ตอนที่แล้วบทที่ 282 – บุตรสาวของท่านจอมพล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 284 – เริ่มเคลื่อนไหว

บทที่ 283 – การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ


ผมรู้สึกว่าเสื้อตัวในนั่นชุ่มไปด้วยเหงื่อหมดแล้ว ตอนที่กำลังเดินออกมาจากศูนย์บัญชาการใหญ่ การต้องแสดงออกซึ่งอารมณ์เกินความจำเป็นมันทำให้ไม่สบายตัวจริง ๆ

มู่จือเอ่ยปากบอกกับเค้อหลุนตัวระหว่างทางเดินกลับไปตำหนักชั่วคราว “พี่ใหญ่หวาเหลิ่ง ท่านกลับไปคนเดียวก่อน ข้าต้องการเดินเล่นอยู่กับจางกงก่อนสักพัก”

เค้อหลุนตัวไม่ได้โต้แย้งอะไร แถมยังมีการขยิบตาให้สัญญาณกับผมก่อนที่จะเดินจากไปอีกด้วย ผมเห็นว่ามู่จือนั้นมีสีหน้าบึ้งตึงตั้งแต่ก่อนกินอาหารแล้ว น่าจะมีสาเหตุมาจากเหลียนนาแน่ ๆ แต่อาการโกรธกลับดูน่ารักมากในสายตาของผม ดังนั้น ผมจึงไม่ได้ถามอะไรเธอให้มากมาย แค่เดินคู่ไปกันไปอย่างอ้อยอิ่งเท่านั้น

แสงแดดยามบ่ายยังคงร้อนแรงอยู่เป็นอย่างมาก ผมสังเกตเห็นว่าเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาไรผมของมู่จือ ทำให้ผมรวบรวมธาตุเวทย์มนต์มาจำนวนหนึ่ง สร้างเป็นชั้นเวทย์น้ำขึ้นเหนือศีรษะของเธอเพื่อบังความร้อนแรงของแสงแดดเอาไว้ นั่นทำให้เธอหันมาเบ้ปากใส่ผมทันที

ผมกระแอมออกมา ก่อนที่จะเอ่ยถาม “ทำไม? อยากให้ฉันจูบเธอหรือยังไง?”

เธอแทบจะกระโดดตัวลอยด้วยความตกใจ รีบใช้มือปิดปากของตัวเองเอาไว้ในทันที กล่าวออกมาหน้าแดง ๆ “นายนี่มันจริง ๆ เลย บอกฉันมาตามตรงเดี๋ยวนี้ ไปรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง?”

ผมตอบออกไปอย่างบริสุทธิ์ใจ “ไม่ใช่ฉันบอกไปแล้วหรือ? ก็แค่เคยช่วยเธอเอาไว้ครั้งหนึ่งเท่านั้น”

เธอคำรามออกมาอย่างไม่เชื่อที่ผมพูดนัก “ใครจะไปรู้ล่ะ นายอาจจะรู้จักเธอมานานแล้วก็ได้ ไม่อย่างนั้น เธอจะมีความรู้สึกดี ๆ ให้นายมากขนาดนั้นได้ยังไง?”

ผมยิ้มปากเบี้ยวทันที “ฉันพูดความจริงนะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมเธอถึงได้ดูกระตือรือร้นขนาดนั้น ฉันเคยพบกับเธอก่อนหน้านี้แค่ครั้งเดียวจริง ๆ แล้วตอนนั้นฉันก็อัปลักษณ์อย่างนี้แล้วด้วย ใครจะอยากอยู่กับฉันกัน? แน่นอนว่ายกเว้นเธอคนเดียว ทำไม? เกิดหึงฉันขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”

มู่จือทุบผมอย่างไม่ออมแรงเลย “ใครจะไปหึงนาย น่ารำคาญจริง ๆ”

ผมหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฉันจำได้ว่าเธอเคยเป็นคนใจกว้าง แล้วก็ชอบยัดเยียดคนอื่นให้ฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมคราวนี้ถึงได้คิดมากขึ้นมาได้ล่ะ?”

เหมือนเธอจะโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “แล้วทำไมฉันจะคิดไม่ได้? นายพูดถูก ฉันหึง! แล้วทำไมล่ะ? ต่อจากนี้ไปนายห้ามมีคนอื่นอีก นอกจากไหสุ่ยอีกคนเท่านั้น! ได้ยินที่ฉันพูดชัดมั้ย? ถ้านายไม่ทำตามที่พูด ฉันจะไม่ยกโทษให้นายเลย!”

ผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจ “แล้วเธอจะทำอะไรฉันได้?” รอยยิ้มของผมนั้นดูเจ้าเล่ห์ทีเดียว “ไม่ยกโทษให้ฉันแล้วยังไงล่ะ?”

