ตอนที่ 130 ชายหนุ่มผู้เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับดวงตะวัน!
ตอนที่ 130 ชายหนุ่มผู้เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับดวงตะวัน!
เจิ้งตันตันมีความสุขมากจนแก้มของเธอเป็นสีแดงระเรื่อ "ลู่เซิงนายมาทำอะไรที่นี่"
หลังจากพูดเช่นนั้น เจิ้งตันตันก็พูดต่ออย่างรวดเร็วว่า "นายมาเมืองเหลียงเมื่อไหร่เหรอ?"
"ฉันเพิ่งมาถึงวันนี้"
"อ้ะ" จู่ๆ เจิ้งตันตันก็นึกขึ้นได้และอุทานว่า "นายมาที่เมืองเหลียงเพราะงานเลี้ยงนี้ใช่ไหม"
ลู่เซิงคิดสักพักแล้วพยักหน้า "ประมาณนั้น"
"ง-งั้นเหรอ...ย-เยี่ยม!" เจิ้งตันตันรู้สึกตื่นเต้นมากจนพูดติดอ่าง
เธอรู้สึกว่าเธอและลู่เซิงถูกลิขิตให้คู่กันอย่างแท้จริง ถ้าเธอไม่ถูกเพื่อนสนิทลากมางานเลี้ยงคืนนี้ เธอคงไม่ได้เจอลู่เซิงที่นี่
หมายความว่าอะไร?
โชคชะตากำลังทำงานอย่างลึกลับ!
เดิมทีเธอไม่มีความสุขที่ถูกบังคับให้มาที่นี่ แต่ตอนนี้เจิ้งตันตันต้องการกอดซินหยวนและตะโกนขอบคุณด้วยความตื่นเต้น ซินหยวนไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทเท่านั้น แต่ยังเป็นแม่สื่อที่พระเจ้าส่งมาให้จับคู่เธอกับลู่เซิง!
"ตันตันเธอจะไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ" เสียงหยอกล้อดังขึ้นข้างๆ ทั้งสอง
เจิ้งตันตันหันกลับมาและเห็นซินหยวนเพื่อนสนิทของเธอ
ซินหยวนถือแก้วไวน์แดงมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งรูปร่างหน้าตา อารมณ์ส่วนตัว...ไม่ว่าจะด้านไหนก็ยอมเยี่ยมและความจริงที่ว่าเขามีสิทธิ์มาที่นี่ได้...
"เจิ้งตันตันปรากฏว่าเธอมีคนในใจอยู่แล้ว แต่เธอกลับหลอกฉันว่าเขาเป็นแค่เพื่อน ฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอมีเพื่อนผู้ชายแบบไหน..."
ซินหยวนโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของเจิ้งตันตัน
ใบหน้าของเจิ้งตันตันแดงขึ้นและเธอก็พูดด้วยความเขินอายว่า "อย่าพูดไร้สาระ เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้รู้จักเอง..."
เจิ้งตันตันจับมือซินหยวนและพูดกับลู่เซิงว่า "ลู่เซิง เธอคือเพื่อนสนิทของฉันชื่อซินหยวนและฉันขอบอกว่าเขาคือลู่เซิงที่ฉันพูดถึงก่อนหน้านี้... "
"ลู่เซิง คนนี้นะเหรอคือลู่เซิง?"
เมื่อได้ยินการแนะนำของเจิ้งตันตัน ไวน์แดงก็แทบจะพุ่งออกมาจากปากของซินหยวน ทันใดนั้น สายตาของเธอที่มีต่อลู่เซิงก็แปลกขึ้นเล็กน้อย
'ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงดูเด็กแบบนี้ เขาเป็นเด็กมัธยมปลายที่ทำให้ตันตันหลงใหลสินะ ฉันจำเขาไม่ได้ในชุดทักซิโด้จริงๆ'
เมื่อเธอเห็นว่าเขามีรูปลักษณ์เป็นอย่างไร เธอถึงได้เข้าใจว่าทำไม... ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มชื่อลู่เซิงตรงหน้าเธอคนนี้มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
แม้แต่ในแวดวงของพวกเธอที่มีคนหล่อคนสวยอยู่มากมาย เขาก็สามารถเอาชนะทุกคนในด้านรูปลักษณ์ได้ 99%
นอกจากนี้ยังมีภูมิหลังลึกลับ...
