บทที่ 40
วันนี้ลง 40 41
บทที่ 40
“เจ้าว่ากระไร?!”
สวี่ล่ายได้ยินคำ “ประสานหนึ่งไร้ขอบเขต” สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที หากไม่ใช่เพราะนั่งอยู่ในห้องประมูล เขาคงรีบขึ้นไปถามหนึ่งหรือสองคำถามแล้ว
แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้จักทักษะฝึกชุดนี้ แต่สวี่ล่ายชัดเจนมาก เจ้าของที่แท้จริงของทักษะฝึกนี้ก็คือซือถูเหยาสู่
“ไม่น่าแปลกใจเลย…” จู่ๆ สวี่ล่ายก็นึกถึงส่วนที่สําคัญที่สุดได้อย่างกะทันหัน
ตอนได้รับมรดกจากซือถูเหยาสู่ มันแทบไม่มีสมบัติระดับสูงในแหวนมิติ หรือทักษะฝึกทิ้งไว้เบื้องหลังเลย แน่นอน ยกเว้น《บันทึกสร้างค่ายกลสวรรค์แตกตื่น》น่ะนะ
ตามหลักเหตุผลแล้ว ไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญประสานค่ายกลจะยากจนเพียงใด แต่ในแหวนมิติย่อมต้องมี สมบัติ ทักษะฝึก หรือหินประสานค่ายกลระดับสูงไว้บ้างไม่มากก็น้อย แม้กระทั่งวัสดุชั้นนำหนึ่งหรือสองชิ้น
อย่างไรก็ตาม มรดกที่สวี่ล่ายได้รับ เกือบทั้งหมดเป็นวัตถุระดับต่ำ แม้แต่ทักษะฝึกและวิชายุทธก็ยังไม่สมบูรณ์
ในตอนแรกสวี่ล่ายไม่ได้สงสัยอะไรเลย คิดว่าบางทีด้วยสถานะผู้เชี่ยวชาญประสานค่ายกล เพียงสะบัดแขนก็สามารถสร้างลมฝน เรียกร้องวัสดุที่ต้องการได้ทันที
แต่พอได้ยินความลับเมื่อหลายพันปีก่อนในวันนี้ ปรากฎว่าที่แท้ผู้เชี่ยวชาญประสานค่ายกลผู้นี้ถูกคนของตระกูลและนิกายในรัฐต้าหยานปล้น!
“เฮ้อ!” สวี่ล่ายแอบถอนหายใจ ยกมืออังหน้าผากตัวเอง เขาไม่คิดว่าผู้เชี่ยวชาญประสานค่ายกลที่เก่งกาจเช่นนี้ จะออกไล่ฆ๋าพลเรือนอย่างไร้เหตุผล มีคำกล่าวว่า ‘ความมั่งคั่งคือบาปหนา’ สุดท้ายคงเป็นจริง
“พักผ่อนเถิดท่านปรมาจารย์ เมื่อข้ามีความสามารถ ข้ามั่นใจว่าจะหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด และทวงคืนความยุติธรรมให้ท่านอย่างแน่นอน”
สวี่ล่ายลอบสาบานในใจ สักวันหนึ่งต้องล่วงรู้สาเหตุและผลของเรื่องทั้งหมดให้จงได้
[ติ๊ง!]
[เปิดภารกิจลับ : ความปรารถนาสามประการที่เกินกว่าความสามารถของคุณ]
[ความปรารถนาแรกเริ่มทำงาน: ค้นหาความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น]
“เอ๊ะ นี่คือ...?”
