ตอนที่ 89 ลำแสงหิ่งห้อย
(วันนี้ตอนเดียวครับ แปลไม่ทัน ออกไปทำธุระทั้งวัน)
ตุบๆๆ
ไม่นานเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนักล่าทั้งหมดก็ปรากฏตัวจากสามทิศทาง
“ท่านเจ้าเมือง!”
ทั้งหมดเมื่อมาถึงก็แตกตื่นกับสัตว์อสูรสองตัว และซากของอสูรหนอนเก้าส่วนที่กองอยู่กับพื้น
“มาแล้วหรอ งั้นทุกคนเก็บเจ้านี้ไปที”
มู่เหลียงปล่อยให้ทุกคนกลับบ้านมือเปล่าไม่ได้หรอก อย่างน้อยก็ควรมีอะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง
“ขอรับ”
ทุกคนขานรับ และมองหน้ากันด้วยความตื่นตกใจ การออกล่าครั้งแรกในฐานะนักล่าของเมืองเต่าทมิฬ พวกเขากลับล่าอะไรไม่ได้เลย และเก็บได้แต่ฟืนไม้เท่านั้น
พวกเขาคิดภาพออกเลยว่าหากพวกเขากลับไปมือเปล่าคนในครอบครัวของเขาจะมีแววตาเช่นไร
“เอา!! ยืนบื้ออะไรอยู่ได้ มาช่วยกันตรงนี้สิ!”
เว่ยกังร้องตะโกนขึ้น ขณะกำลังแล่เนื้ออยู่
“งั้นฉันไปขนฟืนกลับไปดีกว่า”
หยู่เฟ่ยหยานยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนที่จะเดินไปที่ต้นไม้แถวๆ นั้น
มู่เหลียงเวลานี้ให้ความสนใจซากของอสูรหนอนเก้าส่วนมากกว่า
อยู่ๆ พื้นดินก็สะเทือน
ปัง!!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากพื้นดิน ได้ดันร่างส่วนที่เหลือของ อสูรหนอนออกมาจากพื้น
“....!?!”
เว่ยกังหงายหลังไป และรู้สึกตกตะลึง กับฝ่ามือที่ผุดขึ้นมาจากดิน….นี้เป็นพลังของมู่เหลียงยังงั้นหรอ?
“ท่านเจ้าเมืองเป็นผู้ตื่นพลังแห่งปฐพีงั้นหรอ?”
เว่ยกังพยักหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาสามารถคาดเดาพลังของมู่เหลียงได้เลยจากขนาดของฝ่ามือนี้ อย่างน้อยๆ ท่านเจ้าเมืองของเขาก็เป็นผู้ตื่นขั้น 6
“ปฐพี….ไม่ใช่ว่าเป็นวารีงั้นหรอ แล้วไหนจะพ่นใยได้อีก?”
หยู่เฟ่ยหยานมองฝ่ามือที่ทำมาจากดินและหินด้วยความประหลาดใจ
ทำให้เธอนึกถึงเรื่องเล่าในตำนาน ผู้ตื่นที่มีพลัง 3 อย่าง
“นี้มัน….ขี้โกงชะมัด”
หยู่เฟ่ยหยานนั้นเคยรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้ความมั่นใจของเธอถูกบดขยี้จนไม่เหลือ
“เสี่ยวไก มานี้หน่อย แบกสิ่งนี้กลับไปที”
มู่เหลียงกวักมือเรียกกิ้งก่าสามสีให้มันมาแบกของ
กี้…..
มันส่งเสียงอ่อยๆ และมองดูซากร่างของอสูรหนอนเก้าส่วนอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็เดินมาอยู่ข้างๆ ฝ่ามือหินยักษ์อยู่ดี
“อย่าขยับนะ เดี๋ยวฉันจะเอาใยแมงมุมรัดมันเอาไว้”
มู่เหลียงให้ฝ่ามือนั้นเอาร่างของอสูรหนอนวางบนหลังของเสี่ยวไก และเริ่มจัดท่าให้เรียบร้อยก่อนจะมัดขนกลับ
“เอ๋…มีแมลงเรืองแสงได้ด้วย….”
