บทที่ 45
วันนี้ลง 45 46
บทที่ 45
“เอ๊ะ? นี่ไม่ถูกต้อง เหตุใดเขาถึงนำวัสดุบางอย่างที่มีธาตุน้ำเข้าไปด้วย?”
“หรือเขาต้องการจะ...”
ณ ขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลหลายสิบคนหรือกระทั่งปรมาจารย์ว่านต่างเบิกตากว้าง คาดเดาการกระทำต่อไปของสวี่ล่าย
สวี่ล่ายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลอมวัสดุนับสิบในพริบตา
อย่างไรก็ตาม มือของสวี่ล่ายไม่ได้หยุดพัก ยังคงโยนวัสดุลงในเตาทีละกํามือ
“ศิษย์น้อง เจ้ามองออกไหมว่าเขากำลังจะทำอะไร?” ปรมาจารย์ว่านหันศีรษะและยิ้มเล็กน้อย
“นี่... ศิษย์น้องโง่เขลา ตอนนี้ยังไม่พบเงื่อนงํา”
“ข้าก็มองไม่ออกเช่นกัน”
ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลลายคนเลิกคาดเดา เฝ้ารอคำตอบสุดท้าย
“โฮ่ โฮ่ ศิษย์พี่ว่าน เลิกอมพะนำเถิด แค่พูดในสิ่งที่ท่านเก็บงำไว้ออกมา” ปรมาจารย์ไป๋ที่อยู่ข้างๆยิ้ม เร่งอีกฝ่าย
“โฮ่ โฮ่ ข้าคาดว่าหลานชายฟางอาจต้องการหลอมค่ายกลธาตุคู่” ปรมจารย์ว่านยิ้มเล็กน้อย ตอบเบาๆ
“ท่านว่ากระไร?”
“นี่มัน...เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ศาสตร์ระสานค่ายกลธาตุคู่ล้วนแล้วต่อยู่ในระดับสามขึ้นไปทั้งนั้น ด้วยระดับในตอนนี้ของหลานชายฟาง เกรงว่ามีโอกาสสูงที่จะไม่สำเร็จ”
“ถูกต้อง การประสานค่ายกลระดับ 3 เป็นเรื่องยากมาก อีกทั้งการประสานค่ายกลธาตุคู่ ทั้งสองธาตุต้องหนุนเสริมกันและกัน อย่างไรก็ตาม หลานชายฟางกลับเลือกหลอมอันที่มีคุณสมบัติตรงกันข้าม นี่มัน... เหลือเชื่อจริงๆ”
“ใช่ นี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย จากประสบการณ์มากกว่าสิบปีของข้า บอกได้ว่ามันยากที่จะหลอมสำเร็จ”
ปรมาจารย์ไป๋กระซิบกระซาบกับผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลหลายคนที่อยู่ข้างๆ แต่ฝ่ายหลังต่างแสดงความเห็นเชิงลบกับแนวทางของสวี่ล่าย
“ไม่ใช่แบบนั้น!” ปรมาจารย์ว่านโบกมือเบาๆ
“โอ้? ศิษย์พี่ว่านมีความคิดเห็นเป็นอื่นหรือ?” ปรมาจารย์ไป๋ตะลึง ไม่คาดคิดว่าปรมาจารย์ว่านจะยังเยือกเย็นขนาดนี้
“เท่าที่ข้ารู้ ในแผนภาพค่ายกลบางส่วนสืบทอดมาจากสมัยโบราณ มีบันทึกเกี่ยวกับประสานค่ายกลธาตุคู่ที่หาได้ยากอยู่ และพวกมันสามารถบีบพลังให้มาอยู่ในระดับสองขั้นสูงสุดได้”
“อะไรนะ? มีค่ายกลแบบนั้นด้วยหรือ?”
“นี่เรื่องจริง?”
หลังจากผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลทุกคนได้รับคำตอบจากปรมาจารย์ว่าน แต่ละคนอ้าปากค้าง สูดลมหายใจเย็นเยียบ พากันมองสวี่ล่ายด้วยสายตาประหลาดใจ
ปรมาจารย์ว่านยิ้มอย่างพึงพอใจ “จริงๆ แล้วข้าแค่คาดเดา ส่วนหลานชายฟางต้องการหลอมหินแบบใด เกรงว่าจะต้องรอดูอีกสักหน่อย”
“เอ๊ะ? พวกเจ้าดู! เหมือนว่าแม่นางน่าหลันก็คิดหลอมค่ายกลธาตูคู่เช่นกัน”
“จากวัสดุ ... คล้ายนางต้องการหลอมธาตุทองกับธาตุไม้?”
