ตอนที่ 53 นกฮูก
“ไม่เปิดตอนกลางวัน เปิดเฉพาะตอนกลางคืน งานอดิเรกเช่นนี้...” เฉินเฟยมองภาพตรงหน้าแล้วพูดพึมพำ
เมื่อวานเฉินเฟยได้โอกาสถามเฉียนจี้เจียงว่าเขาซื้อเทียนสองเล่มนั้นจากไหน และเฉียนจี้เจียงได้ชี้ทางให้เฉินเฟยมาร้านดังกล่าว
เฉินเฟยมองไปรอบๆ ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติจึงเดินเข้าไปในร้าน
“คุณลูกค้าต้องการสิ่งใด?”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น เฉินเฟยหันไปมอง เห็นคนสูงน้อยกว่าหนึ่งหมี่กำลังเหยียบเก้าอี้มองเฉินเฟยด้วยรอยยิ้ม
เฉินเฟยมองไปรอบๆ หากไม่พูดถึงบรรยากาศมืดมิด ที่นี่ก็ไม่ต่างจากร้านค้าธรรมดา
“ได้ยินว่าเจ้าขายสิ่งที่ยับยั้งสิ่งแปลกประหลาดได้?”
เฉินเฟยมองเจ้าของร้าน เขาไม่มีออร่านักยุทธ์แม้แต่น้อย แต่เขาให้ความรู้สึกแปลกๆซึ่งแตกต่างจากคนธรรมดา
“คุณลูกค้ามาถูกที่แล้ว”
เจ้าของร้านหยิบเทียนสีแดงจากใต้เคาน์เตอร์วางตรงหน้าเฉินเฟย “เมื่อพบสิ่งแปลกประหลาดให้จุดเทียนเล่มนี้ มันสามารถยับยั้งสิ่งแปลกปะหลาด แต่เป็นเพียงการยับยั้ง หากสิ่งแปลกประหลาดอยู่รอบตัวเทียนจะเผาไหม้เร็วขึ้น เมื่อไฟมอดดับ สิ่งแปลกประหลาดยังคงฆ่าคนเช่นเดิม”
“เท่าไหร่?”
เฉินเฟยมองเทียนสีแดงอย่างระมัดระวัง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมือนกับที่เฉียนจี้เจียงหยิบออกมา ตอนเผชิญกับหมู่บ้านบนภูเขาก่อนหน้านี้ หากไม่ใช่เพราะเทียนสีแดงคงยากจะบอกได้ว่าจะมีคนตายเท่าไหร่
“เล่มล่ะหนึ่งพันตำลึง”
“แพงมาก!”
เฉินเฟยเงยหน้ามองเจ้าของร้านด้วยความประหลาดใจ เงินที่เฉินเฟยมีตอนนี้เพียงพอสำหรับซื้อเทียนแดงหนึ่งเล่มเท่านั้น
“เทียบกับชีวิตแล้ว เงินนับเป็นอะไร”
เจ้าของร้านหัวเราะเบา “การสร้างเทียนเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมืองซิ่งเฝินแห่งนี้ข้าเป็นคนเดียวที่ขายมัน”
“มีอย่างอื่นไหม?” เฉินเฟยถามเสียงต่ำ
“แน่นอน!”
เจ้าของร้านพยักหน้าจากนั้นหยิบเทียนสีขาวจากใต้เคาน์เตอร์วางไว้ตรงหน้าเฉินเฟย “เทียนนี้สามารถดึงดูดสิ่งแปลกประหลาดได้ เล่มละห้าร้อยตำลึง”
กลิ่นที่อธิบายไม่ได้เล็ดลอดมาจากเทียนสีขาวทำให้เฉินเฟยนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน
หากจุดเทียนขาวโดยไม่มีเทียนแดง มันจะกลายเป็นอาวุธฆ่าตัวตาย สิ่งแปลกประหลาดมากมายจะมารุมกินโต๊ะตัวเอง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
“มีอีกไหม?”