จู่ๆ ซินหยวนก็เข้าใจเหตุผลที่เจิ้งตันตันหลงใหลเด็กหนุ่มคนนี้ แน่นอนว่าความกระตือรือร้นของเธอที่มีต่อลู่เซิงได้ลดลงอย่างรวดเร็ว
"คุณลู่ ดังนั้นคุณคือคนที่ตันตันมักพูดถึงอยู่เสมอและเป็นความจริงที่วันนี้เราพบกัน คุณถือได้ว่าเป็นมังกรและฟีนิกซ์ในหมู่คนส่วนใหญ่จริงๆ"
ซินหยวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเมื่อรู้ว่ากำลังคุยกับเด็กมัธยมปลาย
ลู่เซิงสัมผัสได้ถึงท่าทางของซินหยวนที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พยักหน้าอย่างเฉยเมย "สวัสดี"
"คุณลู่ คุณมาจากที่ไหนเหรอ?" ซินหยวนถามด้วยรอยยิ้ม'สุภาพ'บนใบหน้าของเธอ
"เมืองไป๋เหอ" ลู่เซิงตอบแล้วพูดต่อเบาๆ ว่า "ต่อไปคุณคงถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉันเพื่อทำความเข้าใจภูมิหลังของฉันใช่ไหมและอีกอย่างคือถามว่าฉันมาอยู่ในงานเลี้ยงนี้ได้อย่างไรใช่ไหม"
ลู่เซิงมองซินหยวนด้วยสายตาขี้เล่นเล็กน้อย ในขณะที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความแปลกใจ จากนั้นเขาก็กล่าวลาเจิ้งตันตัน"ฉันไปก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง"
พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที
ทำไมเขาถึงไม่ชอบโอกาศแบบนี้?
ส่วนใหญ่เป็นเพราะเหตุผลนี้
ในสายตาคนอื่นเขาอาจถูกมองว่าเป็นคนอ่อนไหว แต่...
แล้วไง
เขามาจากครอบครัวธรรมดา ดังนั้นหากเขารู้สึกไม่สบายใจ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
"อยู่โรงแรมสบายใจกว่าเยอะเลย.." ลู่เซิงส่ายหัวและโยนส้อมเงินที่เขาบีบจนเป็นลูกบอลลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ
"ลู่เซิง! ลู่เซิง..." ในขณะที่เจิ้งตันตันยังไม่รู้สึกตัว ลู่เซิงได้เดินออกไปไกลแล้ว เธอต้องการไล่ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว แต่ซินหยวนคว้าตัวเธอไว้ทันและส่ายหัวด้วยสีหน้าจริงจัง
"ช่างเขาเถอะ! ตันตันคนแบบนี้ไม่มีค่าพอ..."