“ธาตุทองกับธาตุไม้? สองธาตุนี้อยู่ในขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เหตุใดนางถึงเลือกทำเช่นนั้น?”
จริงอย่างที่คนอื่นพูด หลังจากน่าหลันซือเยี่ยนนึกทบทวนพักหนึ่ง เธอก็ตัดสินใจเลือกทำแบบนี้ หลอมวัสดุธาตุทองและไม้อย่างไม่ลังเล
“ดูท่าว่าเด็กรุ่นใหม่ในการทดสอบครั้งนี้ จะมีพรสวรรค์อันนน่าทึ่ง”
“โฮ่ โฮ่ ถึงขั้นนี้พวกเราจะปฏิเสธก็ไม่ได้แล้ว”
ณ ขณะนี้ สวี่ล่ายจมอยู่ในมโนทัศน์ หมกมุ่นอยู่กับการหลอมวัสดุ ไม่สนใจสายตาแปลกๆ ของผู้อื่น
ไม่นาน วัสดุที่จำเป็นได้รับการหลอม สวี่ล่ายโยนวัสดุทั้งหมดลงในเตาสีเงินโดยไม่ลังเล เริ่มให้ความร้อนสร้างหินประสาน
ฮู้~!
อุณหภูมิของไฟอำพันพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง วัสดุในเตาสีเงินผสมผสานและรวบรวมเข้าด้วยกัน ในที่สุดก็ค่อยๆ ก่อตัวเป็นผลึก
ติ๊ง!
เกิดเสียงที่ดังฟังชัด
“เสร็จแล้ว!” สวี่ล่ายตบฝาเตา ลำแสงพุ่งออกมา
หมับ!
สวี่ล่ายคว้ามันไว้ในมือ
ณ เวลานี้ น่าหลันซือเยี่ยนก็หลอมหินประสานก้อนแรกเสร็จแล้วเช่นกัน
“ ถัดไป
ผู้ทดสอบทุกคนที่หลอมหินประสานเสร็จ สามารถดำเนินการขั้นต่อไป --ประสานค่ายกลลงในหินได้เลย!”
ปรมาจารย์ไป๋เพิ่งพูดจบ ทั่วทั้งโถงด้านในก็เกิดเสียงเอะอะ
“อะไรนะ ข้ายังหลอมหินไม่เสร็จเลย”
“ส่วนข้าเพิ่งละลายวัสดุได้ 3 4 ชนิดเอง”
“ไม่จริงใช่ไหม นี่มันเร็วเกินไปแล้ว!”
ผู้ทดสอบส่วนใหญ่ยังคงหลอมเหลววัสดุ เมื่ออยู่ต่อหน้าสวี่ล่ายกับน่าหลันซือเยี่ยนซึ่งสามารถเริ่มขั้นตอนการแกะสลักค่ายกลได้แล้ว จึงได้รับแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“บัดซบ!ไอ้บ้านนอกอัปลักษณ์นั่น มันยังเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?” เปลวไฟแห่งความโกรธปะทุในดวงตาของหลินจื่อชิง ความอิจฉาริษยาที่ไม่อาจบรรยายได้พลุ่งพล่านขึ้น
การแสดงของสวี่ล่ายในตอนนี้ มันดึงดูดความสนใจของทุกคนที่มาร่วมงาน หลินจื่อชิงจึงเกิดแรงกระตุ้นที่จะเร่งมือเพื่อโค่นล้มสวี่ล่าย
“อาวุโสสาม พรสวรรค์ของชายหนุ่มแซ่ฟางคนนั้นน่าทึ่งมาก ข้าคิดว่า......”
“อึม เราจะรายงานเรื่องนี้ให้ทางตระกูลทราบทันที”
“ผู้อาวุโส ตระกูลของเรากำลังต้องการผู้มีความสามารถด้านการประสานค่ายกลอย่างเร่งด่วน ข้าคิดว่าพวกเราควร……”
“ข้ารู้ พวกเราควรทำทุกวิถีทางเพื่อว่าจ้างเขา”
ใต้เวที ตระกูลส่วนใหญ่เริ่มหารือกันแล้ว ว่าควรดึง ‘อัจฉริยะด้านการประสานค่ายกล’ ที่อยู่ข้างหน้ามาเป็นพวกหรือไม่
ในเวลาเดียวกัน สวี่ล่ายและน่าหลันซือเยี่ยนไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่วุ่นวาย หลังจากต่างคนต่างหยุดพักเล็กน้อย ก็ทำการหลอมหินประสานต่อ
ต้องรู้นะว่าการสลักค่ายกลลงในหินนั้นมีโอกาสล้มเหลว ดังนั้นเพื่อกันพลาด จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมหินประสานสำรองไว้ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาในภายภาคหน้า
ไม่นาน ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในการทดสอบ ระหว่างที่สาวกหลายคนในตระกูลกำลังหลอมหินประสาน พวกเขาทำผิดพลาดต่อเนื่องกัน สุดท้ายยอมรับตำหน่งสองดาว และได้แค่เสื้อคลุมดำไป
“ยอดเยี่ยมในที่สุดก็รวบรวมได้สำเร็จ!”