หน้าของมู่จือแดงขึ้นมาแล้ว แต่ครั้งนี้น่าจะเกิดจากการโมโหมาก “หลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว นายจะต้องนอนนอกห้อง ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ฉันเลย เป็นยังไง? แค่นี่พอมั้ย?” ท่าทางของเธอตอนนี้ยิ่งดูน่ารักขึ้นไปอีก มันเป็นเวลานานมากแล้ว ที่เธอไม่ได้โต้เถียงกับผมแบบนี้เลย

ผมรีบใช้มือโอบไหล่เธอเอาไว้ ก่อนจะกล่าวเสียงจริงจังกับเธอ “เธอก็น่าจะรู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเป็นคนเดียวที่ฉันรักมากที่สุดในโลกนี้ แม้ว่าฉันอาจจะมีใจให้กับไหสุ่ยอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่แน่นักว่าเธอจะรับสภาพหน้าตาแบบนี้ได้หรือเปล่า และตั้งใจว่าจะให้เวลาเธอได้ตัดสินใจสักระยะหนึ่ง ถ้าเธอยังต้องการอยู่กับฉัน แน่นอนว่าฉันจะต้องดูแลเธออย่างดีด้วยเหมือนกัน แต่ถ้าคำตอบคือไม่ ฉันก็คงจะไม่รั้งเธอเอาไว้เหมือนกัน แบบนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ? พอใจมั้ย? แล้วเรื่องที่ฉันจะไปสนใจผู้หญิงคนอื่นอีก ของถามหน่อยเถอะ จะมีใครคนไหนที่งดงามไปกว่ามู่จือของฉันได้อีก?”

ตัวของมู่จือสั่นเล็กน้อย แสดงว่าคำอ้อนของผมนั่นมีผลมากเลยทีเดียว “ไหสุ่ยไม่ใช่คนที่มองแต่ภายนอกอย่างแน่นอน เธอจะต้องตัดสินใจอยู่ข้างนายเหมือนกับฉันแน่ สิ่งที่พวกเรารัก คือตัวตนของนาย ไม่ใช่รูปร่างหน้าตาเสียหน่อย”

ผมยิ้ม “มาหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นกันเถอะ แต่ตอนนี้พวกเราน่าจะกลับกันได้แล้วมั้ง ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นจะนินทาอะไรอยู่บ้าง”

เกาเต๋อเป็นคนแรกที่เริ่มลงมือ เสียงของเขาดังออกมาตั้งแต่ที่พวกเราก้าวเท้าเข้าไปในตำหนักชั่วคราวเลย “อั้ยยะ! ท่านทูตของเทพเจ้าของพวกเรากลับมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเชื่อฟังภรรยามากเลยนะ!”

ผมตะคอกเขาอย่างไม่จริงจังนัก “นายว่าใครเชื่อฟังอะไรกัน พวกเราแค่ออกไปเดินเล่นมาเท่านั้นเอง”

ซิงโอวเข้ามาอีกคนแล้ว “ไม่น่าจะแค่นั้นละมั้ง! จากการข่าวที่เราได้มา นายรีบเอาแผลที่โดนมู่จือลงโทษมาให้พวกเราดูดีกว่า จะได้รีบรักษาได้ทัน”

เค้อหลุนตัวมองผมด้วยสายตาอันใสซื่อ “ไม่ต้องมองมาที่ข้าเลย เป็นพวกเขาบังคับให้ข้าบอกออกไป ข้าสู้พวกเขาไม่ได้ เลยต้องใช้วิธีนี้รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อน”

มู่จือเดินเข้ามาปัดมือที่กำลังยื่อออกมาจับอยู่ที่ไหล่ของผมออก ก่อนที่จะซบลงกับอกผม พร้อมกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “ใครบอกว่าเขาโดนทำโทษกันหรือ? อย่าได้พูดเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอย่างนั้นออกมาเชียว จริง ๆ แล้ว เมื่อสักครู่นี้เขายังดุฉันอยู่เลย ว่าทำตัวไม่สุภาพระหว่างมื้ออาหาร ทุกคนต้องยกโทษให้ฉันด้วยนะ” ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้นที่ตาค้าง ตกใจกับการประกาศตัวอย่างเปิดเผยของมู่จือ แม้แต่ผมเองก็คาดไม่ถึงเลยเหมือนกัน

ตอนนี้ผมไม่สนใจอะไรแล้ว หลังจากที่มองดูเกาเต๋อ ซิงโอว และคนอื่น ๆ ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก็ใช้โอกาสนี้จูงมือมู่จือหนีกลับไปที่ห้องของตัวเองทันที โปรดอย่าได้เข้าใจอะไรผิดไป ผมไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลยจริง ๆ

เข้ามาในห้อง ผมก้มลงจูบบนใบหน้าของมู่จืออย่างหนักหน่วง “ทำไมถึงได้ใจดีแบบนี้? นั่นมันเป็นการทำให้ฉันได้หน้ามากเลยนะ”

เธอพิงตัวเข้ากับหน้าอกของผม แล้วกระซิบออกมา “มันก็ควรจะเป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าอยู่กันสองคนนายต้องเป็นคนเชื่อฟังฉัน แต่ถ้าอยู่ข้างนอก ฉันจะทำตามที่นายบอก คนอื่น ๆ จะได้เคารพนาย ไม่อย่างนั้น ภาพพจน์ของนายจะกลายเป็นคนกลัวภรรยาไป นั่นมันดูไม่ค่อยดีเท่าไร”

