ตอนที่ 334 ห้ามต่อรอง!
ตอนที่ 334 ห้ามต่อรอง!
“โกลด์แพนเธอร์!? พวกคุณกำลังพูดถึงสัตว์อสูรธาตุไฟผสมน้ำแข็งอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เห็นได้ชัดว่าชายฉกรรจ์ผู้สวมสร้อยทองคำรู้สึกระแวงเซี่ยเฟยมาก เขาจึงขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปทางวินด์ไชม์เพื่อขอความคิดเห็น
“ฉูซือเขาคนนี้เป็นมิตรสหายที่ดีของฉันเอง ฉันให้การรับรองกับเขาได้” วินด์ไชม์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ในเมื่อเขาเป็นมิตรสหายที่ดีของพี่ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะบอกความจริงกับเขา” ฉูซือกล่าวพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับเซี่ยเฟยว่า
“ลอเรนโซ่มีลูกน้องคนหนึ่งที่คอยกดขี่คนจนและคอยหาทรัพย์สินกับผู้หญิงไปให้กับเขา ซึ่งลูกน้องคนนี้มีชื่อว่าไป๋ห่าว”
“เมื่อไม่นานมานี้คนของเราแจ้งมาว่าไป๋ห่าวได้รับสัตว์อสูรที่ชื่อว่าโกลด์แพนเธอร์มาโดยบังเอิญ ว่ากันว่าสัตว์อสูรตัวนี้มีระดับที่สูงมากและมีค่ามากกว่ายานรบทั้งลำ เราจึงวางแผนที่จะขโมยสัตว์อสูรตัวนี้มาก่อนที่ไป๋ห่าวจะมอบมันให้กับลอเรนโซ่”
“บอกตามตรงว่าถึงแม้ว่าพวกเราจะถูกเรียกว่ากบฏ แต่สมาชิกภายในทีมก็เป็นเพียงแค่พ่อค้ากับเกษตรกร พวกเราจึงไม่มีโอกาสชนะทหารของลอเรนโซ่ได้เลย ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงตั้งใจที่จะเอาอสูรตัวนี้ไปแลกเป็นอาวุธเพื่อมาจัดการกับลอเรนโซ่ในภายหลัง”
“สายข่าวแจ้งมาว่าไป๋ห่าวกลัวว่าสินค้ารอบนี้จะได้รับอันตราย เขาจึงคิดจะเริ่มขนส่งสินค้าไปให้เจ้านายของตัวเองในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเราต้องเริ่มเคลื่อนไหวทันทีไม่อย่างนั้นมันก็อาจจะสายเกินไป”
วินด์ไชม์พยักหน้าเสริมคำพูดของฉูซือเพื่อย้ำว่าสิ่งที่ชายฉกรรจ์พูดมาคือความจริงทุกประการ
“มันจะต้องเป็นโกลด์แพนเธอร์แน่ ๆ สัตว์อสูรตัวนี้มีระดับรองลงมาจากราชาสัตว์อสูรเท่านั้น ถ้านายสามารถเอามันมาเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของนายได้ มันก็จะมีประโยชน์กับนายมาก” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยคุ้นเคยกับเนื้อหาภายในบันทึกมนตราอสูรเป็นอย่างดี เขาย่อมรู้ดีว่าสัตว์อสูรอย่างโกลด์แพนเธอร์เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเพียงใด และถ้าหากว่าเขาสามารถทำให้สัตว์อสูรตัวนี้เป็นสัตว์อสูรรับใช้ของเขาได้สำเร็จ มันก็คงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้โดยรวมของเขาขึ้นไปจากเดิมเป็นอย่างมาก
“พี่วินด์ไชม์พวกเรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“ข้อตกลงอะไร?” วินด์ไชม์กล่าว
“พวกคุณกำลังต้องการอาวุธอยู่ใช่ไหม? ผมมีอาวุธอยู่บนยานของผมด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ผมยังมีทั้งอาหารกับยาด้วย และผมก็ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันกับโกลด์แพนเธอร์” เซี่ยเฟยกล่าว
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเซี่ยเฟยมีทั้งอาวุธและเสบียง
“จริงเหรอ?”
“นายพูดเรื่องจริงใช่ไหม?”
