CD บทที่ 369 เงินก้อนโต
แม้ตอนนี้จะยังเป็นกลางดึก แต่ฝนก็ยังตกลงมา
หยางฮงกำลังโทรหาจ้าวหยู่ตรงหน้าบันได และเธอดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด จ้าวหยู่สามารถบอกได้ว่าต้องมีเรื่องบางอย่างร้ายแรง!
"จริงด้วย!" เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาได้คำว่า ‘Kan’ มาในก่อนหน้านี้ เนื่องจากเขาเผลอจามออกมา
“อา~ คุณผู้เป็นที่รัก โปรดมากับฉันในความฝัน♪”
แม้ว่าเขาอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก แต่เสียงเรียกเข้าของจ้าวหยู่ก็ยังคงดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี
"ฮะ? คุณเจ้าหน้าที่จ้าว! คุณมาได้จังหวะพอดีเลย!”
หยางฮงมองขึ้นไปและเห็นจ้าวหยู่ซึ่งกำลังยืนถือร่มอยู่ สายตาของเธอที่มองมาที่เขาราวกับว่าเธอได้เห็นผู้ช่วยชีวิตของเธอ เธอพุ่งเข้าไปในสายฝนและลากจ้าวหยู่ไปที่บันได
“พี่สาว เป็นอะไรหรือเปล่า? นี่มันดึกมากแล้ว” จ้าวหยู่ถามอย่างรวดเร็ว
“ฮัว… ฮัวฮัว…” หยางหงหอบหายใจ “ฮัวฮัวกำลังมีปัญหา ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าจะมองหาใครดี! เจ้าหน้าที่จ้าวได้โปรดช่วยเธอด้วย!”
“ฮัวฮัว?” จ้าวหยู่รู้สึกประหลาดใจ เขาพยุงหยางฮงขึ้นอย่างรวดเร็วและถามว่า “ทำไมฮัวฮัวถึงมีปัญหาอีกแล้วล่ะ? มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ฮัวฮัวเป็นหนี้เงินกู้เงินก้อนโต วันนี้เธอถูกฉลามเงินกู้จับตัวไป!” น้ำตาของหยางฮงไหลอาบแก้ม และไม่มีใครบอกได้ว่ามันเป็นสายฝนหรือน้ำตาของเธอ “ฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อฮัวฮัวไม่กลับมาในวันนี้! เจ้าหน้าที่จ้าว ช่วยเธอด้วย ฉันขอร้องล่ะ!”
“ฉลามเงินกู้?” จ้าวหยู่ย่นคิ้วของเขา “ทำไมฮัวฮัวถึงเป็นหนี้ฉลามเงินกู้ด้วย? ฉันคิดว่าครอบครัวของเธอค่อนข้างร่ำรวย? พ่อของเธอทำฟาร์มสุนัขไม่ใช่เหรอ?”
"ฮึ่ม! ยัยเด็กนั้นมันรั้น เธออยากจะช่วยคุณดยไม่สนว่าตัวเองจะต้องลำบาก!“หยางฮงเกือบจะตะโกน”พ่อของเธอทำฟาร์มสุนัข แต่ถูกคนในธุรกิจเดียวกันแทงข้างหลัง สุนัขคอกสุดท้ายที่โตแล้วล้วนถูกวางยา พ่อของเธอสูญเสียเงินทุนทั้งหมด เขาไม่เพียงเป็นหนี้ก้อนโตเท่านั้น แต่เขายังล้มป่วยอีกด้วย!"
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย และยัยเด็กนั่นก็ไม่คิดจะบอกใคร และเมื่อเธอจำเป็นต้องใช้เงิน เธอก็เลยไปยืมเงินจากฉลามเงินกู้ ให้มันได้อย่างนี้สิ!”