ใบหน้าของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มู่จือของฉันนี่ดีที่สุดเลย เธอไม่รู้หรอกว่าฉันชอบแบบนี้แค่ไหน”

แววตาเจ้าเล่ห์ปรากฏแวบขึ้นในดวงตาของเธอ “นายไม่ได้ฟังที่ฉันบอกไปชัด ๆ หรือยังไง? ถ้าอยู่กันสองคน นายต้องเชื่อฟังฉันอย่างดีที่สุดด้วย ห้ามเถียงออกมาแม้แต่คำเดียวนะ”

แต่ตอนนี้ผมซึ่งกำลังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่มีความสุข จะต้องไปคิดอะไรให้มันมากมายอีก ตบหน้าอกตัวเองเสียงดัง ก่อนจะยืนยันออกไป “ไม่มีปัญหา ถ้าอยู่ในบ้านเธอเป็นเจ้านาย ส่วนถ้าอยู่ข้างนอก ก็ยกให้ฉันเป็นผู้นำเอง ตอนอยู่บ้านฉันจะเชื่อฟังเธออย่างเต็มที่เลย” นั่นเรียกรอยยิ้มของมู่จือออกมาได้

.........

หลังจากผ่านเวลาไปอีก 10 วัน เจ้าชายก็ได้รับข่าวเรื่องการตัดสินใจของอาณาจักรอ้ายเซี่ยและอาณาจักรต้าลู่กลับมาแล้ว พวกเราถูกเชิญให้เข้าร่วมพูดคุยกันอีกครั้ง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ? หรือว่าต้าลู่กับอ้ายเซี่ยไม่เห็นด้วยกับการเจรจา?”

เสียงของเจ้าชายตอบกลับมา “ไม่ได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้นหรอก เรื่องราวใกล้จะได้บทสรุปแล้ว ในจดหมายที่ตอบกลับมา มันระบุเอาไว้ว่าอาณาจักรต้าลู่ตกลงเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรอ้ายเซี่ยแล้ว กองทัพของต้าลู่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของอาณาจักรอ้ายเซี่ยชั่วคราว องค์ราชาของอ้ายเซี่ย ราชาเคอจาอ้าวเอ่อร์ จะเป็นผู้บัญชาการใหญ่ในสนามรบด้วยพระองค์เอง แล้วยังระบุมาอีกด้วยว่า กองกำลังทั้งหมดของสองอาณาจักร จะอยู่ภายใต้การบัญชาการของราชาเคอจาอย่างเต็มตัว แน่นอนว่านี่ไม่นับรวมกองทหารม้าจากอาณาจักรซิวต้า แต่ในจดหมายไม่ได้กล่าวออกมาอย่างชัดแจ้ง ว่าพวกเขาจะสงบศึกหรือเลือกที่จะทำสงครามต่อไป นี่ทำให้ข้าคิดว่า พวกเราคงต้องเจอกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว”

พี่ใหญ่จ้านหู่เอ่ยปากถามฟงห้าวออกไป “ท่านจอมพล! ไม่ใช่ว่าอาณาจักรของท่านโดยปกติแล้วรักสันติมิใช่หรือ? ทำไมถึงได้ยอมเป็นพันธมิตรกับอ้ายเซี่ย ก่อนเรื่องยุ่งยากแบบนี้ขึ้นมาได้?”

เขาทำได้แค่ถอนหายใจยาวเท่านั้น “ข้าก็ไม่แน่ใจในรายละเอียดเหมือนกัน ว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุให้องค์ราชาตัดสินพระทัยเช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ข้านั้นเป็นทหารในกองทัพ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ต้องขออภัยทุกคนจากใจจริงด้วย”

ผมคำรามออกมาอย่างเย็นชา “ข้าไม่รู้ว่าอาณาจักรอ้ายเซี่ยให้อะไรเป็นการตอบแทน ถึงทำให้อาณาจักรของท่านยอมยกอำนาจในการควบคุมกองทัพให้กับพวกเขาเป็นการชั่วคราวได้? แต่ท่านไม่คิดว่านี่มันไร้เหตุผลเกินไปหน่อยอย่างนั้นหรือ?” แล้วตอนนั้นนั่นเอง ความคิดของผมก็วาบขึ้นมา ตามปกติแล้ว อาณาจักรอ้ายเซี่ยมีชื่อเสียงอย่างมากเรื่องเวทย์มนต์ ถ้าพวกเขาจะจูงใจอาณาจักรต้าลู่ที่ทั้งโอ่อ่า และร่ำรวยอยู่แล้วได้ มันก็ต้องเป็นแค่เรื่องนี้เท่านั้น หือม์! ราชาเคอจา ท่านคิดที่จะวางแผนอะไรกับผมอย่างนั้นหรือ? ได้เลย!! ผมจะเล่นด้วยกับท่านจนถึงที่สุด!!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด