ตอนที่แล้วตอนที่ 47 มาดั่งอัสนีบาตพิโรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49 หมู่บ้านในภูเขา

ตอนที่ 48 เตรียมพร้อมเรียบร้อย


หลิงฮั่นจุนยืนอยู่ที่เดิมอย่างโกรธเคือง เขาได้แต่มองเฉินเฟยจากไปอย่างหมดหนทาง ถ้ามีนักธนูสองคนอยู่ด้วยคงทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลงได้

และสองคนนั้นจะไม่ต้องตาย

“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!” หลิงฮั่นจุนกัดฟันแน่นแล้วหันไปดูอาการบาดเจ็บของลูกน้อง

อีกด้านหนึ่ง หลังออกมาจากตลาดมืดเขาก็รีบกลับไปที่ลานบ้านเช่าอีกแห่ง

เฉินเฟยเช่าลานบ้านไว้หลายแห่งในอำเภอผิงหยินเพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่ใหม่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

“วิชาธนูมีประโยชน์มาก แต่ธนูยาวคันนี้อ่อนไปหน่อย”

เฉินเฟยอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ เพียงแต่พลังของธนูและลูกธนูนี้อ่อนแอเกินไป แต่ไม่เป็นปัญหาในการจัดการระดับขัดเกลากล้ามเนื้อ ส่วนระดับหลอมกระดูกก็ทำได้เพียงเท่านั้น

โดยเฉพาะหลิงฮั่นจุนในระดับหลอมกระดูก ธนูกับลูกธนูนี้แทบเป็นเพียงของประดับ

“พอไปถึงเมืองอื่นต้องหาโอกาสไปซื้อธนูดีไว้ใช้ ในระหว่างนี้ต้องฝึกฝนต่อไป”

เฉินเฟยคิดในใจว่าพลังภายในนั้นเป็นรากฐานของทุกสิ่ง ไม่อย่างนั้นต่อให้มีธนูดีอยู่ตรงหน้า มันคงไร้ประโยชน์หากไม่สามารถง้างมันได้

เฉินเฟยเอาตู้ไม้ในช่องมิติออกมาและเก็บเงินในมือตามสัดส่วนที่ต่างกัน เวลาจะใช้เงินจะได้สะดวกต่อการนำออกมา

เช้าวันต่อมา ตระกูลจ้าวไปส่งสมุนไพรตามปกติแต่พบว่านักหลอมโอสถหลายคนตาย เมื่อมาถึงลานบ้านเฉินเฟยก็เห็นเพียงกองเลือดบนพื้น แต่ตัวคนหายไปอย่างสมบูรณ์

ไม่มีใครอยู่ที่นี่ แต่ไม่มีศพเช่นกัน!

ตระกูลจ้าวโกรธจัดและร่วมมือกับกองทัพกบฏเริ่มการค้นหาในอำเภอผิงหยิน

เฉินเฟยไม่รู้ว่าจางซือหนานกับคนเหล่านั้นจะถูกพบตัวหรือไม่ แต่เจาไม่สนใจและเดินซื้อของในอำเภอผิงหยินเหมือนคนธรรมดา

อาหารกับน้ำ ตราบใดที่คิดว่ามันจำเป็นเฉินเฟยจะซื้อมัน

ในเวลาเพียงหนึ่งวัน เฉินเก็บของเต็มตู้ไม้จนไม่เหลือที่ว่าง โดยเฉพาะอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่เตรียมไว้มากที่สุด

โดยปกติแล้วในป่ามีอาหารให้หาอย่างแน่นอน แต่เฉินเฟยกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ อย่างไรแล้วช่องมิติไม่มีปัญหาเรื่องแบกรับน้ำนักดังนั้นเขาจึงเก็บอาหารได้มากเท่าที่ต้องการ

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเฟยมองซาลาเปาในมือด้วยสีหน้าแปลกๆ นี่คือซาลาเปาที่เก็บใส่ช่องมิติเมื่อวาน แต่ผ่านไปแล้วหลายชั่วยามซาลาเปายังคงอุ่นเหมือนก่อนใส่ลงไป

“ช่องมิติสุดยอดจริง ด้านในนั้นเป็นการหยุดเวลาไว้ด้วยหรือ?”

