ตอนที่ 69 ผู้มีอำนาจสูงสุดในร้าน
ตอนที่ 69 ผู้มีอำนาจสูงสุดในร้าน
วันต่อมา ชุนหยาถูกปลุกด้วยเสียงตะโกนที่ดังจากหน้าบ้าน เป็นเสียงของป้าอ้วน เธอลุกไม่ขึ้น และรู้สึกเหนื่อยที่วันนี้ยังต้องไปที่ท่าเรืออีก
เดิมที ตามแผนของครอบครัว ซือต๋าและฉื้อโถว จะรับผิดชอบงานภายนอก ส่วน ชุนหยาและนางจาง จะรับผิดชอบเรื่องดูแลผู้คนที่กำลังปรับปรุงที่ดินภูเขา เลี้ยงไก่และกระต่ายที่บ้าน แต่ก็มักมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าที่วางแผนไว้เสมอ
หลังอาหารเช้า ชุนหยา ต้องรีบเดินทางไปกับพวกเขา และไปที่บ้านเก่าและตกลงเรื่องซื้อผักและไข่จากชาวบ้าน
ซือต๋า อธิบายคำสองสามคำกับชายชราซือพ่อของเขา และน้องชายสองคนของเขา แต่เขาไม่กล้าบอกว่าเขาไถ่ตัวครอบครัวอาฟางไว้ช่วยงานที่ร้านเมื่อวานนี้ มิฉะนั้นนางไค่ จะต้องฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ แน่นอน ซือต๋า จึงพูดแค่เพียงขอให้เขาดูแลการถมที่ดินที่ภูเขา
เดิมทีสองพี่น้องวางแผนที่จะไปช่วยที่ร้านอาหารในวันนี้ แต่รู้ว่าซือต๋า มีคนงานแล้ว และที่ดินบนภูเขาจะต้องปรับอีกมาก ดังนั้นซือฝาและซือจื้อ จึงจำเป็นต้องดูแลงานทางนี้จริง ๆ
“พวกเจ้าเห็นไหมเขาซุบซิบอะไรกัน ใครก็ได้บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ข้าคิดว่าเขากำลังผลาญเงินมากเกินไป และพวกคุณทุกคนก็ช่วยกันปกปิดข้า”นางไค่ พึมพำข้าง ๆ ชายชราซือสามีของเธอที่กำลังไออย่างต่อเนื่อง และในที่สุดนางไค่ ก็หยุดพูดและมองไปที่ซือต๋า ซึ่งกำลังขนของขึ้นเกวียน
ชุนหยา ยังทำข้อตกลงกับอาสะใภ้ทั้งสองว่าช่วงนี้เธอยังต้องไปที่ร้านอาหาร แต่พรุ่งนี้เธอจะกลับมาสอนหนังสือลูก ๆ
“พรุ่งนี้ข้าจะสอนหนังสือพวกเขาตามปกตินะคะ เราจะยังคงมีชั้นเรียนตามปกติ แต่ยังไงก็ตามวันนี้ข้าขอทิ้ง เถี่ยโถว ไว้ที่บ้านเก่านี้ด้วยนะคะ เด็กคนนี้ซนมาก”
เถี่ยโถว ปฏิเสธทันทีตามธรรมชาติของเด็ก แต่ ชุนหยา บอกว่า “วันนี้เจ้าไปไม่ได้ และเจ้าก็ต้องฝึกเขียนตามแบบคัดลอกที่พี่ทำไว้ หรือถ้าทำเสร็จแล้วเจ้าเบื่อเจ้าก็ไปเล่นบนภูเขากับท่านอาและพี่น้องของเรา”
สำหรับเด็กผู้ชาย การตกปลาในแม่น้ำหรือขุดสมบัติบนภูเขาเป็นสิ่งล่อใจที่ดีมาก เถี่ยโถว ไม่ลังเลอีกต่อไป และพูดกับพี่สาวของเขาว่า : “ท่านพี่ไปได้ ข้าแน่ใจว่าข้าจะเขียนได้ดี ข้าเริ่มเป็นเด็กโตแล้ว ในตอนนี้ข้าเก่งและดูแลตัวเองได้แล้ว” คำพูดอวดเก่งของเด็กชายตัวเล็กทำให้ชุนหยาอดยิ้มไม่ได้ ในความคิดของเธอตอนนี้ มันคงจะดีหากพวกเขาที่นี่ได้เป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรวันหนึ่งชุนหยาและพ่อแม่ของเธออาจต้องกลับไปที่โลกปัจจุบันของพวกเขาด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝัดเช่นเดียวกับการที่ย้อนเวลามาที่นี่ แต่นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ต้องคิด ชุนหยากล่าวคำอำลาอาสะใภ้ทั้งสองและครอบครัวของพวกเขาออกเดินทางไปยังร้านอาหารที่ท่าเรือ แต่ลืมไม่ได้ที่จะส่งไก่หมักพร้อมทอดให้กับร้านอาหารใหญ่ของเฒ่าแก่ไป๋เสียก่อน