เฉินเฟยรู้ว่าวันนี้เขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อ ดังนั้นจึงหาข้อมูลก่อนแล้วค่อยมาซื้อในครั้งต่อไป
“กระบี่ทำลายความชั่ว ต่อให้คนธรรมดาใช้ก็สามารถทำร้ายหรือฆ่าสิ่งแปลกประหลาดได้”
ใบกระบี่สีแดงเข้มปรากฏบนเคาน์เตอร์ ใบกระบี่บางมาก มันคงถูกตัดทันทีเมื่อปะทะกับอาวุธอื่น ดูเหมือนจะมีไว้ใช้จัดการสิ่งแปลกประหลาดโดยเฉพาะ
“เท่าไหร่?”
“หนึ่งหมื่นตำลึง”
“โปรดแสดงสิ่งต่อไป”
เฉินเฟยปวดฟันขึ้นมาทันที ไม่ใช่ว่าเฉินเฟยจ่ายราคานี้ไม่ได้แต่มันต้องใช้เวลานานพอสมควร หากจะบอกคมกระบี่นี้ไร้ประโยชน์ มันสามารถใช้ฆ่าสิ่งแปลกประหลาดได้
แต่มันมีประโยชน์เพียงใช้ฆ่าสิ่งแปลกประหลาดเท่านั้น
เจ้าของร้านไม่ได้ใจร้อน ขวดโอสถปรากฏบนเคาน์เตอร์
“น้ำสลายภาพลวง หยอดมันที่ดวงตาจะสามารถมองผ่านภาพลวงตาของสิ่งแปลประหลาด หนึ่งพันตำลึง”
เฉินเฟยมองขวดโอสถอย่างสงสัยและนึกถึงตำนานน้ำตาวัวชาติของชาติก่อนซึ่งให้ผลเช่นเดียวกัน ถ้าเขามีสิ่งนี้เมื่อสองวันก่อน ตอนหลงอยู่ในสายหมอกเขาคงไม่กังวล
“ธูปปลุก สามารถทำลายความสับสน สามร้อยตำลึง” ก้านธูปปรากฏบนเคาน์เตอร์ เฉินเฟยเคยเห็นสิ่งนี้เช่นกัน
“มีอีกไหม?”
“ไม่มีแล้ว”
เจ้าของร้านส่ายหัว มองเฉินเฟยแล้วถาม “ท่านต้องการสิ่งใด?”
“ข้าขอคิดก่อน”
เฉินเฟยไม่กล้าบอกว่ามีเงินน้อย ธูปและเทียนมีราคาไม่มากแต่เฉินเฟยยังต้องซื้อเตาหลอมโอสถที่ดีเพื่อหลอมโอสถ หากซื้อของในตอนนี้เขาจะมีเงินไม่เพียงพอ
“ขอถามได้หรือไม่ว่าทำไมร้านถึงเปิดเฉพาะตอนกลางคืน?”
ก่อนจากไป เฉินเฟยอดไม่ได้ที่จะถาม เขาไม่เห็นความจำเป็นที่ร้านจะต้องเปิดตอนกลางคืน
“ข้าหลับในตอนกลางวัน” เจ้าของร้านพูดอย่างเขินอาย
เฉินเฟยมองเจ้าของร้านด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้ากับเหตุผลนี้ค่อนข้างมีผลต่อความคิดของเฉินเฟย
แล้วของในร้านมาจากไหน?