ซินหยวนมองร่างของลู่เซิงที่ค่อยๆห่างออกไปและหรี่ตาลงพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า "ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ปฏิกิริยาของเขาก็เป็นแบบนี้แล้ว สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าเขาใส่ใจเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดมาก ตัวเขาไม่มีค่าอะไรเลย แต่กลับหยิ่งยโสหรือไม่มั่นใจในตนเอง ฉันเห็นคนแบบนี้มาเยอะแล้ว เขาไม่เหมาะกับเธอ...ดูสิเห็นไหม"
ทันใดนั้น ซินหยวนก็มองอย่างรู้ทันและชี้ไปข้างหน้า เจิ้งตันตันมองตามทิศทางที่ชี้ไปโดยนิ้วของซินหยวนและเธอก็เห็นลู่เซิงยืนพูดคุยกับผู้หญิงในชุดเดรสสีแดงสวยงาม
“ฉันรู้แล้วว่าเขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง...” ซินหยวนพูดอย่างขบขัน "เธอรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร"
เจิ้งตันตันส่ายหัวด้วยความงุนงง
"เธอคือเสวี่ยเฟย! เธอต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเสวี่ย เสวี่ยเฟยเป็นผู้ใช้พลังจิตที่ใกล้ระดับ 2 แล้วในแวดวงของคนรวยรุ่นสองในเมืองเหลียง เธอถูกตัดสินว่าเป็นหนึ่งในบุคคลอันดับต้นๆ ได้อย่างแน่นอน เห็นไหมตันตัน? ลู่เซิงสนิทกับเธอแค่ไหน ฉันพนันได้เลยว่า…”
ซินหยวนหันไปมองเจิ้งตันตันและพูดอย่างมั่นใจว่า "ลู่เซิงคนนี้ต้องพึ่งรูปร่างหน้าตาของเขาหรือวิธีการอื่นเพื่อเข้าใกล้เสวี่ยเฟยและได้รับโอกาสเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ พูดตรงๆ เขาอาจจะทำได้แค่หากินกับผู้หญิง(แมงดา) ตันตันเบิกตาออกแล้วมองดูธาตุแท้ของเขา”
คำพูดของซินหยวนกระแทกหัวใจของเจิ้งตันตันอย่างแรง
เธอยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองลู่เซิงกับเสวี่ยเฟยอย่างเหม่อลอยซึ่งทั้งคู่กำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนิทสนมและพึมพำกับตัวเอง"ไม่... ลู่เซิงไม่มีวันเป็นคนแบบนั้น..."
"เฮ้อ..."
ซินหยวนมองเจิ้งตันตันอย่างเห็นใจและตบไหล่ปลอบเธอเบาๆ "ฉันรู้ว่าบางครั้งความจริงอาจโหดร้าย แต่มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ฉันพูดมากพอแล้ว เธอควรคิดเกี่ยวกับส่วนที่เหลือด้วยตัวเอง.." พูดจบซินหยวนก็เดินออกไป
เจิ้งตันตันยังคงตกใจจากคำพูดของซินหยวน เธอไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ซินหยวนพูดเป็นความจริง
ทันใดนั้นภาพของชายหนุ่มผู้เจิดจรัสราวกับดวงตะวันก็แวบเข้ามาในความคิดของเธอและเจิ้งตันตันก็กลับคืนสู่ความเป็นจริง
"โอ้คุณพระคุณเจ้า! ฉันกล้าสงสัยลู่เซิงได้ยังไง! นี่ฉันโง่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!"
เจิ้งตันตันอยากจะตบตัวเองอย่างแรง
"ซินหยวน! ซินหยวน! ลู่เซิงไม่ใช่คนแบบที่เธอคิดนะ!" เจิ้งตันตันตั้งใจที่จะอธิบายให้ซินหยวนฟัง แต่ซินหยวนไม่สนใจเธอเลยและปฏิบัติต่อเธอเหมือนคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องจอมปลอม
ในเวลานี้ ด้านหน้าเต็มไปด้วยความวุ่นวายและใครบางคนก็พูดขึ้นมา "คุณเจียงกำลังจะออกมาแล้ว!"
เจิ้งตันตันและซินหยวนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง
...
“ท่านประธานเจียงขอให้ฉันมาขอโทษคุณ เขาไม่คิดว่าลูกน้องของเขาจะจัดงานใหญ่โตเช่นนี้ เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะมีสุนัขโดดเดี่ยวจำนวนมากในสมาคมผู้ใช้พลังจิตและสังคมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาในการหาคู่เพื่อส่งเสริมการมีลูกหลานทางอ้อม จริงๆมีข้อกำหนดที่เข้มงวดจากเบื้องบนในเรื่องนี้ ...”
เสวี่ยเฟยอธิบายให้ลู่เซิงฟังอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน
ลู่เซิงคิดอยู่พักนึงและเข้าใจถึงความหมดหนทางของเจียงจินเหนียน เขาพยักหน้าและพูดว่า "โอเค แต่ผมใกล้จะต้องไปแล้ว เมื่อถึงเวลาฝากคุณช่วยทักทายประธานเจียงให้ผมด้วย"
"วางใจได้เลยคุณลู่ ฉันจะถ่ายทอดข้อความนี้ให้ท่านประธานเจียงอย่างไม่ขาดตกบกพร่องแน่นอน!"