เสียงประหลาดใจของหยู่เฟ่ยหยานดังขึ้น
“แมลงเรืองแสงงั้นหรอ”
มู่เหลียงหันมาสนใจทันที
เขาเดินเข้าไปหาหยู่เฟ่ยหยาน และเห็นว่ามีแมลงตัวเล็กๆ กว่านิ้วก้อยเกาะอยู่ที่กิ่งไม้ที่ตายแล้ว มันเปล่งแสงสีเหลืองจางๆ ออกมา จากตูดของมัน
“โอ้ นั้นมันหนอนเรืองแสง”
เว่ยกังเหลือบไปมองเห็นเลยพูดขึ้น
“มันเป็นแมลงที่เปล่งแสงได้อยู่ตามป่า ถ้ามันโตอีกหน่อยมันจะบินได้ และชอบที่จะไปเกาะตามสัตว์อสูรเพื่อกินเหงื่อไคลตามผิวหนัง”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นอะไรแบบนี้เลย”
หยู่เฟ่ยหยานพูดด้วยความตื่นต้น
“หนอนเรืองแสงงั้นหรอ….”
มู่เหลียงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และคิดว่ามันเหมือนกับหิ่งห้อยที่บ้านเขา
และเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหากรับสิ่งนี้มาฝึกเลี้ยงมันจะแสดงพลังแบบไหนออกมา
“อ้าา มันจะบินหนีไปแล้ว”
หยู่เฟ่ยหยานพยายามที่จะจับหนอนเรืองแสงด้วยความตื่นเต้น และอยากเอามันกลับไปให้แม่ของเธอดู
และเธอยังคิดว่ามันอาจจะหลอกล่อมินโฮให้เด็กสาวคุ้นเคยกับเธอได้
ฟิ้ว!
ใยแมงมุมที่โปร่งแสงถูกยิงออกไป และพันเข้ากับร่างของหนอนเรืองแสง
ฟิ้วๆ
แล้วตอนนั้นเองหนอนเรืองแสงก็หายไปต่อหน้าต่อตาหยู่เฟ่ยหยาน ทำให้เธอตกใจ และมองไปรอบๆ ด้วยความเสียดาย
“มันหายไปไหนแล้ว!”
“ระบบ ฝึกฝนสิ่งนี้”
มู่เหลียงกำหนอนเรืองแสงในมือ อย่าระมัดระวัง
-ติ๊ง ตรวจสอบหนอนเรืองแสงระดับ 0 ทำการฝึกฝน…-”
-ใช้แต้มฝึกฝน 10 แต้มในการรับเลี้ยง ฝึกฝนหนอนเรืองแสงระดับ 1 สำเร็จ-
หนอนเรืองแสงได้เปล่งแสงสีเหลืองอ่อนออกมา และร่างของมันก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
มู่เหลียงคลายใยออก และปล่อยให้ตัวของหนอนเรือนแสงเติบโตขึ้น จนขนาดของมันเท่ากับนิ้วโป้ง
-ติ๊ง! เจ้านายต้องการสืบทอดพลังของหนอนเรืองแสง และรับทักษะ ส่องแสง หรือไม่-
“รับ”
มู่เหลียงพยักหน้า
ถ่ายทอดทักษะพลังสู่ร่างเจ้านาย….ปรับปรุง….ถ่ายทอดสำเร็จ-
มู่เหลียงลองเปิดใช้งานส่องแสงดู และเห็นว่าที่ปลายนิ้วของเขาเกิดแสงขึ้น ไม่ต่างจากเทียนวันเกิด
“อะไร…แค่เนี้ย!”
มู่เหลียงถึงกับผิดหวังอย่างแรง ไม่คิดว่าความสามารถจะอ่อนแอขนาดนี้
หรือว่าระดับ 1 ยังอ่อนแออยู่ มู่เหลียงคิดเข้าข้างตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจวิวัฒนาการมันต่อ
“ระบบวิวัฒนาการหนอนเรืองแสงเป็นระดับ 4”
มู่เหลียงสั่งระบบอีกครั้ง
-ติ๊ง!! หากต้องการวิวัฒนาการจากระดับ 1 ไประดับ 4 จำเป็นต้องใช้แต้มฝึกฝน 1,110 แต้ม-
-หักแต้มฝึกฝน …..วิวัฒนาการหนอนเรืองแสงระดับ 4 สำเร็จ-”
-ติ๊ง!! ส่องแสงวิวัฒนาการเป็น ประกายแสงขั้นสูง-
-ทำการถ่ายโอนความสามารถสู่ร่างเจ้านาย….ปรับปรุง….การถ่ายทอดสำเร็จ-
หลังจากวิวัฒนาการสำเร็จ หนอนเรืองแสงก็ตัวโตขึ้นจนเท่ากับฝ่ามือของเขา
เขาสังเกตมันอย่างระมัดระวัง และพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ดูไปดูมา มันเหมือนกับหิ่งห้อยผสมกับเต่าทองเลย”
ที่ปีกกลางหลังของมันประกบกันเป็นรูปตัว T และมีสีแดงมีส่วนโค้งเว้าเหมือนผลน้ำเต้า
ปีกแข็งด้านหลังของมันดูโปร่งแสง และดูเหมือนกับผลึก
“ไหนแสดงพลังใหม่ของแกให้ฉันดูหน่อย”
มู่เหลียงสั่งให้หนอนเรืองแสงแสดงพลังของมัน
หึ้งๆๆๆ
มันบินขึ้นจากฝ่ามือของมู่เหลียง ก่อนที่ส่วนก้นของมันจะเปล่งแสงออกมา เหมือนกับหลอดไฟขนาด 20 วัตต์
“เอาจริงดิ!”