หลินจื่อชิงปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตัวเอง หลังจากความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดก็สร้างหินประสานได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลินจื่อชิงหันศีรษะไปมองสวี่ล่ายก็พบว่าฝ่ายหลังกำลังหลอมวัสดุเพื่อเตรียมหินประสานสำรองอยู่
“ไอ้ทุเรศเอ๊ย!” หลินจื่อชิงลอบกัดฟัน ก้มมองหินประสานก้อนเดียวในมือ เกิดแผนกการหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ
“เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังอันสูงส่งของตระกูล เพื่อได้รับความโปรดปรานจากหญิงงาม ตอนนี้เราทำได้แค่เสี่ยง ใช้หินประสานก้อนเดียวเท่านั้น!”
หลินจื่อชิงคิดได้แบบนี้ ก็นำขวดหยกขนาดเล็กออกจากแหวนมิติ แล้วเทโอสถเม็ดสีฟ้าออกมา
โอสถย้อนปราณ! นี่คือยาที่สามารถฟื้นคืนค่าปราณบริสุทธิ์เล็กน้อยได้ในชั่วพริบตา หาซื้อได้ยากตามท้องตลาด และมีราคาแพงมาก
ใบหน้าของหลินจื่อชิงแสดงถึงความเจ็บปวด กัดฟันครั้งสุดท้าย กลืนเม็ดโอสถย้อนปราณลงไป
เม็ดยาละลายในท้อง กระแสอันอบอุ่นค่อยๆ เติมเต็มตันเถียนที่แห้งเหือดในไม่ช้า
“มาสู้กันต่อ!” หลินจื่อชิงเปิดค่ายกลป้องกันทันที เตรียมการสู่ขั้นต่อไป
สิ่งที่หลินจื่อชิงคิด คือหากต้องการเอาชนะสวี่ล่าย มีแต่ต้องแซงหน้าอีกฝ่าย สลักค่ายกลลงในหินให้เสร็จก่อนเขาเท่านั้น
ความคิดนี้แม้ว่าจะดี อย่างไรก็ตาม...
“ไม่... ไม่ได้การ! มันจะระเบิด!”
บรึ้ม——!
เกิดเสียงดังสนั่น คลื่นอากาศสีแดงเพลิงลอยสูง
หึ่ง หึ่ง~!
อักขระยันต์เริ่มหมุนวน กระตุ้นค่ายกลใหญ่ ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ พลังงานที่เกิดจากการระเบิดกว่า 7 8 ส่วนก็ถูกดูดซับ
หวืออออ!
เงาดําทะมึนบินออกมาจากค่ายกลอย่างทุลักทุเล
“แค่กๆ...ไอ้บ้าเอ๊ย!”
ใบหน้าของหลินจื่อชิงก็มืดมน เส้นผมไหม้เกรียม เสื้อผ้ายังพบรอยไหม้หลายจุด
“โว้ว! เล่นเอาข้าตกใจแทบแย่!” สวี่ล่ายหันศีรษะไปมอง โชคดีที่มีค่ายกลป้องกันติดตั้งไว้ มิฉะนั้น พลังงานที่เกิดจากการระเบิดเมื่อครู่ เกรงว่าคงทำให้ทุกคนในห้องได้รับผลกระทบ
“ศิษย์พี่หลิน ท่านเป็นอะไรไหม?”
ณ ขณะนี้ น่าหลันซือเยี่ยนหยุดสิ่งที่เธอทำ หันหน้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้า...ไม่เป็นไร...” หลินจื่อชิงตอบอย่างกระอักกระอ่วน
“ความล้มเหลวเป็นครั้งคราวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ศิษย์พี่หลินพักผ่อนก่อนนะ เมื่อพร้อมค่อยเริ่มลงมือต่อ”
“ตกลง ขอบคุณศิษย์น้องหญิงน่าหลันสำหรับความห่วงใย”
หลินจื่อชิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็จัดแจงเสื้อผ้า นั่งขัดสมาธิหลังจากกลืนเม็ดยาฟื้นฟูปราณบริสุทธิ์ในร่างกาย
ตามระเบียบข้อบังคับ
ตราบใดที่จำนวนความล้มเหลวไม่เกินสามครั้ง ผู้ทดสอบสามารถดำเนินการต่อได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สวี่ล่ายหลอมหินประสานก้อนที่สามได้สำเร็จ
“ฮู้! ใช้ปราณบริสุทธิ์ในร่างกายไปไม่น้อยเลย” สวี่ล่ายเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากตัวเอง หันศีรษะและมองน่าหลันซือเยี่ยน
เห็นเพียงน่าหลันซือเยี่ยนหยิบหินประสานเปล่าๆก้อนที่สามออกมาเช่นกัน และดูก็รู้ ว่า ปราณบริสุทธิ์ ในร่างกายของน่าหลันซือเยี่ยนใกล้จะหมดลง
สวี่ล่ายหยิบหินประสานค่ายกลออกจากแหวนมิติ บีบให้แตกแบบไม่ลังเล
ติ๊ง!
อักขระยันต์ชุดหนึ่งก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ใต้เท้าของสวี่ล่าย
“หือ? นี่มัน... ค่ายกลหล่อเลี้ยงปราณ?”
“ไม่มีทาง? หรูหราขนาดนี้เลย?”
“นี่...เจ้าเด็กคนนี้ฟุ่มเฟือยจริงๆ!”
ค่ายกลหล่อเลี้ยงปราณ แม้ว่าจะเป็นเพียงค่ายกลระดับหนึ่งขั้นต่ำ แต่สวี่ล่ายกลับนำมันออกมาใช้อย่างสบายๆ นี่ฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อยจริงๆ
เพราะถึงอย่างไร สิ่งของอย่างโอสถย้อนปราณ ขนาดในหมู่คนธรรมดายังถือว่ามันล้ำค่ามากแล้ว ฉะนั้นหินประสานค่ายกลชิ้นนี้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
หึ่ง หึ่ง~!
เกิดเสียงค่ายกลทำงานอีกครั้ง ตามด้วยรัศมีแสงสีครามสว่างวาบ เกิดชั้นเมฆขาวก่อตัวอย่างช้าๆ ปกคลุมสวี่ล่ายและโต๊ะหลอมเอาไว้ ปิดกั้นการมองเห็นส่วนใหญ่
“นี่...”
“ค่าย ... ค่ายกลเมฆคราม!?”
“เอ่อ เจ้าเด็กนี่มัน ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ปรมาจารย์ว่านและเหล่าผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลอดมองหน้ากันไม่ได้ ก่อนส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น
ค่ายกลเมฆคราม มันคือค่ายกลป้องกันระดับ 1 ขั้นสูง นอกจากจะมีผลในการป้องกันไม่ให้คนนอกเข้ามาแล้ว ตัวเมฆยังมีผลในการบดบัวิสัยทัศน์ภายนอก เป็นค่ายกลที่ผสมผสานระหว่างการป้องกันและปกปิด
ผู้เชี่ยวชาญการประสานค่ายกลส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ พวกเขาล้วนมีทักษะประจำตัวยามทำการประสานค่ายกล และทักษะเหล่านี้มีความสำคัญยิ่ง ไม่อาจประเมินค่าได้ ด้วยเหตุนี้ ระหว่างทำการแกะสลักค่ายกลลงในหิน ส่วนใหญ่จึงมีมาตรการป้องกันเพื่อซ่อนความลับของตัวเอง ปิดกั้นสายตาสอดรู้สอดเห็นจากภายนอก
และสำหรับสวี่ล่ายแล้ว เขายิ่งจำเป็นต้องรักษาความลับ เพราะทักษะการประสานค่ายกลนี้ เขาสืบทอดมาจากซือถูเหยาสู่ แล้วจะเปิดเผยมันง่ายๆได้อย่างไร หากมีผู้ใดเห็นแล้วฉุกคิดได้ อาจนำปัญหามาให้ตนเอง
“ศิษย์พี่ว่าน หลานชายฟางเขา...” ปรมาจารย์ไป๋ยังมีข้อสงสัยบางอย่างในใจ
“ไม่เป็นไรหรอก นี่ไม่ใช่การละเมิดกฎ โฮ่ โฮ่ หลานชายฟางคงได้รับทักษะลับบางอย่างมาจากปรมาจารย์ย์เฉิน จึงไม่สามารถเปิดเผยมันอย่างโจ่งแจ้งได้ ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ” ปรมาจารย์ว่านพยักหน้าและชมเชย ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับวิธีการนี้ของสวี่ล่าย
หึ่ง หึ่ง!
ณ ตอนนี้ น่าหลันซือเยี่ยนเองก็ติดตั้งค่ายกลหมอกน้ำสีฟ้าขึ้นเช่นกัน และหน้าที่ของมันเหมือนกับของสวี่ล่ายทุกประการ
แต่ในตอนนั้นเอง ...
“ไม่ ... ไม่ได้การ!”
บรึ้ม——!