“พี่วินด์ไชม์สัตว์อสูรไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเรา พวกเราแลกมันกับเสบียงของน้องชายคนนี้ดีกว่า”
“ใช่แล้วพี่วินด์ไชม์ ตอนนี้ทุ่งดาวแห่งความตายกำลังอยู่ในสภาวะสงคราม ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเราจะมีเงินแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะสามารถหาซื้ออาวุธและเสบียงได้ สมมุติว่าสิ่งที่น้องชายเซี่ยเฟยพูดมาเป็นความจริงอาวุธกับเสบียงของเขาคงจะช่วยพวกเราได้เยอะมาก”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้พวกเราไม่มีแม้แต่อาวุธแล้วพวกเราก็คงไม่สามารถใช้จอบใช้เสียมสู้กับจิ้งจอกเฒ่าลอเรนโซ่ได้ใช่ไหม?”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ไม่ใช่นักรบที่แท้จริง ดังนั้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเซี่ยเฟยมีอาวุธและเสบียงอยู่ในมือ พวกเขาจึงรีบโน้มน้าวให้วินด์ไชม์ยอมรับข้อเสนอของเซี่ยเฟยโดยพลัน
“ตอนนี้ยานของนายอยู่ไหน?” วินด์ไชม์กล่าวถาม
“อยู่ห่างจากที่นี่ไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปยังหน้าจอไมโครคอมพิวเตอร์เพื่อเปิดใช้งานระบบเคลื่อนที่อัตโนมัติของเบโอเนท
—
“สิ่งที่ผมมีคือปืนเลเซอร์ไรเฟิล 50 กระบอก, ปืนพกแกมมา 10 กระบอก, ระเบิดคลื่นแสง 2 กล่อง, กระสุนปืนยาว 10 กล่อง, กระสุนปืนพก 10 กล่อง, เนื้อวัว, เนื้อหมู, เนื้อไก่, ผลไม้กระป๋องอย่างละ 100 กล่อง, แป้งอบแห้ง 3 ตัน นอกจากนี้ยังมีเกลือ, กาแฟ, เครื่องปรุงและยารักษาโรคอีกมากมาย พวกคุณคิดว่าของพวกนี้เพียงพอที่จะแลกกับโกลด์แพนเธอร์ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวขณะนำทุกคนเดินเข้าไปในคลังสินค้าของเบโอเนท
เดิมทีเขาตั้งใจที่จะมอบของพวกนี้ให้กับวินด์ไชม์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุดเธอก็เป็นเพื่อนสนิทของพอตเตอร์เขาจึงไม่ต้องการให้เธอใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมากนัก อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้ยินข่าวว่ามันมีโกลด์แพนเธอร์ปรากฏตัวขึ้นมา เขาก็เลยใช้เสบียงพวกนี้เพื่อขอแลกกับโกลด์แพนเธอร์ไปซะเลย และถึงแม้ว่าของพวกนี้จะมีค่าในยามสงครามแต่โกลด์แพนเธอร์ก็มีมูลค่ามากกว่าของพวกนี้นับ 100 เท่า
“พอ! โอ้พระเจ้าดูนั่นสิ! นั่นมันปืนเลเซอร์ไรเฟิลรุ่นใหม่ล่าสุด ถึงแม้ว่าเราจะมีเงินแต่เราก็คงจะไม่สามารถหาซื้อปืนรุ่นใหม่แบบนี้ในภูมิภาคดาวมฤตยูได้” ชายหนวดดำหยิบปืนไรเฟิลขึ้นมาก่อนราวกับว่าเขาเป็นเด็กที่ได้รับของเล่นใหม่
คนพวกนี้อาศัยอยู่ในทุ่งดาวแห่งความตายมาตั้งแต่เกิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยได้สัมผัสกับอุปกรณ์ระดับสูงที่ถูกขนส่งตรงมาจากพันธมิตร
“อุปกรณ์และเสบียงพวกนี้ดีมาก แต่สมาชิกภายในกองกำลังของเรามีอยู่มากกว่า 500 คน ดังนั้นอาวุธแค่นี้จึงยังไม่เพียงพอ” ฉูซือกล่าวเบา ๆ กับวินด์ไชม์