มู่เหลียงถึงกับหน้าเคร่งเครียด
มันจะน่าผิดหวังไปแล้วที่หนอนเรืองแสงตัวนนี้มีพลังแค่หลอดไฟ 20 วัตต์
สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่หลอดไฟเท่านั้น
มันทำให้มู่เหลียงผิดหวัง
“นั้นอะไร….ว้าว เป็นหนอนเรืองแสงที่ตัวใหญ่จริงๆ”
หยู่เฟ่ยหยานเห็นแสงไฟขึ้นจึงตามแสงนั้นมา
เธอเอามือบังตาไว้เล็กน้อย เพื่อจะมองไปยังหนอนเรืองแสงที่ขนาดตัวเท่ากำปั้น
“มีหนอนเรืองแสงเยอะขนาดนี้เลยงั้นหรอ”
เว่ยกังที่เห็นแสงก็เข้าใจผิดคิดว่าแสงนี้เกิดจากฝูงหนอนเรืองแสง ก่อนที่เขาจะเห็นว่ามันมาจากหนอนเรืองแสงตัวใหญ่
แว๊บแรกสิ่งที่เว่ยกังนึกออก เมื่อเห็นหนอนเรืองแสงตัวใหญ่ คือแถวนี้จะต้องมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่ด้วย ไม่งั้นเหงื่อไคลของสัตว์อสูรตัวเล็กๆ คงไม่พอสำหรับมันแน่
หึ้งๆๆ
ภายใต้แสงสว่างมีเพียงมู่เหลียงที่แสดงสีหน้าผิดหวัง แล้วอยู่ๆ หนอนเรืองแสงก็กระพือปีกเร็วขึ้นจนเกิดเสียงหึ้งๆ
ที่ก้นของมันเปล่งแสงมากขึ้นจนส่องเป็นลำแสงเหมือนไฟฉาย
ก่อนที่ลำแสงนั้นจะหดเล็กลง
ฟิ้ว!
แสงที่รวมอยู่ที่ก้นของมันพุ่งออกไปเป็นเส้นลำแสงเท่าไม้จิ้มฟัน
ตูม!!
เมื่อลำแสงนั้นกระทบกับต้นไม้ มันได้สร้างรูเท่ากำปั้นขึ้น พร้อมกับควันดำของการเผาไหม้
ครืน!! ตูม!!
แล้วต้นไม้ก็หักล้มลงทันที
“ปล่อยลำแสงได้งั้นหรอ!?”
มู่เหลียงร้องเสียงหลง
เขากระพริบตาหลายครั้ง และมองไปที่ต้นไม้ที่ล้มลง และมองไปยังหนอนเรืองแสงหลายครั้ง
“เป็น…..หนอนเรืองแสงที่น่ากลัวจริงๆ”
หยู่เฟ่ยหยานเองก็ตกใจไม่น้อย นัยน์ตาของเธอเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และมองไปยังหนอนเรืองแสงราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งนี้เกิดจากมัน
ความคิดที่จะจับหนอนเรืองแสงนั้นหายไปทันที ตอนแรกเธอคิดจะจับมันไปเป็นแหล่งผลิตแสงให้บ้านของเธอ
“เจ้าตัวนี้อันตราย!!”