เฉินเฟยเดินออกจากร้าน เดินเตร่ไปตามถนนสองครั้งแล้วกลับโรงเตี๊ยม
เฉินเฟยใช้เวลาตลอดทั้งคืนในการบ่มเพาะ เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเฟยไปร้านค้าต่างๆอีกครั้ง นอกจากซื้อเตาหลอมโอสถแล้วยังซื้อโอสถด้วย
วนกลับมา เฉินเฟยแสดงสีหน้าซับซ้อน
ร้านค้าต่างๆยังคงรับซื้อโอสถ แต่รับซื้อในราคาต่ำมากซึ่งอยู่ที่สี่ส่วนของราคาตลาด มันใกล้เคียงกับส่วนแบ่งที่ตระกูลจางมอบให้ซึ่งเทียบได้กับการปฏิบัติต่อเฉินเฟยในฐานะนักหลอมโอสถของตัวเอง
ค่อนข้างแตกต่างจากราคาในตลาดมืดในอำเภอผิงหยิน
แต่ในเวลานั้นความต้องการโอสถของอำเภอผิงหยินนั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด นั่นจึงเทียบกันไม่ได้
แต่การขายโอสถในราคาดังกล่าวทำให้เฉินเฟยลังเลที่จะขายให้ร้านค้า
นอกจากขายโอสถให้ร้านค้าแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่งคือตั้งแผงขายเอง
ในเมืองซิ่งเฝินมีถนนที่ตั้งร้านแผงลอยขายของต่างๆ เฉินเฟยลองไปเดินดูแล้ว ด้านในมีขายของหลากหลาย แต่เรื่องคุณภาพสินค้าจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง
เฉินเฟยสามารถหลอมโอสถและตั้งแผงขายของที่นั่นได้ แต่สิ่งนี้จะทำให้เฉินเฟยมีเวลาน้อยลงอย่างไม่ต้องสงสัย
จำเป็นต้องฝึกฝนเคล็ดตระหนกกลืนกินถึงระดับรู้แจ้งเพื่อให้ทะลวงระดับหลอมกระดูกได้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ยังมีการแกะสูตรโอสถเหนือสามัญจากสูตรโอสถไม่สมบูรณ์ที่ได้รับจากตระกูลจาง สำหรับการคาดเดาสูตร เฉินเฟยประเมินว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนในการทำให้สูตรสมบูรณ์
มีวิชาธนูด้วยเช่นกัน ในอำเภอผิงหยินมีวิชาธนูน้อยมาก แต่ในเมืองซิ่งเฝินมีตำราวิชาธนูมากมาย เฉินเฟยยังต้องการผลักดันวิชาธนูตัวเองให้ไปถึงอีกระดับ
เฉินเฟยต้องใช้เวลามากมายไปกับสิ่งเหล่านี้ ดูแล้วการตั้งแผงขายของจะทำให้ขาดทุนมากกว่าได้กำไร
“ข้าต้องหาคนมาตั้งแผงลอยแล้วค่อยแบ่งกำไรบางส่วนให้”
เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉือเต๋อเฟิงปรากฏในใจเขา ฉือเต๋อเฟิงเป็นพ่อค้าในอำเภอผิงหยิน พูดได้ว่าฉือเต๋อเฟิงคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี
หลังตัดสินใจได้ เฉินเฟยไปซื้อเตาหลอมโอสถด้วยเงินสองร้อยตำลึงแล้วกลับโรงเตี๊ยม
“ต้องการให้ข้าขายโอสถให้?”
ในห้องพัก ฉือเต๋อเฟิงมองเฉินเฟยอย่างใจ “เจ้าหลอมโอสถและขายมันได้ด้วยตัวเองได้ นั่นไม่ดีหรือ ทำไมต้องให้ข้าช่วยด้วย?”
“ราคาที่ร้านค้าเสนอให้ต่ำเกินไป ข้าจึงต้องการให้เจ้าตั้งแผงขาย ข้าจะให้เจ้าครึ่งส่วนจากกำไรทั้งหมด” เฉินเฟยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครึ่งส่วน? ครึ่งส่วนน้อยไป ต้องสองส่วน” ฉือเต๋อเฟิงต่อรองโดยไม่รู้ตัว
“ได้ ข้าให้สองส่วน!”
เฉินเฟยตกลงทันทีและจับมือฉือเต๋อเฟิงเพื่อเป็นการทำสัญญา
ฉือเต๋อเฟิงมองการกระทำของเฉินเฟยด้วยความสับสน ทำไมสิ่งนี้มันดูคุ้นๆ เมื่อครู่ข้าขอน้อยเกินไปหรือไม่?