เซี่ยเฟยมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนทั่วไปมากเขาจึงสามารถได้ยินเสียงกระซิบระหว่างฉูซือกับวินด์ไชม์ได้อย่างชัดเจน และมันก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญชายที่ชื่อว่าฉูซือขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมันทำให้แผนการของเขาต้องใช้ต้นทุนมากขึ้นกว่าเดิม
“เดี๋ยวอีก 3 วันผมจะส่งปืนไรเฟิลมาให้เพิ่มอีก 500 กระบอก, กระสุนเพิ่มอีก 50 กล่องและเสบียงอื่น ๆ เพิ่มมากกว่านี้อีก 3 เท่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นี่นายพูดจริงใช่ไหม?” ฉูซืออุทานออกมาอย่างตกใจ
“จริงสิ แต่ผมมีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่จ้องมองไปทางวินด์ไชม์
“ข้อแม้อะไร?” วินด์ไชม์กล่าวทั้งที่ยังคงจมอยู่กับความสุขที่ได้รับเสบียงมาเป็นจำนวนมาก เธอจึงไม่ทันได้สังเกตถึงความต้องการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของเซี่ยเฟย
“คุณจะต้องกลับไปพันธมิตรพร้อมกับผม” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง
“อะไรนะ?!” วินด์ไชม์อุทานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ก่อนที่เธอจะจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความโกรธเล็กน้อย
“พูดตามตรงว่าโกลด์แพนเธอร์ไม่ได้มีค่ามากพอที่ผมจะต้องแลกมันกับเสบียงมากมายขนาดนี้เลย พี่วินด์ไชม์คุณน่าจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของผมดีใช่ไหม? ดังนั้นถ้าหากว่าผมต้องการคุณก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธคำขอของผมได้ ไม่อย่างนั้นข้อเสนอทั้งหมดนี้จะถือว่าเป็นโมฆะและขอให้ทุกคนโชคดีกับการใช้จอบใช้เสียมเพื่อต่อสู้กับลอเรนโซ่คนนั้น”
“พวกเรามาต่อรองกันหน่อยไหม? พี่วินด์ไชม์คือผู้นำของพวกเรา ถ้าเธอจากไปพวกเราจะทำยังไง?” ฉูซือพยายามกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันอ้อนวอน
“ห้ามต่อรอง” เซี่ยเฟยโบกมือพร้อมกับพูดอย่างเด็ดขาด
วินด์ไชม์รู้สึกราวกับว่าเธอกำลังถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง ซึ่งในความเป็นจริงเธอก็รู้ดีว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงทำแบบนี้ เพียงแต่วิธีการของชายหนุ่มค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจมากเกินไป
“ไอ้หนูนี่เอ็งไม่กลัวว่าพี่น้องทั้ง 500 คนของเราจะร่วมมือกันจัดการนายที่นี่อย่างนั้นเหรอ?” ชายฉกรรจ์ผิวดำคนหนึ่งเริ่มขู่เซี่ยเฟย
“ถ้าพวกคุณอยากลองก็ได้นะ ผมกำลังพยายามหาข้อแก้ตัวที่จะฆ่าพวกคุณอยู่พอดี ถึงยังไงพี่วินด์ไชม์ก็ต้องมากับผม ไม่อย่างนั้นทุกคนก็คงจะต้องเผชิญกับโชคชะตาอันเลวร้าย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
“ไอ้หนูนี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ! นายคนเดียวจะจัดการกับพี่น้องกว่า 500 คนของพวกเราได้ยังไง”
“นายจะพูดตามอำเภอใจมากเกินไปแล้ว! ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่วินด์ไชม์เป็นยังไงกันแน่?”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระ แล้วรีบจัดการเขากันเถอะพี่น้อง!!”