ลู่เซิงเหลือบมองเธอชั่วครู่ จู่ๆ เสวี่ยเฟยก็ตระหนักว่าเธอพูดผิดอีกครั้ง คุณลู่ไม่ชอบให้เรียกว่า 'คุณ'
ในขณะนี้ เจียงจินเหนียนในชุดถังจวงเดินออกมาท่ามกลางผู้คนมากมาย
“ท่านประธานเจียงออกมาแล้ว” เสวี่ยเฟยอุทานอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิงเฝ้ามองเจียงจินเหนียนอย่างเงียบๆ และเจียงจินเหนียนก็สังเกตเห็นเขาในไม่ช้า
...
ในฐานะผู้ใช้พลังจิตระดับ 4 มันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจียงจินเหนียนในการหาใครสักคน
เจียงจินเหนียนเดินตรงมาหาเขาภายใต้สายตาของฝูงชน
ในไม่ช้าเจียงจินเหนียนก็มายืนอยู่ตรงหน้าลู่เซิงและกล่าวขอโทษ "คุณลู่ ฉันขอโทษจริงๆ... "
ลู่เซิงส่ายหัวและพูดว่า "ไม่เป็นไรครับ ประธานเจียงแบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบที่หนักหน่วงและผมยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ"
"ขอบคุณคุณลู่ที่เข้าใจ"
เจียงจินเหนียนรู้สึกโล่งใจและเงยหน้าขึ้นแนะนำลู่เซิงให้ทุกคนในงานเลี้ยง "คนที่ยืนข้างฉันคืออัจฉริยะหนุ่มผู้ใช้พลังจิตระดับ 4 คนใหม่ของสมาคมผู้ใช้พลังจิตแห่งตงหนิงของเรา คุณลู่เซิง! ปีนี้คุณลู่อายุเพียง 17 ปีเมื่อเทียบกับเขาแล้วฉันเป็นเพียงแสงหิ่งห้อยต่อหน้าดวงตะวัน ฉันในฐานะชายชรารู้สึกละอายใจจริงๆ..."
เจียงจินเหนียนยกย่องสรรเสริญลู่เซิงไม่หยุดแทบจะทำให้ลู่เซิงพองตัวขึ้นท้องฟ้า แต่เพียงแค่สองสามคำแรกก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความตกตะลึงครั้งใหญ่ในงานเลี้ยงนี้
"อายุ 17 ปี ผู้ใช้พลังจิตระดับ 4! โอ้คุณพระคุณเจ้า..."
“ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม!”
“นี่มันจะสุดยอดเกินไปแลัว! เขายังไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ!”
"เขาคือมังกรในหมู่มนุษย์ มังกรในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง!"
สายตาของทุกคนในห้องมาบรรจบกันที่ลู่เซิงทั้งประหลาดใจ,ตกใจและเหลือเชื่อ
ในพริบตา ลู่เซิงในเวลานี้เหมือนถูกอาบด้วยแสงสปอตไลท์นับไม่ถ้วนท่ามกลางฝูงชน
ในฝูงชน ซินหยวนตกตะลึงและยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่าไม่สามารถพูดอะไรได้แม้แต่คำเดียวและเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแก้วไวน์แดงในมือของเธอลื่นตกลงพื้นไปแล้ว
เธอได้ยินเพียงเสียงของเจิ้งตันตันที่อยู่ข้างๆ เธอดังขึ้นด้วยความซับซ้อนอย่างยิ่ง
"ซินหยวน คนที่เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับดวงตะวันและสุกสกาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าจะเป็นแมงดาเหมือนที่เธอพูดได้อย่างไร..."
หัวของซินหยวนว่างเปล่า เครื่องบินลวงตานับไม่ถ้วนบินวนอยู่เหนือหัวของเธอ
กึก...
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้