เมื่อรถมาถึงประตูร้าน หวู่ฟาง ก็รออยู่ที่ประตูตามปกติแล้ว เจิ้งซานฝู และอาฟาง ซึ่งกำลังกวาดร้านอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นเจ้าของกำลังมาก็รีบออกไปทักทายเขาทันที
“พวกเจ้าไม่ว่างทำงานอยู่ ไม่จำเป็นต้องต้อนรับเราทำงานของพวกเจ้าไปเถอะ , หวู่ฟางเจ้าไปเปิดประตูหลังร้านด้วย” ซือต๋า เข้ามาในร้านเขาก็รับรู้ได้ถึงความเป็นเจ้านายเล็กน้อย
“ครับ ท่านลุงซือ”หวู่ฟาง ที่ถูกเรียกตอบรับทันที และวิ่งไปที่สวนหลังบ้านอย่างกระตือรือร้น
นางจาง และชุนหยา กระโดดลงจากเกวียนและช่วยกันขนของลงและต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าจะนำไก่กว่าสามสิบตัวรวมถึงผักอีกมากมาย
เมื่อมองเข้าไปในร้านเวลานี้ โต๊ะ เก้าอี้ ถูกจัดไว้หมดแล้ว ไม่มีร่องรอยของครอบครัวอาฟางที่นอนอยู่ที่นี่ นางจางเห็นอาฟาง และคนอื่น ๆ ทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี
“นายหญิง นั่งลงก่อนค่ะ” นางฟางดึงเก้าอี้ให้นางจาง : “นี่คือเงินที่เหลืออีก 89 เหวินที่ท่านให้เราเอาไปซื้อเสื้อผ้าเมื่อวานนี้ค่ะ”
นางจาง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอาฟางวางเหรียญทองแดงบนโต๊ะ : “ทำไมเหลือเงินเยอะแบบนี้ล่ะ เจ้าไม่ได้ซื้อเหรอ เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ถูกที่สุดราคาชุดละ 7.80 เหวิน เจ้าซื้ออะไรไปกันเนี่น”
เมื่อเห็นคำถามของนางจาง นางฟางก้มศีรษะลงแล้วตอบว่า “เมื่อวานข้าไปซื้อผ้าเนื้อหยาบมาผืนหนึ่งราคา 100 เหวิน ซื้อเข็มและด้ายและใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้น จึงเหลือเพียง 89 เหวิน”
“แล้วเจ้าไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าเลยหรอ? แต่สิ่งที่พวกเขาใส่ในวันนี้ ยกเว้นของอาฟาง ทั้งหมดดูค่อนข้างใหม่ เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะตัดเย็บมันขึ้นมาในคืนเดียว นางจาง รู้สึกไม่น่าเชื่อเล็กน้อย :”เมื่อคืนเจ้าทำเสื้อผ้าทั้งหมดด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
“ไม่ใช่ทั้งหมดค่ะ ..เพราะข้ามีเวลาไม่พอ จึงตัดเสื้อของสามีและเจิ้งเซี่ยก่อน ข้าไม่มีเวลาจริง ๆ ข้าจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นำติดตัวมา นายหญิงไม่ต้องกังวล ชุดนี้เป็นของข้าและซักสะอาดหมดแล้ว จะได้ไม่เป็นที่รังเกียจของลูกค้าในร้านวันนี้เจ้าค่ะ” อาฟางตอบอย่างกระวนกระวาย
แต่นางจางก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอใส่ 89 เหวินเข้าไปในกระเป๋าของเธอ และคิดในใจ ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้ไม่ต้องการได้รับการช่วยเหลือมากเกินไป แต่ต้องค่อย ๆ ปรับความตัวเข้าหากันในภายหลัง นางจางยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้มกับอาฟา: “ช่างเถอะ เรวันหลังข้าจะหาเสื้อผ้าเพิ่มให้เจ้า ข้าไม่มีอะไรแล้ว เจ้าไปทำงานต่อเถอะ”
จากนั้นนางจางเดินออกไปและชุนหยาที่อยู่ข้าง ๆ โน้มตัวเข้าไปในหูของนางจางและพูดว่า : “เงินในลิ้นชักเขายังไม่ได้แตะต้องเลย ข้าคิดว่าครอบครัวนี้ก็ไม่เลวนะท่านแม่”
“ใช่ ถูกต้อง พวกเขาเป็นคนที่ใช้ได้เลย” นางจาง บอกชุนหยา ว่า ซือต๋า ใส่เงินไว้ในลิ้นชักเมื่อเช้านี้ ดังนั้นเธอจึงแอบเข้าไปดูเมื่อเธอเข้าประตูร้านมา เธอแค่ต้องการตรวจสอบความคิดของเธอเอง