เมื่อมีใครบางคนพูดขึ้นมาฝูงชนก็เริ่มที่จะเคลื่อนตัวเข้าหาเซี่ยเฟย อย่างไรก็ตามชายหนุ่มยังคงยืนอยู่เฉย ๆ และกวาดตามองฝูงชนอย่างเย็นชาราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวฝูงชนพวกนี้เลย
“หยุด! เลิกเถียงกันได้แล้ว! ฉัน... ฉันจะไปกับเขา” วินด์ไชม์กัดฟันพูดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
—
วินด์ไชม์มองดูสหายร่วมอุดมการณ์และดินแดนที่คุ้นเคยแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะเดินตามเซี่ยเฟยขึ้นไปบนเบโอเนท
“อาวุธกับเสบียงที่นายสัญญาเอาไว้จะมาถึงแน่ใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วงครับ ทุกอย่างจะเรียบร้อยเป็นอย่างดี”
เซี่ยเฟยพาวินด์ไชม์นั่งบนโต๊ะอาหารก่อนที่จะรินกาแฟให้เธอดื่ม แต่วินด์ไชม์เอาแต่จ้องมองไปยังทะเลดาวนอกช่องหน้าต่างโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เซี่ยเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า
“คุณเป็นเพื่อนของลุงพอตเตอร์ผมจึงถือว่าคุณเป็นมิตรสหายของผมด้วย ดังนั้นผมจึงทนดูคุณตายไม่ได้จริง ๆ”
“ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะบังคับคุณหรอกครับ ผมแค่จะให้อาวุธกับเสบียงที่มากพอที่จะให้คุณใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ ในภูมิภาคดาวมฤตยูเท่านั้น แต่ในเมื่อผมรู้เรื่องที่คุณเป็นผู้นำกลุ่มกบฏแล้วผมก็คงจะปล่อยคุณเอาไว้ที่นั่นเฉย ๆ ไม่ได้”
“ถ้าคุณเริ่มขัดขืนผมก็จะขังคุณเอาไว้จนกว่าพวกเราจะไปถึงพันธมิตร และถึงแม้ว่าคุณจะเกลียดผมไปตลอดชีวิตแต่เรื่องพวกนั้นก็ไม่สำคัญสำหรับผมเลย ท้ายที่สุดความตายก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมต้องการคือการทำยังไงก็ได้ให้คุณกลับไปจนถึงพันธมิตรอย่างปลอดภัย”
“จริง ๆ แล้วเรื่องของฉันกับพอตเตอร์มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด…” วินด์ไชม์กล่าวขึ้นมาอย่างลังเล
“เก็บคำพูดพวกนั้นเอาไว้บอกกับลุงพอตเตอร์เองเถอะครับ ผมแค่หวังว่าคุณจะยอมเดินทางกลับโดยไม่งอแงระหว่างทางเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยเมย
วินด์ไชม์พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ เซี่ยเฟยจึงส่งเธอเข้าไปในห้องนอนที่ว่างเปล่า
“ผมจะออกไปเอาโกลด์แพนเธอร์สักพัก คุณช่วยรอผมในห้องไปก่อนก็แล้วกัน”
หลังจากกล่าวจบเซี่ยเฟยก็ปิดประตูพร้อมกับล็อกห้องจากด้านนอก ราวกับว่าเขากลัวว่าวินด์ไชม์จะแอบหนีไปในระหว่างที่เขาไม่อยู่
“นายทำตัวหยาบคายมากเกินไปหรือเปล่า? ปกตินายเคารพการตัดสินใจของคนอื่นดีนี่ แล้วทำไมวันนี้นายถึงไม่เคารพการตัดสินใจของวินด์ไชม์เลย” อันธกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ถ้านายรู้ว่าเธอกำลังจะไปตายแล้วนายคิดว่าฉันควรจะหยุดเธอเอาไว้ไหมล่ะ อย่าลืมว่าเธอคือคนรักของลุงพอตเตอร์แล้วถ้าเธอตายลุงพอตเตอร์จะเป็นยังไง? ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากทำแบบนี้แต่ฉันก็จะต้องเอาเธอกลับไปพร้อมกับฉันให้ได้ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้มันจะทำให้เธอรู้สึกเกลียดฉันไปตลอดชีวิตก็ตาม” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างหนักแน่นโดยไม่เหลือช่องว่างให้ต่อรอง
เบโอเนทเคลื่อนตัวออกไปบนท้องฟ้าก่อนที่จะลงจอดซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาที่อยู่ภายใต้พายุทะเลทราย เซี่ยเฟยจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าจะมีคนมาพบยานรบของเขาเลย
ระหว่างที่ยานกำลังลงจอดเซี่ยเฟยก็ทำการสวมชุดบลีดดิ้งก็อด, ติดตั้งเซเลสเชียลมูนทางมือขวาและหยิบเดือยกระดูกมาใส่ปลอกทางด้านซ้าย นอกจากนี้เขายังมีดาบอีวีสเซอเรทเก็บไว้ในแหวนมิติ และแม้แต่อสรพิษพันธนาการที่เขาเพิ่งได้รับมาใหม่ก็พร้อมที่จะถูกเรียกออกมาทำการสู้รบด้วยเช่นเดียวกัน
“โกลด์แพนเธอร์จ๋าพี่มาแล้วจ้ะ!” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่หายไปท่ามกลางพายุทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
***************