ความคิดต่างๆผุดขึ้นในใจ แต่ตอนนี้มีช่องมิติเพียงช่องเดียว แม้จะทดสอบเสร็จสิ้นแล้วแต่มันยังไม่สมบูรณ์

เนื่องจากเวลาหยุดนิ่งดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารเน่าเสีย เฉินเฟยตัดสินใจทำดีกับตัวเองโดยการหยิบอาหารแห้งทั้งหมดที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาและไปซื้ออาหารที่ถนนอีกครั้ง

ด้วยการค้นหาอย่างบ้าคลั่งของตระกูลจ้าว ทั่วทั้งอำเภอผิงหยินจึงวุ่นวายเล็กน้อย ถนนที่รกร้างอยู่แล้วยิ่งมีคนน้อยลง ทุกคนต่างซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้าน

หลังจากซื้อของเสร็จเฉินเฟยก็รีบกลับลานบ้านและไม่เดินเตร่ไปไหนอีก

ตอนแรกตั้งใจจะไปเยี่ยมฉือเต๋อฟาง อย่างไรแล้วฉือเต๋อเฟิงปฏิบัติต่อเขาอย่างดีตอนอยู่ในศูนย์การแพทย์ เฉินเฟยเคยคิดจะพาฉือเต๋อฟางออกจากอำเภอผิงหยินด้วยซ้ำ

ตอนนี้อีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสและยังมีครอบครัว เป็นไปไม่ได้ที่กองทัพกบฏจะยอมให้นักหลอมโอสถคนนี้จากไป

หลังตรวจสอบสิ่งของในช่องมิติและยืนยันว่าถูกต้อง เฉินเฟยจึงนั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกพลังภายใน เสียงหายใจดังขึ้นในบ้านตลอดทั้งคืน

ในตอนเช้าตรู่ เฉินเฟยปลอมตัวเป็นคนธรรมดาออกไปจากเมือง

ไม่เกิดอุบัติเหตุที่ประตูเมือง ท้ายที่สุดแล้วมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นการปลอมตัวของเขาได้ เฉินเฟยฝึกวิชาปลอมตัวนี้จนถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะเห็นสิ่งผิดปกติ

ห่างออกไปไม่กี่ลี้จากตัวเมือง เฉินเฟยเห็นหินเฟิงตงที่ตกลงกันไว้

เฉินเฟยไม่ได้เดินเข้าไปทันทีและไปอยู่ที่สูงเพื่อสังเกตการณ์ เมื่อใกล้เข้าไปเรื่อยๆก็มีร่างผู้คนปรากฏให้เห็น

เฉินเฟยมองไปรอบด้านและไม่พบการซุ่มโจมตี ดังนั้นเรื่องนี้ไม่น่าใช่กับดัก

เฉินเฟยเงยหน้าดูเวลา ครู่ต่อมาเขากระโดดขึ้นไปบนยอดไม้พุ่งไปยังจุดรวมตัว ไม่นานนักก็มาถึงหินเฟิงตง

ทุกคนหันมองเฉินเฟย ความว่องไวที่เฉินเฟนจงใจแสดงให้เห็นเมื่อครู่เทียบได้กับระดับหลอมกระดูกทั่วไป ในบางครั้งหากไม่ได้ลงมือสู้จริงก็จะตัดสินผู้อื่นผ่านสิ่งนี้

เฉินเฟยเห็นฉือเต๋อเฟิง ทั้งสองพยักหน้าให้กันแต่ไม่ได้คุยกัน

เฉินเฟยสังเกตทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขาล้วนเป็นนักยุทธ์ ไม่มีคนธรรมดาอยู่เลย