“แต่… หมาของฉัน! พ่อของฮัวฮัวช่วยให้มันได้ผ่าตัดไม่ใช่เหรอ!?” จ้าวหยู่ปฏิเสธที่จะเชื่อ
“เรื่องนั้นฉันไม่แน่ใจ!” หยางฮงจับแขนของจ้าวหยู่ และพูดว่า "บางทีฮัวฮัวอาจไปทำที่อื่น แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน เจ้าหน้าที่จ้าว เงินที่ฮัวฮัวเป็นหนี้ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในวันหรือสองวัน ตอนนี้ดอกเบี้ยต้องสูงมากจนเธอจ่ายไม่ไหว แถมตอนนี้เธอถูกจับโดยคนเหล่านั้นอีกด้วย ฉันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ เจ้าหน้าที่จ้าว เธอยังเด็กเธอไม่ควรมาเจอเรื่อโหดร้ายอย่างนี้ เห็นแก่ที่พวกเราเป็นเพื่อนบ้านของคุณ ได้โปรดช่วยเธอด้วย!”
“พี่สาว อย่าเพิ่งตื่นตระหนก!”
จากชีวิตที่แล้วของจ้าวหยู่ เขาได้พบเจอกับเรื่องเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา มันไม่ต่างจากกินข้าวสามมื้อ
ดังนั้น แม้ว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของฮัวฮัว แต่เขาแน่ใจว่าตอนนี้เธอไม่เป็นอะไร เขาจึงปลอบหยางฮงไปว่า
“นี่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง อะไรจะแก้ได้ด้วยเงินมันไม่ใช่ปัญหา! บอกฉันทีว่าใครเป็นคนพาฮัวฮัวไป แล้วพวกเขาพาเธอไปที่ไหน?”
“ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าฮัวฮัวเป็นหนี้ใคร ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ไส้กรอกอ้วน’!” หยางฮงกล่าวว่า "โอ้… ฮัวฮัวโทรหาฉันก่อนหน้านี้ และบอกให้ฉันหาเงินเพื่อช่วยเธอ เธอให้ที่อยู่กับฉัน! เจ้าหน้าที่จ้าว คุณเป็นตำรวจทำไมไม่รายงานเรื่องนี้ล่ะ!?”
"ฉันทำไม่ได้!" จ้าวหยู่โบกมือของเขา “ฮัวฮัวยืมเงินจากฉลามเงินกู้อย่างถูกต้องและเธอสมควรที่จะชำระหนี้ของตน เราไม่ละเมิดกฎของถนนได้! พี่สาว บอกที่อยู่มา ฉันจะไปจัดการเอง!”
“เราไม่แจ้งความกับตำรวจเหรอ? จริงสิ… คนกลุ่มนั้นไม่ง่ายเลยที่จะรับมือ!” หยางฮงเป็นกังวล แต่เธอก็ให้ที่อยู่แก่จ้าวหยู
"ฮิฮิ" จ้าวหยู่ปลอบโยนเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “พี่สาว ไม่ต้องกังวล หากเราจะหาเรื่องชวนทะเลาะ และไม่ถามหาเหตุผลใด ๆ แล้วเราจะแจ้งความกับตำรวจเพื่ออะไรจริงมั้ย?”
...
15 นาทีต่อมา จ้าวหยู่และหยางฮงขึ้นรถแท็กซี่และมาถึงซอยหนึ่งในถนนตลาดดอกไม้ ตามชื่อของมัน สถานที่แห่งนี้มีมีผู้ขายดอกไม้เกือบทั้งหมด
ทั้งสองมองไปรอบ ๆ ใต้ร่มเพื่อหาที่อยู่ และในที่สุดก็พบร้านปลูกไม้เลื้อยซึ่งยังคงเปิดไฟอยู่
“พี่สาวฮง รอฉันข้างนอกนี่ ฉันจะเข้าไปหาฮัวฮัวเอง!” จ้าวหยู่ชี้ไปที่สถานที่มืดที่สามารถกำบังเธอจากฝนได้ จากนั้นหันกลับและเดินไปที่ทางเข้าหลักของร้านดอกไม้
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังที่ค่อย ๆ ออกไปของจ้าวหยู่ มันทำให้หัวใจของหยางฮงเต้นรัว เธอรู้สึกว่าร่างกายของจ้าวหยู่สูงขึ้นและมีพลังมากกว่าเมื่อก่อนมาก
*ก๊อก ก๊อก ก๊อก…*
จ้าวหยู่เคาะประตู มีคนถามผ่านช่องตาแมวว่า “แกกำลังมองหาใคร?”
“ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยฮัวฮัว ฉันมาใช้หนี้ของเธอ” จ้าวหยู่พูดอย่างใจเย็น “คุณโทรมาก่อนหน้านี้ ฉันเป็นสมาชิกในครอบครัวของเธอ!”
“โอ้… แปปนึง!” คนในนั้นไปรายงานใครซักคน เขากลับมาเปิดประตูหลังจากนั้นไม่นาน
อากาศในร้านขายดอกไม้ชื้นและอบอ้าว ล้อมรอบด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ภายใต้แสงสลัว จ้าวหยู่เห็นคนที่เปิดประตูให้เขาไม่ใส่เสื้อ เขาตัวเตี้ยและมีรอยสักเกือบทั่วทั้งตัว
เมื่อมองไปรอบ ๆ ร้านขายดอกไม้ มีผู้ชายอีก 5-6 คนที่มีรอยสักเต็มไปหมด! พวกเขาทั้งหมดมีบุหรี่ห้อยลงมาจากริมฝีปากขณะที่พวกเขาเล่นโดมิโน่ พวกเขาดูดุดันแบบพวกทหาร จ้าวหยู่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนดี
“แกเอาเงินมาหรือเปล่า?” ชายตัวเตี้ยมองไปที่จ้าวหยู่อย่างเหยียดหยาม “รู้ไหมว่าต้องจ่ายเท่าไหร่?”
“คุณโทรมาเอาตอนนาทีสุดท้าย ฉันจะเตรียมเงินสดทันได้ยังไง?” จ้าวหยู่พูดอย่างใจเย็นว่า “แต่ไม่ต้องกังวล ฉันเอาการ์ดของฉันมา ก่อนอื่นเลย ฉันดูก่อนว่าฮัวฮัวยังปลอดภัยดีอยู่มั้ย?”
"ใช้ได้! แกรู้กฎดีนี่!“ชายตัวเตี้ยดีดนิ้วชี้ไปที่บันได”ตามฉันมา!"
จ้าวหยู่ตามเขาขึ้นไปที่ชั้นสอง ร้านขายดอกไม้เป็นบ้านไม้ เมื่อเดินขึ้นบันไดไม้ก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด จ้าวหยู่เดินขึ้นไปชั้นบนในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ ชั้นสองมีขนาดเล็กกว่าชั้นแรกอย่างเห็นได้ชัด มีห้องนั่งเล่นและผู้ชายอ้วนสุด ๆ นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น ชายอ้วนคงมีน้ำหนักหนึ่งตัน เขาสวมเสื้อยืดสีดำที่ดูเหมือนผ้าม่าน หลังใบหูขวาถึงแขนขวามีรอยสักปกคลุมไปทั่ว ในขณะนั้น ชายอ้วนกำลังดูรายการทีวีอย่างตั้งใจ เมื่อเขาเห็นจ้าวหยู่ เขาเพียงเหลือบมองด้วยหางตาอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่ไส้กรอก” ชายตัวเตี้ยก้มลงบอกเขาว่า “คนนี้มาเพื่อจ่ายหนี้ให้ผู้หญิงคนนั้น” ชายร่างเตี้ยแนะนำเขา และจู่ ๆ ก็มีชายฉกรรจ์สี่ห้าคนออกมาจากห้องถัดไป คนเหล่านี้มีรอยสักเต็มไปหมด และพวกเขาทั้งหมดดูดุร้ายราวกับว่าพวกเขาพร้อมที่จะกินคน
“ฮือ… ฮือ…” ประตูห้องเปิดออก และจ้าวหยู่ก็ได้ยินฮัวฮัวร้องไห้
จ้าวหยู่มองเข้าไปในห้องต้องการดูว่าฮัวฮัวอยู่ที่ไหน แต่ถูกชายที่ไว้ผมหางม้ายกกางเกงชั้นในสีขาวของผู้หญิงขึ้น และขวางประตูไว้ ผู้ชายคนนี้ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย และเขายังปิดจมูกด้วยกางเกงชั้นในและหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็แสดงท่าทางหื่นกามไม่ต่างจากพวกโรคจิตเลย
“เราทำทุกอย่างเพื่อเงินเท่านั้น ถ้าแกทำตามกฎ เราก็ทำตามเช่นกัน แกเข้าใจใช่ไหม?” เจ้าอ้วนที่ชื่อว่า ‘ไส้กรอกอ้วน’ พูดช้า ๆ ในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี “อากุ้ย ไปรับเงิน!”