เว่ยกังตั้งท่าทันที และเข้าไปขวางหยู่เฟ่ยหยานเอาไว้
เขากระชับดาบในมือ และพร้อมที่จะจัดการแมลงตัวนี้ ด้วยการโจมตีเดียว
“หิ่งห้อยน้อยมาหลบในแขนเสื้อของฉันก่อน”
เมื่อมู่เหลียงได้ยินสิ่งต่างๆ เขาก็ตอบสนองทันที
ขณะที่เห็นว่าเว่ยกังกำลังจะลงมือ เขาก็ยกแขนเสื้อและให้หนอนเรืองแสงมุดเข้าไป
จากแสงที่ส่องสว่างเจิดจ้าก็มอดดับเหลือแค่แสงจากปลายเทียน
ในที่สุดทุกสายตาก็จ้องมองไปยังมู่เหลียง
“อะไรน่ะ”
หยู่เฟ่ยหยานถึงกับประหลาดใจ
เกิดคำถามมากมายขึ้นในหัวของเธอ
“มู่เหลียง….อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้ก็คือสัตว์เลี้ยงของนายด้วย?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ”
มู่เหลียงผงกหัวตอบเบาๆ
“มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว นายไปหาหนอนเรืองแสงตัวขนาดนั้นมาจากไหน”
แววตาของหยู่เฟ่ยหยานนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา และมองไปยังแสงวูบวาบในแขนเสื้อของมู่เหลียง
“มันไม่ใช่หนอนเรืองแสง แต่เป็นหิ้งห้อยน้อยต่างหาก”
มู่เหลียงยิ้มและหงายมือให้เห็นร่างของหนอนเรืองแสง
เวลานี้เขาพอใจกับพลังของหนอนเรืองแสงแล้ว และอยากจะเห็นการเติบโตของมัน
ลองคิดภาพวันที่มันวิวัฒนาการมากขึ้น มันจะกลายเป็นปืนใหญ่ลำแสงบินได้ และด้วยคำสั่งเดียวของมู่เหลียง มันสามารถปล่อยลำแสงทำลายล้างลงมาจากมุมสูงที่ยากต่อการรับมือ
“หือ…หิ่งห้อยน้อยงั้นหรอ ชื่อนี้เหมาะกับมันดีนะ”
หยู่เฟ่ยหยานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เธอมองหนอนเรืองแสงอย่างเสียดายอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินไปตัดไม้ต่อ
สำหรับหนอนเรืองแสงตัวเล็กที่เธอเห็นก่อนหน้าเมื่อครู่ เธอก็ไม่คิดจะตามหามันอีกเลย
มู่เหลียงไม่ได้บอกว่าหิ่งห้อนน้อย คือหนอนเรืองแสงตัวนั้น เขาหันหน้ากลับมาและเปิดค่าสถานะใหม่ขึ้นมาดู
ผู้ฝึก : มู่เหลียง
ถึกทน 125.7
ปราณ 152
อายุขัย 24 / 3260 ปี
แต้มฝึกฝน 60 (คืนค่าทุกวัน และสะสมได้)
แต้มวิวัฒนาการ 9,058
ความสามารถ ศิลาโลก: ควบคุมใยพันสายระดับ 5 ประกายแสงขั้นสูงระดับ 4 (ซ่อน…)
…..
สิ่งที่ฝึกฝน เซียวหง แมงมุมผีแดง (ระดับ 5) ทักษะ ควบคุมใยพันสายระดับ 5
หิ่งห้อยน้อย หนอนเรืองแสง (ระดับ 4) ทักษะ ประกายแสงขั้นสูง ระดับ 4
(ซ่อน….)
…..
“เหลือแต้มแค่ 9,000 แบบนี้คงใช้มั่วๆ ไม่ได้อีกแล้ว”
หลังดูทุกอย่าง มู่เหลียงก็ปิดหน้าต่างสถานะลงไป
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน
เว่ยกังที่แบกฟืนไว้เต็มหลัง ก็พูดขึ้นด้วยความนอบน้อม
“ท่านเจ้าเมือง พวกเราเก็บไม้เรียบร้อยแล้ว”
เวลานี้ทีมนักล่าทุกคนแบกท่อนซุง และท่อนไม้หลายท่อนไว้บนหลัง
“ฉันก็ได้มาเหมือนกัน”
หยู่เฟ่ยหยานเดินถือท่อนไม้เข้ามา
“งั้นเราก็กลับกันเถอะ”
มู่เหลียงพูดเบาๆ
ก่อนที่จะปล่อยให้หิ่งห้อยน้อยส่องแสงนำทางพวกเขากลับ
“ขอรับ”
ทีมนักล่าทุกคนขานรับอย่างแข็งขันและเดิมตามมู่เหลียงไป ในคืนที่มืดมิด