ระบบในหัวของสวี่ล่าย เปิดภารกิจอย่างกระทันหัน ภารกิจเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อตอนเขาได้รับมรดกในป่าหมอก
ในขณะนั้น ภารกิจอยู่ในสถานะสีเทา - ‘ไม่สามารถเปิดใช้งานได้’
ตอนนี้ไม่คาดหวังว่าเลย ว่ามันจะถูกเปิดทำงานอย่างกะทันหัน
สวี่ล่ายทำหน้านิ่ง ตรวจสอบเนื้อหาภารกิจอย่างละเอียด
[ภารกิจ: ความปรารถนาแรก ค้นหาความจริงของเหตุการณ์ทั้งหมด ค้นหาสร้อยข้อมือที่หายไปของซือถูเหยาสู่ ความยากระดับสี่ดาว! ฐานบำเพ็ญเพียรขั้นต่ำควรอยู่ในขอบเขตเปิดตะวันขั้นกลาง และเหมาะกับระดับขอบเขตรวมจิตขั้นกลางขึ้นไป]
“นั่นบ้าไปแล้ว!” สวี่ล่ายเกือบกัดลิ้นตัวเอง
“แบบนี้มันใช่หรือ?”สวี่ล่ายกัดฟัน รู้สึกปวดหัวมาก
ปัจจุบันเขาอยู่แค่ขอบเขตรวมวิญญาณ หากต้องไปให้ถึงขอบเขตเปิดตะวัน อย่างน้อยต้องยกระดับถึง 8 ขั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยความยากของภารกิจนี้ เกรงว่าต่อให้ไปถึงขอบเขตเปิดตะวัน ก็เกรงว่าคงปฏิบัติภารกิจไม่สำเร็จ
“ช่างมันเถอะ กินข้าวต้องกลืนทีละคำ ยังเร็วเกินไปที่จะคิดมาก ยังไงซะโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยอันตราย มีแต่ต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวังเท่านั้น ถึงมันจะไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยภารกิจนี้ก็ไม่มีกำหนดหมดเวลา”
สวี่ล่ายคิดได้แบบนี้ อารณ์ตึงเครียดก็คลายลง
ตอนนี้เอาเป็นหาวิธีนำทักษะฝึกประสานหนึ่งไร้ขอบเขตตรงหน้ามาให้ได้ก่อน
ณ ขณะนี้ คำอธิบายในการประมูลค่อยๆ หยุดลง ทุกคนเตรียมพร้อม มุ่งมั่นแย่งชิงทักษะฝึกระดับธรณี
ปรมาจารย์ฟางจิบชาจิตวิญญาณให้ชุ่มคอ จากนั้นพูดเบาๆ ว่า “ทุกท่านอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป ทักษะฝึกระดับธรณีประสานหนึ่งไร้ขอบเขตนี้ หลังจากที่เราผู้เฒ่าและสหายร่วมงานหลายคนช่วยกันประเมิน พบว่ามันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทักษะฝึกเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ในขั้น 3 และ 4 ...”
“อะไรนะ!แค่ส่วนเดียว?”
“อยู่ในขั้น 3 4? แล้วทักษะฝึกนี้จะมีประโยชน์อะไร?”
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกัน ไม่ว่าทักษะฝึกจะอยู่ในระดับใด ล้วนต้องเริ่มฝึกฝนตั้งแต่ขั้นหนึ่ง แต่เมื่อขั้นหนึ่งของทักษะฝึกนี้ขาดหาย มันนี้ก็ไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีใครหรอกที่สามารถฝึกข้ามชั้นไปขั้น 2 หรือ 3 ได้
“ถูกต้อง ทักษะฝึกนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง”
“อนิจจา! แม้นี่จะเป็นทักษะฝึกระดับธรณี แต่เมื่อไม่มีขั้นแรก ต่อให้พวกเราต้องการก็ไร้ประโยชน์”
มีเสียงบ่นพึมพำจากทั่วห้องประมูล แต่มุมปากสวี่ล่ายกลับยกสูงขึ้น “เยี่ยมมาก! พวกเจ้าไม่เอาก็ดี แต่ข้าเอา!”
“อะแฮ่ม สหายทุกท่านโปรดสงบสติอารมณ์สักครู่” ปรมาจารย์ฟางไอเบาๆ พูดต่อว่า “แม้ทักษะฝึกนี้จะเป็นแค่ส่วนเดียว แต่ทุกท่านเคยคิดบ้างไหมว่า ในโลกทุกวันนี้ มีทักษะฝึกระดับธณณีที่สมบูรณ์เหลืออยู่ซักแค่ไหนกันเชียว”
“นี่...”
“ข้าไม่ค่อยแน่ใจ”
หลายคนมีสีหน้างงๆ เจ้ามองมาที่ข้า ข้ามองไปที่เจ้า สุดท้ายก็ไม่มีใครพูดอะไร
“ถูกต้อง หลายคนไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่ากันตามจริงทักษะระดับธรณีขึ้นไป หลังจากเกิดสงครามเมื่อพันปีก่อน มันเกิดการสูญหาย ฉบับที่สมบูรณ์เหลือน้อยเต็มที แต่ไฉนคนบางกลุ่มถึงยังคงศึกษาพวกมันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย?”
