ตอนที่ 331 อสรพิษพันธนาการ
ตอนที่ 331 อสรพิษพันธนาการ
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดที่อยากจะฆ่าขนอุยเหมือนในวันนี้มาก่อนเลย เพราะอย่าลืมว่าสิ่งที่กำลังพันธนาการร่างกายของเขาอยู่คืออาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้ แต่เจ้าตัวเล็กกลับต้องการที่จะกินอสรพิษพันธนาการเข้าไปอย่างดุร้าย ทั้ง ๆ ที่อาวุธชิ้นนี้คืออาวุธอันล้ำค่าที่ถึงแม้ว่าจะมีเงินก็ไม่สามารถที่จะหาซื้อได้
“อย่า!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
แม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่าขนอุยคือสัตว์อสูรชนิดไหน แต่มันย่อมไม่ใช่สัตว์อสูรระดับต่ำอย่างแน่นอน เพราะขนอุยสามารถที่จะดูดซับพลังงานเข้าไปได้อย่างบ้าคลั่ง แล้วมันก็ไม่กลัวที่จะเขมือบอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้เข้าไปเลยแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่เสียงของเซี่ยเฟยไม่เข้าหูของขนอุยเลย ทันทีที่เจ้าตัวเล็กเปิดปากมันก็กัดเข้าใส่อสรพิษพันธนาการอย่างรุนแรง
งั่ม!
ทันใดนั้นงูโลหะที่เคยพันธนาการร่างของเซี่ยเฟยก็หดเล็กลงราวกับว่ามันเป็นอสรพิษที่เพิ่งโดนดูดเลือดไปโดยแวมไพร์
“นี่แกทำอะไรลงไป! นั่นมันอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้เชียวนะ แกรู้ไหมถ้าฉันเอามันไปขายฉันจะได้เงินกลับมาเท่าไหร่!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับคว้าร่างของขนอุยด้วยมือเพียงข้างเดียว
ขนอุยไม่รู้ว่าเงินคืออะไร เพราะในตอนนี้สิ่งเดียวที่มันรู้คืออะไรกินได้และอะไรกินไม่ได้
เจ้าตัวเล็กเอียงศีรษะบนฝ่ามือของเซี่ยเฟยอย่างไร้เดียงสา ก่อนที่มันจะแลบลิ้นสีชมพูน้อย ๆ ของมันออกมาเพื่อพยายามเลียนิ้วของเซี่ยเฟย
สถานการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะถึงแม้ว่าขนอุยจะได้ทำลายอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้ที่ล้ำค่า แต่มันก็มีโอกาสเติบโตขึ้นจนกลายเป็นสัตว์อสูรระดับราชาที่ไม่สามารถจะประเมินค่าเป็นเงินได้เลย ดังนั้นหากเซี่ยเฟยสังหารเจ้าตัวเล็กด้วยความโกรธในวันนี้จริง ๆ เขาก็คงจะสูญเสียอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้ไปโดยที่ไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“อสรพิษพันธนาการยังไม่ได้รับความเสียหาย มันแค่ถูกเจ้าขนอุยดูดพลังงานจนมันหดตัวลง” อันธกล่าวขึ้นมา
เซี่ยเฟยรีบวางขนอุยกลับไปไว้ในกระเป๋าเสื้อก่อนที่เขาจะหยิบโซ่ที่เหมือนงูขึ้นมาจากพื้น
“ลองดูที่กล่องด้านหลังอสรพิษพันธนาการให้ดี ๆ สิ นั่นคือระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิดมันน่าจะใช้หัวใจจักรวาลเป็นแหล่งพลังงานในการเปิดใช้งาน”
เซี่ยเฟยเปิดกล่องตามคำแนะนำของอันธก่อนที่จะหยิบหัวใจจักรวาลออกมาจากแหวนมิติและใส่หัวใจจักรวาลเข้าไปด้านใน ทันใดนั้นอสรพิษพันธนาการก็เริ่มกลับมามีพลังอีกครั้งแล้วมันก็เริ่มพันไปรอบ ๆ แขนของเซี่ยเฟย
“มนุษย์โบราณใช้อสรพิษพันธนาการในการจับอาชญากร ซึ่งแม้แต่ผู้ใช้พลังสายความเร็วระดับสูงก็แทบที่จะไม่สามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของอาวุธชนิดนี้ได้” อันธกล่าวอธิบาย
“มันก็ไม่ได้มีความเร็วมากขนาดนั้นนี่ ถ้าหากว่าฉันเริ่มวิ่งเต็มกำลังฉันก็น่าจะสามารถหลบการรัดของมันได้อย่างง่ายดาย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นี่คืออาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้เชียวนะ มันไม่ได้สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แบบนั้นหรอก ในระหว่างที่มันทำการไล่ล่ามันจะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วของมันมากขึ้นเรื่อย ๆ และตราบใดก็ตามที่มันยังมีพลังงานหลงเหลืออยู่ มันก็จะไล่ล่านายไปจนกว่าพลังงานของมันจะหมดลง” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยรู้สึกมีความสุขมากที่เขาได้รับอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้มาไว้ในครอบครอง เพราะท้ายที่สุดระดับของอาวุธก็เหมือนกับระดับของนักรบที่มีระดับไล่ตั้งแต่ระดับสตาร์ไลท์, สตาร์เบส, สตาร์ฟิลด์, สตาร์ริเวอร์, ลีเจนด์, อีเทอนิตี้และอิมมอทอลลิตี้ ซึ่งมันก็อาจจะหมายความว่าอาวุธระดับอิมมอทอลลิตี้ชิ้นนี้คืออาวุธที่มีระดับสูงที่สุดเท่าที่เซี่ยเฟยได้มีโอกาสครอบครอง
เซี่ยเฟยยกอสรพิษพันธนาการขึ้นมามองดูอย่างพินิจพร้อมกับใช้มือลูบอาวุธชิ้นใหม่ของเขาเบา ๆ โดยผิวสัมผัสที่เขาได้รับคล้ายกับว่าเขากำลังลูบหนังลูกวัวขัดมัน ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าอาวุธชิ้นนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาอย่างปราณีตมากเพียงใด
“มู่เสียวเต๋าอยู่ไหน?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
เซี่ยเฟยรีบหันศีรษะกลับไปดูและได้พบว่าจุดที่มู่เสียวเต๋าควรจะนอนอยู่ตรงนั้นกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไปแล้ว
“นี่มันอะไรกันแน่!?”
ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็มีประสาทสัมผัสที่ค่อนข้างดี แต่มันกลับไม่มีใครรู้เลยว่ามู่เสียวเต๋าได้หลบหนีไปตอนไหน
“มิติจินตภาพเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตของผู้สร้างมิติ ในเมื่อนายทำลายมิติลงไปแล้วเขาก็น่าจะเสียชีวิตไปพร้อมกับมิติที่ถูกทำลายไม่ใช่เหรอ?” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างสงสัย
“เขาเป็นศัตรูที่น่ากลัวจริง ๆ และฉันก็ไม่ต้องการให้ศัตรูแบบนี้มีชีวิตอยู่ต่อไป นอกจากนี้ฉันยังไม่ได้รับรหัสของดาวมรดกเลย ดังนั้นฉันไม่มีทางปล่อยให้เขาหลบหนีไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน” เซี่ยเฟยกล่าว
จากนั้นเขาก็เก็บอสรพิษพันธนาการเข้าไปไว้ในแหวนมิติและเริ่มมุ่งหน้าตรงไปยังเบโอเนททันที โดยประการแรกเขาต้องการที่จะใช้ระบบเรดาร์แบล็คแบทเพื่อแจ้งข่าวให้กับซาร่า จากนั้นเขาก็ขับเบโอเนทขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อพยายามหาร่องรอยของมู่เสียวเต๋าที่หลบหนีไป
—
สองวันต่อมาเซี่ยเฟยกลับมาที่ฐานทัพของย่าเหวยด้วยความหดหู่ใจ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามออกตามหาอย่างเต็มที่แล้วแต่เขาก็ไม่พบเบาะแสของมู่เสียวเต๋าเลยแม้แต่น้อย
ขณะเดียวกันภาพภายในฐานทัพก็ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม โดยในขณะนี้ทหารทั้งหมดกำลังขนสินค้าออกไปจากสนามบิน ซึ่งนอกเหนือจากสินค้าที่พวกเขากำลังขนจะมีอุปกรณ์เสริมพลังชาร์จแล้ว มันยังมีอาหารและกระสุนอีกเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังต้องการมากที่สุด