ชายตัวเตี้ยเข้าใจเจตนาของเจ้านาย เขาจึงกวักมือเรียกชายอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
"มานี่" ชายร่างผอมคนหนึ่งเดินเข้ามาหาจ้าวหยู่ และพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้นยืมเงินทั้งหมดหนึ่งแสนเก้าหมื่นหยวน เป็นเวลาสามเดือนแล้ว และด้วยดอกเบี้ยของเรา แกต้องคืนเงินสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันสี่สิบแปดหยวน แต่เรากำลังจัดโปรโมชั่นและเราจะให้ส่วนลดสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นสองแสนสี่หมื่นแปดพันหยวน! เราเห็นว่าแกไม่ได้นำเงินสดมา แกจะจ่ายด้วยบัตรใช่มั้ย?”
“ฮิฮิฮิ” จ้าวหยู่ส่ายหัวและหัวเราะ “พวกคุณเป็นคนดีมาก ไม่คิดว่าฉลามเงินกู้ก็ให้ส่วนลดด้วย? ฟังดูน่าสนใจมาก!” ในขณะที่หัวเราะ จ้าวหยู่หยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าเงินของเขา
อากุ้ยเห็นก็รีบนำเครื่องรูดบัตรมา จ้าวหยู่ป้อนรหัสของเขาและเขาก็โอนเงินสองแสนสี่หมื่นแปดพันอย่างรวดเร็ว!
เมื่อมองไปที่อากุ้ยที่พยักหน้า ไส้กรอกอ้วนก็โบกมือให้ชายผมหางม้าและคนอื่น ๆ ชายผมหางม้ารีบเข้าไปในห้องและพาฮัวฮัวออกมา
ในตอนแรก จ้าวหยู่กำลังระงับความโกรธของเขาและไม่เคยคิดที่จะใช้ความรุนแรง แต่เมื่อฮัวฮัวถูกนำตัวออกมา เขาเห็นว่าผมเผ้าของเธอดูยุ่งเหยิงและใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกทำร้าย!
“ฮือฮือฮือ… จ้าว… พี่หยู่… ฮือฮือฮือ…” ฮัวฮัวเห็นว่าคนที่มาช่วยเธอคือจ้าวหยู่ ทันใดนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาและรีบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“อย่าร้องสิ ที่รัก ฉันขอคืนสิ่งนี้ให้คุณ…” ชายผมหางม้าส่งกางเกงชั้นในสีขาวให้ฮัวฮัว
ตอนนั้นเองที่จ้าวหยู่ตระหนักว่ากระโปรงของเธอขาด เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอนในขณะที่เธออยู่ในห้องก่อนหน้านี้
“ฮึ่ม!”
เมื่อมองดูคนรอบข้าง จ้าวหยู่เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ จากนั้นเขาก็กอดหัวของฮัวฮัว และบอกอากุ้ยว่า
“เฮ้ ฉันมีเงินอีกสามแสนอยู่ในการ์ดของฉัน” จ้าวหยู่พูดอย่างจริงจัง “ฉันจะป้อนรหัสอีกครั้ง แล้วฉันจะโอนทั้งหมดให้พวกคุณ!”
เมื่อฟังสิ่งที่จ้าวหยู่พูดจบ ทุกคนก็ตกใจ ไม่มีใครเคยเห็นลูกค้าที่ต้องการจ่ายมากขึ้นอย่างเขามาก่อน
“หื้อ?” ในที่สุดไส้กรอกอ้วนก็ละสายตาจากทีวีและถามจ้าวหยู่ด้วยความสงสัยว่า “ที่แกพูดมา มันหมายความว่ายังไง?”
“ฉันหมายถึงอะไรงั้นเหรอ?” จ้าวหยู่หัวเราะ จากนั้นใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมพร้อมกับพูดว่า
“มันเงินพิเศษสำหรับ… ค่ารักษาพยาบาลของพวกมึงไงล่ะ!!!”