“เราผู้เฒ่าสรุปได้สองสามประเด็น หวังว่าทุกท่านคงจะตั้งใจฟัง หนึ่งเพราะทักษะฝึกระดับธรณี แม้มันจะไม่สมบูรณ์ แต่ผลและพลังที่แท้จริงของมันยังสูงกว่าระดับอำพัน”
“สองคือ ยังมีหลายคนที่ครอบครองพรสวรรค์อันน่าทึ่ง สามารถศึกษาและถอดความทักษะฝึกที่ไม่สมบูรณ์เหล่านี้ได้ สุดท้ายสามารถวิจัยจนกลายเป็นทักษะฝึกที่สมบูรณ์”
ปรมาจารย์ฟางกล่าวเช่นนี้ ดวงตาของหลายคนก็สว่างขึ้นทันใด เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงกับผู้อื่น
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทักษะฝึกระดับธรณีเหล่านี้ถึงไม่สมบูรณ์ แต่ก็คุ้มค่าแก่การวิจัย ผู้ที่แข็งแกร่งหลายคนยังสร้างทักษะลับใหม่ๆได้ก็ด้วยสาเหตุนี้ หรือถึงสร้างใหม่ไม่ได้ การศึกษามันก็ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝน”
ฝีปากของปรมาจารย์ฟางนั้นดีจริงๆ ในช่วงพริบตาเดียว ห้องประมูลเดือดอีกครั้ง
“ใช่ ใช่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“ฮึ่ม! ข้าว่าแล้วพวกเจ้ามันคนไร้วิสัยทัศน์!”
“เอาล่ะ ดูเหมือนทุกท่านจะรู้ถึงความมหัศจรรย์ของทักษะฝึกระดับธรณีนี้แล้ว เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจะไม่ทำให้เสียเวลา ส่วนหนึ่งของทักษะฝึกระดับธรณีประสานหนึ่งไร้ขอบเขต เริ่มต้นที่ 5,000 หินดวงดาวขั้นต้น เสนอราคาเพิ่มแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 100 หินดวงดาว เริ่มประมูลได้!”
ปรมาจารย์ฟางเพิ่งพูดจบ ทั้งห้องประมูลก็วุ่นวายขึ้นมาทันที
“ข้ายินดีจ่าย 5,000”
“หลีกไป! ข้าเสนอราคา 5,500”
“ข้าจะจ่าย 7,000!”
ในช่วงเวลาสั้นๆ ราคาของทักษะฝึกระดับธรณีก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ พุ่งตรงไปถึง 20,000 หินดวงดาว
ในเวลานี้หน้าผากของสวี่ล่ายค่อยๆมีเหงื่อซึม เขามีหินดวงดาวประมาณ 40,000 ก้อนอยู่ในมือ แต่ดูสถานการณ์นี้ เกรงว่าหากอยากได้มันมาครองคงยาก
“ข้าเสนอหินดวงดาว 30,000 ก้อน!”
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ด้านหลัง เห็นเพียง ‘นายน้อย’ ผู้ร่ำรวยนั่งอยู่ที่นั่น
“หือ? นายน้อยคนนั้นประมูลอีกแล้ว?”
“งั้นข้าไม่สู้ดีกว่า เพราะยังไงซะคนจากตระกูลนั้นน่ะทรงพลังมาก”
“ตระกูลนั้น?” สวี่ล่ายกระพริบตาตัวเอง ไม่เข้าใจคำพูดอ้อมๆของหลายเสียงที่กระซิบกระซาบกัน หันมาถามชายชราข้างๆ “พี่ชาย ‘ตระกูลนั้น’ ที่พวกเขาพูดถึงคือตระกูลไหนกัน?”
“นี่เจ้าเพิ่งออกมาจากป่าหรือ? ทำไมถึงไม่รู้อะไรเลย?” ชายร่างร่างผอมกลอกตา แต่ยังอธิบายอย่างกระตือรือร้นว่า “จากประสบการณ์ของข้าหวังโหมว นายน้อยเศรษฐีผู้นี้ สมควรเป็นตระกูลหลินแห่งเมืองโยวโจว”
“ตระกูลหลิน?!” สวี่ล่ายฟังแล้วอ้าปากกว้าง กรามเกือบตกถึงพื้น
“ว่ายังไง เจ้ากลัวใช่ไหม หึ หึ เด็กน้อย เจ้ายังต้องสั่งสมประสบการณ์อีกสองสามปี” ชายร่างผอมแซ่หวังยิ้มอ่อน ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
สวี่ล่ายคิดกับตัวเอง ‘ไม่ได้การ! ไม่คิดว่าจะได้เจอตระกูลหลินอีก’
ตอนงานเลี้ยงร้อยที่นั่งของเหยาว่านซิน เขาทุบตีหลินหยูหลินจนพิการ สร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลหลิน
แต่หลายวันมานี้ที่ตระกูลหลินไม่ได้มาเคาะประตู เกรงว่าคงเพราะมีเรื่องอื่นที่ต้องให้ความสนใจมากกว่า กระนั้น ปัจจุบันเขาดันได้เจอกับตระกูลหลินในงานประมูลอีกครั้ง เกรงว่าราวนี้หากคิดหมายปองประสานหนึ่งไร้ขอบเขตคงยากแล้ว
“ข้าเสนอราคา 32,000!”