“นายไปไหนมา?” ซาร่าที่กำลังยืนคุมงานรีบวิ่งมาหาเซี่ยเฟยด้วยความกังวล
“ฉันแค่มีเรื่องต้องออกไปจัดการน่ะ ว่าแต่สิ่งที่ฉันให้จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“ทุกอย่างพร้อมแล้ว ว่าแต่นายจะเอาอาหารกับอาวุธมากขนาดนั้นไปให้ใคร?” ซาร่าถาม
“ลุงพอตเตอร์มีเพื่อนสนิทอาศัยอยู่ในภูมิภาคดาวมฤตยู และถึงแม้ว่าลุงเขาจะไม่ได้พูดอะไรแต่เขาก็คงจะเป็นห่วงเธอมาก ดังนั้นฉันจึงอยากจะเดินทางไปหาเธอสักหน่อย ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะพาเธอกลับไปที่พันธมิตรร่วมกับพวกเราด้วย แต่ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการอย่างน้อยฉันก็อยากให้เธอมีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเป็นคนใจดีขนาดนี้ ลุงพอตเตอร์คงจะดีใจมากถ้ารู้ว่านายพยายามทำอะไรให้กับเขา” ซาร่ากล่าวขึ้นมาอย่างนึกไม่ถึง
“เอาล่ะสถานการณ์ข้างนอกยังไม่ค่อยปลอดภัยและพี่สาววินด์ไชม์ก็ไม่อยากเจอคนนอกด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันจะไปจัดการเรื่องนี้เองคนเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโบกมืออย่างเร่งรีบ เพราะเขารู้ว่าซาร่ากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งในระหว่างที่ซาร่ากำลังอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมานั้น ย่าเหวยก็รีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางอันตื่นเต้น
“เดี๋ยวฉันจะจัดการทุกอย่างที่นายต้องการเอาไว้ให้” ซาร่ารีบกล่าวก่อนที่เธอจะวิ่งออกไป
“เซี่ยเฟย! ครั้งนี้นายให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับฉันจริง ๆ พวกเรากำลังต้องการอาหาร, ยาและกระสุนอยู่พอดี เหมือนกับว่านายรู้อยู่แล้วเลยว่าฉันกำลังต้องการอะไร” ย่าเหวยกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“พี่ย่าเหวยเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่ขนสินค้าลงมาพักที่ฐานทัพของคุณเป็นการชั่วคราว และผมจะขนพวกมันออกไปทันทีหลังจากพี่ผมขายพวกมันออกไปได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรกันนี่นายกลัวว่าฉันจะสู้ราคาพวกมันไม่ไหวงั้นเหรอ?” ย่าเหวยกล่าว
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าผมไม่ได้คิดจะขายให้กับพี่จริง ๆ แล้วผมจะเอาพวกมันมาลงที่ฐานทัพของพี่ทำไม แต่เรื่องของราคา…” เซี่ยเฟยเริ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
“อยากได้อะไรบอกมาเลย” ย่าเหวยกล่าว
“สิ่งที่ผมอยากได้คือสิ่งที่พี่มีอยู่เยอะเลย”
“อะไร?”
“ผมต้องการคน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“บอกตามตรงว่าในทุ่งดาวแห่งความตายมีการค้าทาสอยู่จริง ๆ และถึงแม้ว่าฉันจะต่อต้านการเอามนุษย์มาขายเป็นสินค้า แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่าการค้าทาสถือว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ฉันพอจะรู้จักพ่อค้าทาสอยู่ 2-3 คนนายบอกมาเลยว่านายต้องการทาสมากเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจะหาวิธีจัดการให้กับนายเอง” ย่าเหวยกล่าว
“สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ทาสครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างใจเย็น
“แล้วนายต้องการอะไร?”
