ตอนที่แล้วบทที่ 45
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47

บทที่ 46


บทที่ 46

หินประสานค่ายกลที่แกะสลักโดยสวี่ล่าย เป็นค่ายกลระดับสองขั้นสูงสุดที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ --ค่ายกลมังกรคู่วารีอัคคี!

ข้อดีที่สุดของค่ายกลนี้ก็คือ การใช้ประโยชน์จากความต่างของธาตุน้ำและไฟ หักล้างพลังของกันและกัน จึงช่วยลดความยากจากเดิมที่สมควรอยู่ในระดับสาม กดลงมาเหลือขั้นสูงสุดในระดับ 2 ได้

กระนั้น แม้ความยากในการหลอมจะลดลง แต่อานุภาพของมันไม่น้อยเลย หากใช้กับผู้ชำนาญการต่อสู้ในขอบเขตรวมวิญญาณขั้น 1 หรือ 2 ไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีพ้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ!

กระบวนการประสานค่ายกลมังกรคู่วารีอัคคีลงในหินนั้นค่อนข้างยาก อย่างแรกก็เพราะธาตุน้ำและธาตุไฟทั้งสองธาตุไม่ถูกกัน ระหว่างสลักผนึกอักขระยันต์ จึงต้องใช้พลังจิตอย่างมาก ความประมาทเพียงเล็กน้อยจะทำให้หยินและหยางไม่สมดุล นำไปสู่ความล้มเหลวในที่สุด

เป็นไปตามคาด...

“ไม่ ... ไม่ได้การ!”

สวี่ล่ายรีบโยนหินประสานค่ายกลในมือตัวเองทิ้ง กระโจนออกจากค่ายกลโดยไม่พูดอะไรสักคำ

บรึ้ม——!

มีเสียงดังขึ้น ค่ายกลเมฆครามสั่นอย่างรุนแรงสองสามครั้ง อักขระยันต์ชุดหนึ่งไหลช้าๆดูดซับพลังงานที่เกิดจากการระเบิด

“ฮู้~! อันตราย เกือบไแล้ว!” สวี่ล่ายยิ้มบิดเบี้ยว ปาดเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าไปในค่ายกลอีกครั้ง

“เหอะ! เขาก็ไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่นี่นา สุดท้ายก็ล้มเหลวไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน” หลินจื่อชิงม้วนริมฝีปากตัวเอง เห็นสวี่ล่ายล้มเหลวครั้งหนึ่ง ความแค้นในใจค่อยเบาบางลงมาก

“หินประสานค่ายกลในระดับ 2 ขั้นสูงสุด การสลักค่ายกลลงไปนั้นไม่ง่ายเลย” สวี่ล่ายสัมผัสหินประสานที่เหลืออีกสองก้อน คิดว่าต่อไปจะหลอมมันอย่างไร

หลังจากใช้เวลานานพอสมควร สวี่ล่ายพยักหน้าช้าๆ พบสาเหตุของความล้มเหลวเมื่อครู่ หลังจากฟื้นฟูพลังจิต เขาก็เริ่มสลักผนึกอักขระยันต์ต่อ

และในเวลานี้...

บรึ้ม!

น่าหลันซือเยี่ยนก็ล้มเหลวไปครั้งหนึ่งเช่นกัน แต่โชคดีมาก น่าหลันซือเยี่ยนตอบสนองเฉียบแหลม ออกจากค่ายกลได้ทันเวลา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

สวี่ล่ายมองน่าหลันซือเยี่ยน ผงกศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความเสียใจ จากนั้นเขาก็หมกมุ่นอยู่กับการแกะสลักอักขระยันต์

“วิชาเคลื่อนมิติ!ฮ่า!”

หึ่ง หึ่ง หึ่ง หึ่ง!

ค่ายกลมังกรคู่วารีอัคคีถูกบีบอัดอีกครั้ง สวี่ล่ายหยิบมีดแกะสลักผนึกขึ้นมาอย่างไม่ลังเล เริ่มประทับค่ายกลลงในหินประสาน

ติ๊ง!

อีกขระยันต์ตัวแรกสว่างขึ้น

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

สวี่ล่ายตั้งสมาธิ แผ่พลังจิตออกไปอย่างสุดกำลัง กำด้ามมีดสลักผนึกด้วยมือเดียว ฉีดปราณบริสุทธิ์เข้าไป

การเคลื่อนไหวของสวี่ล่ายเหมือนกับสายธาร ลงมีดทุกครั้งก็ลื่นไหลเป็นระเบียบค่อยๆ จมอยู่ในมโนทัศน์ที่แปลกประหลาด

ความรู้สึกนี้ มีขึ้นเพื่อไม่ให้สวี่ล่ายมองเห็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก เขาจะไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ราวกับว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่ปิด ทุกอย่างมีไว้เพื่อหินประสานค่ายกลก้อนเล็กๆชิ้นเดียวในมือตัวเอง

หึ่ง หึ่ง~!