ในตอนนั้นเอง เสียงที่คุ้นเคยมากดังขึ้น สวี่ล่ายหันกลับมาพร้อมแก้มกระตุก เห็นเพียงสองร่างที่คุ้นเคย
“ท่านพ่อ? ลุงสอง?” แม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมหน้ากากเงินก็ตาม แต่รูปร่างและเสียงนั้น สวี่ล่ายสามารถระบุได้ทันที
มุมปากของสวี่ล่ายยกยิ้มขมขื่น ไม่นึกว่าพวกเขาจะปรากฏตัวที่นี่ด้วย แถมยังพยายามแก่งแย่งทักษะฝึกระดับธรณีที่ไม่สมบูรณ์อย่างแข็งขัน
“ฮึ่ม! กล้าดียังไงมาแข่งกับข้า! ช่างไม่รู้จักประมาณตน!!” นายน้อยแห่งตระกูลหลินตะคอกอย่างเย็นชา ยกมือขวาขึ้น “ข้าประมูลหินดวงดาว 40,000 ก้อน”
“ว้าว! เขาร่ำรวยจริงๆ”
“ใช่ อัดราคากระโดดไป 40,000 ในทีเดียว”
“อนิจจาดูท่าข้าจะโชคไม่ดีแล้ว”
หินดวงดาว 40,000 ก้อนสยบเสียงของคนส่วนใหญ่ทันที
“ข้าขอประมูล.......”
สวี่เหยาเหวินแค่ต้องการประมูลอีกครั้ง แต่ถูกสวี่เหยาหวู่ข้างๆดึงกลับมา “หยุดประมูล เงินในมือของเราไม่เพียงพออีกแล้ว”
สวี่เหยาเหวินกัดฟัน ในที่สุดก็ค่อยๆ ลดแขนลง
“ฮ่าๆ เป็นยังไง? มีดีแค่นี้เองหรือ? เหอะ!” มุมปากของนายน้อยตระกูลหลินโค้งเล็กน้อย รอผลการประมูลครั้งสุดท้าย
“ข้าจะจ่าย 50,000!” สวี่ล่ายอยู่ภายใต้สายตาของผู้คนนับหมื่น เขายกมือขึ้น
ถึงจะต้องทุบหม้อข้าว เกรงว่ายังไงเขาก็ต้องได้มันมาครอง
“ใครกล้าสู้กับข้า?” นายน้อยแห่งตระกูลหลินเลิกคิ้วและเสนอราคาอีกครั้ง “55,000 หินดวงดาว!”
“ข้าเสนอราคา 60,000!”
สวี่ล่ายกัดฟัน
60,000! นี่คือเส้นตายของตัวเขา กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือจำนวนที่เขาต้องจำนำกระทั่งกางเกงตัวเอง
เพราะยังไงซะ บัตรสมาชิกสีม่วงทองในมือ สามารถถอนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 เท่านั้น
“ไอ้หนู เจ้า…” นายน้อยแห่งตระกูลหลินโกรธจัด ยืนขึ้นและมองสวี่ล่าย แม้จะไม่คุ้นหน้าตาของสวี่ล่าย แต่ก็พยายามจดจำไว้ เผื่อมีโอกาสแก้แค้นในภายหลัง
“หินดวงดาว 62,000 ก้อน!” คำพูดของนายน้อยตระกูลหลิน แทบเล็ดลอดจากไรฟัน
ถึงจุดนี้ สวี่ล่ายไม่กล้าสู้อีกต่อไป
“เหอะ! ที่แท้เจ้าก็มีดีแค่...”
อย่างไรก็ตาม ไม่รอให้นายน้อยของตระกูลหลินพูดจบ มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นด้านหลัง
“อะไรกัน? มีแค่ 62,000! ก็คิดว่าชนะประมูลแล้วหรือ? ข้าเสนอ70,000!”