“ได้เวลาแล้ว พวกเราคงมีกันแค่นี้”

เฉียนจี้เจียงมองทุกคนที่อยู่ตรงนี้แล้วพูดเสียงทุ้ม “เฉียนคนนี้จะไม่พูดอะไรมาก หนึ่งคนสามร้อยตำลึง เฉียนคนนี้จะเป็นผู้นำทางไปยังเมืองซิ่งเฝิน”

เมื่อเฉียนจี้เจียงพูดประโยคนี้ออกมา กลุ่มคนได้เกิดโกลาหล ราคานี้เกินความคาดหมายของคนส่วนใหญ่ แม้พวกเขาจะเป็นนักยุทธ์ แต่การเก็บเงินได้เท่านี้เป็นเรื่องยากยิ่ง

“สามร้อยตำลึงแพงเกินไป ลดลงหน่อยได้หรือไม่?”

“พวกเราจะช่วยเหลือกันไปตลอดทาง เจ้าขอสามร้อยตำลึงมันมากเกินไป”

บางคนอดไม่ได้ที่จะพูด

เฉียนจี้เจียงพูดด้วยรอยยิ้ม “แพงเกินไป พวกเจ้าจะไปทางอื่นก็ได้หากไม่ต้องการจ่ายเงิน เฉียนคนนี้ไม่ได้บังคับให้จ่ายเงิน เพียงจ่ายตามความสมัครใจเท่านั้น”

หลายคนมองหน้ากัน ในเวลานี้ด้านนอกมีแต่ความวุ่นวายทำให้ไม่มีกงอคาราวานผ่านมา การให้พวกเขาไปเมืองอื่นตามลำพังเป็นเรื่องอันตรายมาก แม้แต่นักยุทธ์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

“พี่เฉียนรับประกันความปลอดภัยระหว่างเดินทางหรือไม่หากพวกเราจ่ายในราคานี้?” มีคนถามเสียงต่ำ

“ไม่รับประกันเรื่องนี้ พูดได้อย่างเดียวว่าเราจะเดินหน้าถอยไปด้วยกัน” เฉียนจี้เจียงยิ้มและส่ายหัว

“ด้วยจำนวนขนาดนี้ ข้าอยู่อย่างระวังในอำเภอผิงหยินต่อไปดีกว่า จะเดินทางไกลไปที่อื่นเพื่ออะไร”

มีคนตะคอกเย็นชาและหันหลังจากไป บางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนตัวไปเช่นกัน

หลังจากนั้นไม่นานก็เหลือเพียงหกคน

เฉินเฟงมองฉือเต๋อเฟิงอย่างประหลาดใจ คนโลภเงินจนถึงขั้นใส่สมุนไพรปลอมมาให้เขายอมจ่ายสามร้อยตำลึงด้วยหรือ?

“มีคนน้อยแต่ปลอดภัยกว่า”

เฉียนจี้เจียงพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกคน จ่ายเงิน”

“นี่ สามร้อยตำลึง”

ฉือเต๋อเฟิงเป็นคนแรกที่มอบเงินให้เฉียนจี้เจียง

เมื่อมีคนยื่นเงินก่อน คนอื่นที่เห็นภาพนี้จึงยื่นเงินให้ตาม

เฉินเฟยเก็บเงินไว้ในห่อด้านหลังห้าร้อยตำลึงเพื่อเรื่องนี้ เขานำเงินออกมานับแล้วส่งให้เฉียนจี้เจียง

“เอาล่ะ ในเมื่อเราต้องร่วมทางกัน ดังนั้นแนะนำตัวสักหน่อยเถอะ ในระหว่างทางไปจะได้ดูแลกัน” เฉียนจี้เจียงเก็บเงิน รอยยิ้มบนใบหน้าเขากว้างขึ้นมาก