว่ายน้ำและทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องการตกแต่งเท่าไหร่ ฉันเลยคิดจะฝากมันไว้ให้กับเธอ”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันจะช่วยนายตกแต่งบ้าน ถ้าฉันไม่ทำล่ะ?” แอวริลกล่าวขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็คงต้องหาคนอื่น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
“ใครอนุญาตกันยะ นายไม่ได้รับอนุญาตให้ไปหาใครนอกจากฉัน” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“นี่การ์ดเข้าบ้าน ฝากเธอตกแต่งบ้านของเราด้วยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับยื่นการ์ดให้กับแอวริล
หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังและถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะเรียบง่ายกว่าคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่ามาก แต่มันกลับเป็นบ้านที่เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นมากกว่าคฤหาสน์ของเธอหลายเท่า
“บ้านของเรา... เซี่ยเฟยไอ้คนฉวยโอกาส!!” หลังจากที่แอวริลกลับมามีสติอีกครั้งเธอก็เริ่มโวยวายด้วยใบหน้าที่เริ่มกลายเป็นสีชมพู
—
1 สัปดาห์ต่อมาแอวริลก็ยุ่งอยู่กับการหาเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่งบ้าน แต่เธอก็เลือกเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นอย่างมีความสุข
ในระหว่างนั้นเธอได้ลากเซี่ยเฟยเดินทางไปชอปปิงตลอดทั้งวันจนทำให้ชายหนุ่มบ่นพึมพำออกมาไม่รู้จบ
ทั้งจักรวาลมีผู้ชายที่ชอบชอปปิงอยู่ไม่มากนัก และแน่นอนว่าเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบออกไปชอปปิงเหมือนกัน แต่สำหรับหญิงสาวทั่วทั้งจักรวาลแล้วร้อยละ 99 ต่างก็ชอบช่วงเวลาแห่งการชอปปิงด้วยกันทั้งนั้น
เมื่อใกล้ถึงเวลาของงานเทศกาล เซี่ยเฟยก็กล่าวอำลาแอวริลเพื่อออกเดินทางไปยังสถานที่จัดงาน โดยหญิงสาวได้สัญญาว่าเมื่อเซี่ยเฟยได้กลับมาบ้านอีกครั้ง เขาจะได้พบกับบ้านที่อบอุ่นและสวยงามรอต้อนรับเขาอยู่
วืด!
เบโอเนทเริ่มบินขึ้นไปในจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“เทศกาลของสมาพันธ์ฟราเทอนิตี้งั้นเหรอ? ฉันอยากรู้แล้วว่าในงานจะมีของหายากอะไรรอพวกเราอยู่บ้าง?” อันธกล่าวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ฉันก็ตั้งตารออยู่เหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
***************
ซื้อบ้านแล้วจ้า ไม่มีใครไวเท่าพี่แกแล้ววว 5555