เสาแสงสีแดงและสีฟ้าทะยานขึ้น  ทันทีหลังจากนั้น มันก็ถูกดึงกลับเข้าไปในหินประสานค่ายกล

“เสร็จแล้ว!” สวี่ล่ายมีความสุขมาก ค่อยๆ ถอนพลังจิตออกเพื่อระบายปราณบริสุทธิ์

“ฮะ?” แต่เมื่อสวี่ล่ายหันมองไปรอบๆ เขาก็พบว่าผู้คนที่ยังยืนอยู่หน้าโต๊ะหลอม ตอนนี้เหลือเพียงเขาและน่าหลันซือเยี่ยนเท่านั้น

ว่ากันตามจริง เมื่อสวี่ล่ายเข้าสู่ดินแดนมโนทัศน์ เวลาก็ผ่านไปไวเหมือนน้ำไหล หลังจากที่ผู้ทดสอบส่วนใหญ่ได้รับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลสามดาว ต่างเลือกที่จะสละสิทธิ์ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เลือกลองทดสอบสลักหินค่ายกล

สุดท้ายมีเพียงหลิวจื่อซิงและผู้ทดสอบอีกสองคนเท่านั้นที่ได้รับผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 4 ดาว

ในตอนนี้ หลายสิบคนในโถงด้านใน ทั้งหมดจับตาดูสวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนไม่วางตา พวกเขาต้องการทราบ ว่าผู้ชนะคนสุดท้ายจะเป็นใคร?

หึ่ง หึ่ง!

น่าหลันซือเยี่ยนสูดหายใจยาว หยุดการเคลื่อนไหวในมือตัวเองอย่างช้าๆ

แป๊ะ แปะ แปะ...

เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมๆ กัน

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลสองคนก็รีบวิ่งเข้ามา นำหินประสานค่ายกลซึ่งขัดเกลาโดยพวกเขาสองคนไปตัดสินการประเมิน

สวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนมองหน้ากัน จากนั้นปิดค่ายกลป้องกัน ก้าวออกจากโต๊ะหลอม

“โฮ่ โฮ่ คุณชายฟาง ผู้น้อยคือผู้อาวุโสจากตระกูลซ่ง คุณชายฟางสนใจร่วมงานกับเราไหม? ตระกูลของเราจะปฏิบัติต่อท่านอย่างดี ...”

“สหายน้อยฟางเซี่ยน เราผู้เฒ่าคือผู้อาวุโสของตระกูลหวัง ตระกูลของเรามีชื่อเสียงมาก ด้านอำนาจนับว่าแกร่งกว่าตระกูลซ่ง ไม่ทราบว่าท่าน ...”

“น้องชายฟาง ข้ามาจากตระกูล ....”

สวี่ล่ายถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้อาวุโสจากตระกูลและนิกายนับสิบ ทุกคนล้วนเสนอเงื่อนไขใจกว้าง ตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ดึงตัวสวี่ล่ายมาเป็นพวก

ณ ขณะนี้ ปรมาจารย์ไป๋แยกตัวเหล่าผู้อาวุโสที่รุมล้อมสวี่ล่าย

“อะแฮ่ม ผู้อาวุโสทุกท่านโปรดสำรวม อย่าเพิ่งรีบร้อน อย่าเพิ่งรีบร้อน ผลการทดสอบขั้นสุดท้ายยังไม่ได้ประกาศ กรุณานั่งลงก่อน”

เหล่าผู้อาวุโสพอได้ยิน ต่างหน้าแดงด้วยความอับอาย แยกย้ายกันไปยังที่นั่งเพื่อรอฟังประกาศผลรอบสุดท้าย

“ช่างน่าชิงชังนัก!” หลินจื่อชิงหัวเสียมาก ไม่คาดคิดว่าผีอัปลักษณ์จากชนบท จะแย่งความโดดเด่นของตัวเองไป

“อันดับต่อไป พวกเราขอประกาศ ผลสุดท้ายของงานทดสอบ”

ปรมาจารย์ไป๋กระแอมเบาๆ มองสวี่ล่าย สลับมองน่าหลันซือเยี่ยนอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ยิ้มเล็กน้อย  “ผู้ชนะคนสุดท้ายของการประเมินผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล คือ ฟางเซี่ยนและน่าหลันซือเยี่ยน!”

ฮือฮา——!

“ได้ยังไงกัน?”

“พวกเขาเสมอเลยชนะทั้งคู่งั้นหรือ?”