นางจางรู้สึกพอใจมากพยักหน้าพูดอย่างนิ่งเฉย แล้วไปที่สวนหลังบ้านอีกครั้ง
ในเวลานี้ซือต๋า ได้ขนผักทั้งหมดแล้วและกำลังขับรถไปที่ เหอเซี่ยจู เขายังต้องซื้อเนื้อสัตว์เพิ่มและส่งมอบไก่หมักพร้อมทอดให้กับร้านของเฒ่าแก่ไป๋
และทันใดนั้น ชุนหยา ก็นึกถึงเจ้าของร้านปลาเมื่อวานนี้ได้ดังนั้นเธอจึงซือต๋า : “ท่านพ่อ ซื้อปลาด้วยนะคะ” ชุนหยา ไม่สนใจว่าพ่อของเธอจะรู้ที่ตั้งของร้านหรือไม่
ครัวด้านหลังของร้านกำลังยุ่งอยู่ในขณะนี้ ผักถูกจัดเรียงพร้อมใช้ หั่นและทำความสะอาดให้สะดวกในการปรุงที่รวดเร็ว
ชุนหยาเห็นว่าทุกคนกำลังยุ่ง และเธอไม่มีอะไรทำ จะดีกว่าที่จะตุ๋นไข่ชาตอนนี้ ยังไงก็ตามพวกเขาได้ย้ายเตาและหม้อเซรามิกทั้งหมดที่พวกเขาซื้อในตอนนั้นมาที่นี่แล้วเช่นกัน
เมื่อวานเธอยุ่งเกินกว่าจะทำ แต่วันนี้ชุนหยามีเวลาแล้ว เธอนำไข่ห้าสิบหกสิบฟองจากบ้านเก่ามาเป็นพิเศษ และพวกเขาซื้อเต้าหู้แห้งจากบ้านของลุงเย่ เพื่อทำขายพร้อมกับอาหารจานอื่นด้วย พวกเขาจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการขายไข่ชาอีกครั้ง สิ่งนี้ไม่เพียงเกี่ยวกับการทำเงินเท่านั้น แต่ยังให้เอกลักษณ์ในการทำอาหารของครอบครัวนี้อีกด้วย และครอบครัวอื่นไม่มีใครทำไข่ชา
ก่อนที่ชุนหยา จะทำไข่ชาเสร็จ ซือต๋าก็กลับมา เนื้อที่เขานำกลับมาในวันนี้กลายเป็นหมูชิ้นหนึ่ง
“ผัวข้า เจ้าบ้าเหรอ ซื้ออะไรมาเยอะขนาดนี้! หมูชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่?” นางจาง บอกว่าเธอไม่อยากสนใจเรื่องเงินเลย แต่เมื่อเป็นเรื่องของเงินที่ใช้จ่ายมากมายนี้ เธอกลับกังวลที่สุดใน
ซือต๋า ที่ถือหมูอยู่พูดอย่างไม่เต็มเสียงว่า : “ข้าซื้อมาครึ่งซีก”
“เจ้ามีสมองไหม!!ผัวข้า เราจะขายหมดหรือไม่?” นางจาง เริ่มบ่นมากขึ้น : “เจ้าไม่รู้หรือว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านเรา ยังกล้าซื้อหมูมามากมาย ถ้าขายไม่ได้จะทำอย่างไร”
เวลานี้ทุกคนที่อยู่ด้านข้างหดคอไม่กล้าพูด นางจางนายหญิงของพวกเขายิ่งใหญ่ที่สุดในร้านนี้จริง ๆ ~~~
“เมียข้า มันจะต้องขายหมดแน่นอน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีความมั่นใจ!” จริง ๆ แล้วซือต๋า ไม่ต้องการซื้อมากขนาดนี้ในนตอนแรก แต่เขาคิดว่า เมื่อวานธุรกิจที่ร้านไปได้ดีมาก และวันนี้คงไม่แย่ เปิดร้านจดถึงมื้อเย็น หมูชิ้นเดียวน่าจะขายหมด
อันที่จริง นางจาง รู้สึกว่าเมื่อวานธุรกิจไปได้ดี บางคนมาที่ร้านเพราะอยากชิมอาหารและบางคนมาที่นี่เพื่อเห็นแก่เมนูที่แถมฟรี วันนี้พวกเขาเตรียมเครื่องปรุงมาไม่เยอะเท่าไหร่ ถ้าจะเพิ่มของสดต้องสังเกตดูลูกค้าที่เข้ามาสัก2-3วัน หากไม่อย่างนั้น การซื้อของมากมายเช่นนี้ก็สร้างปัญหาแบบเดิมอีก
นางจาง บอกตัวเองให้ใจเย็นลงและไม่ดุด่าว่ากล่าวสามีต่อหน้าผู้อื่นอีก เธอคอยปลอบใจตัวเองว่า อย่าโกรธ อย่าโกรธ ใช้มือทาบหน้าอกและสูดหายใจ ให้แน่ใจว่าตัวเองจะสงบลง!
เมื่อเห็นภรรยาของเขา หน้าเขียวเมื่อสักครู่นี้ ซือต๋า รู้สึกถึงวิกฤตเช่นกัน เขาทำผิดพลาดอีกแล้วใช่หรือไม่..