“ผมต้องการทหารผ่านศึกที่สามารถใช้เครื่องจักรต่าง ๆ ได้อย่างช่ำชอง”
“ทหารผ่านศึก! ฉันจะขายลูกน้องที่ยอมทำงานใต้คำสั่งของฉันได้ยังไง?” ย่าเหวยกล่าวขึ้นมาโดยพยายามระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้
“ผมรู้ว่าพี่รักลูกน้องเหมือนกับพี่น้องของตัวเองจริง ๆ แต่พี่ควรจะฟังผมพูดให้จบซะก่อน สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่ทาสและทหารที่ผมต้องการก็เป็นหลังจากช่วงเวลาสงครามในครั้งนี้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อย่าเหวยได้ยินคำอธิบายเขาก็รู้สึกหงุดหงิดน้อยลงกว่าเดิม แต่มันก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน
“นายอยากได้ทหารผ่านศึกไปทำไม?”
“ถ้าพวกพี่ชนะสงครามผมก็จะได้รับพื้นที่ดาวขนาดใหญ่ ดังนั้นผมจึงอยากได้คนเอาไว้รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ของผมเอง”
“ถึงแม้ว่าผมจะมีเงินพอซื้อยานรบเพื่อสร้างกองยานขึ้นมาได้ แต่ผมก็คงจะไม่สามารถหาซื้อทหารผ่านศึกได้ใช่ไหมล่ะครับ ดังนั้นผมจึงต้องการทหารที่มีประสบการณ์จากกองทัพของพี่เพื่อมาช่วยปกป้องพื้นที่ที่ผมจะได้กลายเป็นผู้ปกครองหลังจากนี้”
ทันใดนั้นย่าเหวยก็ตระหนักได้ว่าเซี่ยเฟยต้องการที่จะรับสมัครกองกำลังของตัวเอง ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับว่าความคิดนี้ค่อนข้างจะเป็นความคิดที่ดี เพราะสถานการณ์ในเขตทุ่งดาวแห่งความตายก็พร้อมที่จะมีปัญหาขึ้นมาได้ตลอดเวลา
ทหารที่ไม่เคยผ่านการสู้รบมาก่อนย่อมยังไม่ใช่ทหารที่ดี และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยต้องการทหารประจำการในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย ทหารที่เขาควรจะเลือกใช้ก็ควรจะต้องเป็นทหารจากทุ่งดาวแห่งความตายเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ทหารจากทุ่งดาวแห่งความตายยังมีความคุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมในพื้นที่บริเวณนี้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เมื่อเซี่ยเฟยได้ครอบครองเขตดาวของตัวเอง ทหารเหล่านี้ก็จะมีอนาคตที่สดใสรอคอยพวกเขาอยู่
ในระหว่างที่ย่าเหวยยังคงลังเล เซี่ยเฟยก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ผมรู้ว่าพี่กำลังลังเลที่จะต้องแยกทางกับทหารที่พี่ฝึกฝนมาด้วยตัวเอง แต่นี่เป็นทางเลือกที่ยุติธรรมสำหรับพวกเขาแล้วหรือเปล่าครับ เพราะถ้าหากพวกเขาออกมาจากกองทัพอย่างน้อยพวกเขาก็จะอยู่ดีกินดีและสามารถสร้างครอบครัวเป็นของตัวเองได้โดยปราศจากความกังวล”
“ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทหารพวกนั้นเอง พี่ยังไม่จำเป็นจะต้องตอบผมในตอนนี้ก็ได้ หลังจากที่ผมได้ไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าพี่ค่อยให้คำตอบกับผมในตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
—
36 ชั่วโมงต่อมา ณ ดาว DLC-113
เบโอเนทเคลื่อนที่ออกมาจากรูหนอนก่อนที่เขาจะได้เห็นดาวด้านหน้าที่ถูกปกคลุมไปด้วยควันสีดำ
“ชิบหายละ!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจหลังจากคิดว่ามันอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับวินด์ไชม์
***************