ไม่ใช่แค่ผู้ทดสอบ แม้แต่ผู้อาวุโสที่มาด้วยกัน ยังมองปรมาจารย์ไป๋อย่างไม่เชื่อถือ

“โฮ่ โฮ่ ขอทุกท่านอย่าเพิ่งตั้งข้อครหา ให้ผู้แซ่ว่านอธิบายก่อน”

ณ ขณะนี้ปรมาจารย์ว่านยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“หินประสานค่ายกลที่หลอมโดยหลานชายฟางและแม่นางน่าหลัน ล้วนเป็นค่ายกลหายากที่หลงเหลือมาจากสมัยโบราณ หนึ่งเป็นประเภทโจมตีระดับ 2 ขั้นสูงสุด ‘ค่ายกลมังกรคู่วารีอัคคี’ ของหลานชายฟาง

อีกหนึ่งเป็นประเภทลวงตาระดับ 2 ขั้นสูงสุด ‘ค่ายกลไผ่เขียวรัศมีทองคำ’ ของแม่นางน่าหลัน

“หินประสานค่ายกลของพวกเขาสองคน ไม่ว่าจะเป็นระดับ คุณภาพ และการใช้งานจริง แทบไม่มีความแตกต่างระหว่างชัยชนะหรือพ่ายแพ้ หลังจากคณะกรรมการตัดสิน มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ทั้งคู่ได้รับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาวพร้อมกัน และมอบชุดคลุมดำหกดาวหนึ่งชุด”

ปรมาจารย์ว่านเพิ่งพูดจบ ทั่วโถงด้านในเกิดเสียงฮือฮาในคราเดียว

“อะไรนะ? ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาว!?”

“ผู้ที่ทดสอบแล้วได้รับตราหกดาวในคราวเดียว นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากในรอบพันปี!”

ในการประเมินครั้งก่อนๆของผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล แต่ละครั้งไม่เคยขาดแคลนอัจฉริยะ แต่การจะไปถึง 5 ดาวนั้นไม่ง่ายเลย ใครจะไปนึกกันว่าผีอัปลักษณ์เบื้องหน้าที่ไร้ที่มาผู้นี้ จะได้รับตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาวโดยตรง

ณ ตอนนี้ เสียงภารกิจระบบดังขึ้น

[ติ๊ง!]

[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณทำภารกิจอาชีพเสริม : ประเมินคุณสมบัติผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล สำเร็จ]

[รางวัลภารกิจ : ได้รับสำเนาประสานค่ายกล , 2,500 แต้มสะสม , 2500 ค่ากิตติศัพท์]

เห็นดูรางวัลจากระบบ สวี่ล่ายพยักหน้าเล็กน้อย

“ตอนนี้ขอปรบมือดังๆ แสดงความยินดีกับการถือกำเนิดของผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาวทั้งสองคน!”

แป๊ะ แปะ แปะ~!

“ยินดีด้วย!”

“ขอแสดงความยินดีกับสหายน้อยฟางเซี่ยนและแม่นางน่าหลัน”

ผู้อาวุโสของตระกูลและนิกายต่างแสดงรอยยิ้มชื่นชมทีละคน ในขณะที่ด้านเหล่าผู้ทดสอบต่างเบิกตากว้าง สีหน้าตื่นตกใจ

“หกดาว? ไม่...เป็นไปไม่ได้ ...”

“เหตุใด…ถึงมีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ถือกำเนิดขึ้น?”

“ไอ้ตัวน่าเกลียด เจ้าต้องโกงแน่ๆ!” ดวงตาของหลินจื่อชิงทอประกายชิงชัง

“จื่อซิง เจ้าต้องยับยั้งชั่งใจ เราเพิ่งได้รับคำสั่งจากท่านประมุข ให้ดึงตัวอัจฉริยะผู้นี้มาเข้าร่วมกับตระกูลหลิน ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าไหร่ก็ตาม ดังนั้น ... เจ้าอย่าได้ทำอะไร ‘ล้ำเส้น’ จะดีกว่า  มิฉะนั้นต่อให้เจ้าเป็นหลานของผู้อาวุโสใหญ่ ก็เกรงว่าเขาจะปกป้องเจ้าไม่ได้”

ผู้อาวุโสคนนี้รู้ดีว่าธรรมชาติของหลินจื่อชิงเป็นยังไง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเตือนหลินจื่อชิงซ้ำๆไม่ให้หุนหันพลันแล่น

“ข้า…” หลินจื่อชิงกัดฟัน ในที่สุดเขาก็ข่มความโกรธตัวเอง

ณ เวลานี้ ปรมาจารย์ว่านขึ้นเวที มอบเสื้อคลุมให้กับสวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนด้วยตัวเอง

“หลานชายฟางเซี่ยน ยินดีด้วยกับการคว้าตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกล 6 ดาว ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ในเส้นทางผู้ประสานค่ายกลต่อๆไป เติบใหญ่ขึ้น สำแดงพลังต่อหน้าผู้คน”

ปรมาจารย์ว่านยกเสื้อคลุมหกดาวขึ้น สะบัดมันและสวมให้แก่สวี่ล่าย

“ขอบคุณท่านลุง” สวี่ล่ายยิ้ม ก้มมองลงไปที่เสื้อคลุมนี้ และสัมผัสได้ทันทีถึงค่ายกลแปลกๆที่ปกคลุมตัวเขา

“หือ? นี่มัน......?”

“โฮ่ โฮ่ หลานชายฟางเซี่ยน เจ้าคงรู้สึกถึงมันแล้ว เสื้อคลุมผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลไม่ใช่ผ้าทั่วไป แต่ทอด้วยเส้นใยน้ำแข็งดำ พร้อมสลักผนึกค่ายกลลงไป ช่วยเพิ่มพลังจิตแก่ผู้สวมได้เล็กน้อย”

ปรมาจารย์ว่านยิ้ม ค่อยๆอธิบาย

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” สวี่ล่ายพยักหน้าว่าเข้าใจ ทุกคนต่างบอกว่ารัฐต้าหยานชื่นชมพันธมิตรประสานค่ายกลมาก พอได้เจอกับตัวถึงรู้ว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆ กระทั่งเสื้อคลุมยังมีการประสานค่ายกลขนาดเล็ก และทำจากวัสดุพิเศษ

“ขอแสดงความยินดีกับพี่ชายฟางที่ประสบความสำเร็จในการเลื่อนตำแหน่ง”

ณ ตอนนี้ คำแสดงความยินดีของน่าหลันซือเยี่ยนลอยเข้าหูของสวี่ล่าย

“โอ้ ข้าก็ขอยินดีกับน้องสาวน่าหลันเช่นกัน”  สวี่ล่ายรีบคืนคำอวยพรอย่างเป็นมิตร

ณ ขณะนี้ ผู้อาวุโสของตระกูลและนิกายต่างๆ มารวมตัวกันอีกครั้ง ร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสองที่เลื่อนขั้น ในเวลาเดียวกันก็เริ่มเพิ่มเงื่อนไขขึ้นเช่นกัน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อชิงสวี่ล่ายให้เข้าร่วม

“สหายน้อยฟางเซี่ยน ผู้น้อยหลินเซิ่งเว่ย เป็นผู้อาวุโสสามสายตรงของตระกูลหลิน ตระกูลหลินเราเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในรัฐต้าหยาน ในตระกูลทำอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และอำนาจมากมาย หากสหายน้อยฟางเซี่ยนยินดีเข้าร่วมกับเรา ตระกูลหลินจะปฏิบัติต่อสหายน้อยอย่างดี”

สวี่ล่ายตะลึงเล็กน้อย แต่ในหัวใจกลับพองโตด้วยความปิติ ‘มาแล้วๆ’

เมื่อหลินเซิ่งเว่ยเห็นสวี่ล่ายไม่ได้ตอบสนองมากนัก ก็ลอบกระวนกระวายใจ กล่าวเสริมอีกประโยค  “ตราบใดที่สหายน้อยฟางเซี่ยนเต็มใจเข้าร่วมกับตระกูลหลิน เราสามารถแต่งตั้งสหายน้อยเป็นอาวุโสกิตติมศักดิ์ และเพิ่มเงินเดือนจากเดิมให้อีก 2 ส่วนในทุกๆปี”

“อะไรนะ! อาวุโสกิตติมศักดิ์?”

“ซู๊ดดดด! ตระกูลหลินใจกว้างจริงๆ”

“ดูเหมือนพวกเขาจะยอมทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวเขา”

ฟังเงื่อนไขที่เสนอโดยหลินเซิ่งเว่ย ผู้อาวุโสของตระกูลอื่นๆสูดลมหายใจเย็นเยียบ

“อาวุโสกิตติมศักดิ์คือออะไร?” สวี่ล่ายกระพริบตา แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ

“โอ้ มันเป็นอย่างนี้ อาวุโสกิตติมศักดิ์ คือแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูล ไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในงานที่น่าเบื่อในวันธรรมดา แต่ยังมีตำแหน่งเทียบเท่าผู้อาวุโสทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือน ค่ารักษา หรือการจัดสรรทรัพยากร ไม่ต่างจากผู้อาวุโสคนอื่นเลย”

หลินเซิ่งเว่ยอธิบายอย่างอดทน

“อาวุโสกิตติมศักดิ์ .. ฟังดูดีจริงๆ”

“โอ้ พูดแบบนี้แสดงว่าสหายน้อยฟางเซี่ยนตกลงแล้วใช่ไหม?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด