"ต้องเป็นผู้ที่มาจากโลกที่มีระดับสูงกว่าเท่านั้น ท้ายที่สุด วิถีแห่งสวรรค์ก็พังทลายลงในดินแดนที่แห้งแล้งแห่งนี้ และพลังของกฎก็กลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย เป็นไปไม่ได้ที่จะตระหนักถึงกฎของเส้นทาง!"

“ข้ายังมีข้อสงสัยอีกสองข้อ”

เสียงผู้หญิงดังออกมา "โอ้? สงสัยอะไร"

ชายหน้าน้ำเงินมองดูและพูดอย่างเคร่งขรึม: "อย่างแรก ทำไมผู้คนจากระดับที่สูงกว่าถึงชอบที่จะอยู่ที่ดินแดนป่าแห่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ความลับของโลกนี้จะแพร่งพรายออกไป"

“ประเด็นที่สองคือพวกเขาเข้ามาได้อย่างไร ตอนนี้โลกนี้ถูกปิดตาย และพวกเขาไม่สามารถเข้าหรือออกได้ แม้แต่เราก็ยังทำได้เพียงฉายร่างเข้าไปในโลกนี้ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว”

ชายคนหนึ่งส่ายหัวและพูดว่า "ข้าไม่รู้ แต่ข้าคิดว่าเราสี่คนน่าจะแก้ปัญหาคนผู้นั้นได้ด้วยการฉายร่าง"

ผู้หญิงคนนั้นยังพยักหน้า “นี่เป็นปัจจัยหนึ่งของความไม่มั่นคง เราปล่อยให้เขาทำลายแผนของเราไม่ได้”

"ดี."

ร่างในชุดดำที่ไม่ได้พูดตลอดเวลาพยักหน้าและพูดว่า "งั้นเตรียมตัวให้พร้อม ออกเดินทางทันที และกำจัดคนผู้นั้น"

ทั้งสี่พยักหน้าพร้อมกัน.

ทั้งสี่คนหายไปราวกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน

วันเวลาผ่านไป

การประลองแลกเปลี่ยนระหว่างสำนักได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

เย่ ชิวไป่ และคนอื่น ๆ ก็ไปถึงที่สถานที่ประลองแลกเปลี่ยนเช่นกัน

ฮ่งหยวน คอยเตือนสติบนท้องถนนและพูดอย่างเคร่งขรึม: "ในเวลานั้น เจ้าต้องหลีกเลี่ยงการถูกกำจัด และข้าจะขัดขวางผู้นำของฝ่ายตรงข้าม"

ทันใดนั้น เขามองไปที่ เย่ ชิวไป่ อีกครั้งและพูดอย่างสบายๆ: "เย่ ชิวไป่ งานของเจ้าคือซ่อนตัวให้มากที่สุดและคอยซุ่มซ่อนในความมืด ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว คู่ต่อสู้จะวางกลยุทธ์รุมล้อมเจ้าอย่างแน่นอน "

ฮ่งหยวน เป็นศิษย์ของเจ้าสำนัก ดังนั้นเขาจึงรู้กระแสของการประลองแน่นอนอยู่แล้ว

การประลองแลกเปลี่ยนวรยุทธ์รอบแรกใช้ระบบคะแนน

ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะถูกส่งไปยังภูเขาชิงหยาน

เจ้าจะได้รับคะแนนจากการเอาชนะสัตว์อสูร

แน่นอนว่าถ้าเจ้าเผชิญหน้ากับศัตรูและพ่ายแพ้ต่อศัตรู เจ้าจะเสียคะแนนทั้งหมดและถูกกำจัด

ซินหงอี้ ยืนอยู่ข้างๆ เย่ ชิวไป่ พูดติดตลก: "ดูเหมือนว่าเจ้าจะโดนดูถูก?"

เย่ ชิวไป่ ไม่ปฏิเสธ แค่ยักไหล่

มาถึงสถานที่ประลองแลกเปลี่ยน

ผู้คนจาก 4ภูมิภาค มารวมตัวกันที่นี่เช่นกัน

สำนักชางเต๋าแดนเหนือ นำโดย เจี้ยน เจาเมี่ยน

เหลียว เมิ่งเซิง ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่า เย่ ชิวไป่ กำลังมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองอย่างอาฆาต

เย่ ชิวไป่ เพิกเฉยต่อมัน

"ผู้นำของแดนตะวันออกคือ ฉีเซิ่ง เขาเกิดมามีกายศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพน่ากลัวมาก"

"แดนตะวันตกคือ จางเหอ ผู้ฝึกฝนพุทธวัชระ(จินกัง) และไม่มีใครสามารถทำลายมันได้ และฝ่ามือของเขาก็มีอำนาจมาก"

จ่งหวู่ อธิบายจากด้านข้าง

เขาจะไม่เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนศิลปะการต่อสู้ เขาเป็นผู้ประลองแลกเปลี่ยนคำสอนปราชญ์เต๋าขงจื้อ

"สำหรับดินแดนทางเหนือ ผู้นำคือเจี้ยน เจาเมี่ยน"

ในเวลานี้ สี่ร่างมารวมกันบนท้องฟ้า

ในหมู่พวกเขา ฉินเทียนหนานก็อยู่ในหมู่พวกเขา

แน่นอนว่าอีกสามคนเป็นเจ้าสำนักสาขาที่เหลือ

เมื่อทุกคนมาพบกัน ต่างก็ทำความเคารพอีกฝ่ายทันที

ในหมู่พวกเขา หนึ่งในสี่คนก้าวออกมา

เขาเป็นเจ้าสำนักของสำนักชางเต๋าแดนเหนือ, หวู่เต๋อฉี

เขายังอยู่อันดับที่ 12 ในรายนามผู้เยี่ยมยุทธ์สี่ภูมิภาค!

เมื่อเทียบกับ ฉินเทียนหนาน เขาสูงกว่า 14 อันดับ

นอกจากนี้ยังเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าหวู่เต๋อฉีแข็งแกร่งกว่าฉินเทียนหนานมาก

หวู่เต๋อฉีโบกมือของเขา ทันใดนั้นพลังอันว่างเปล่าก็ดึงทุกคนที่อยู่ตรงนั้นขึ้นมา

"วันนี้ คือวันที่ที่สำนักชางเต๋าของเราในสี่ภูมิภาคจะจัดการประลองแลกเปลี่ยนระหว่างสำนัก ซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่สำหรับสำนักชางเต๋าของข้าด้วย"

“วันนี้จะเป็นการประลองแลกเปลี่ยนวรยุทธ์ก่อน ทุกคนควรเข้าใจกฎของรอบแรก ข้าและเจ้าสำนักอีกสามคนจะส่งเจ้าไปที่เทือกเขาชิงหยาน”

หลังจากพูดจบ เจ้าสำนักทั้งสี่ก็ก้าวไปข้างหน้า ข้างใต้พวกเขา ค่ายกลเคลื่อนย้ายลอยตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ด้วยการฉีดปราณโดยคนทั้งสี่ พื้นที่รอบๆ ค่ายกลเคลื่อนย้ายเริ่มบิดเบี้ยว

ในเวลานี้ หวู่เต๋อฉี กล่าวว่า "เอาล่ะ ศิษย์ที่เข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนวรยุทธ์เข้ามาที่ค่ายกล"

หลังจากพูด ศิษย์จากภูมิภาคทั้ง4ก็เริ่มก้าวเข้ามาทีละคน

และเมื่อ เย่ ชิวไป่ ก้าวไปข้างหน้า เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

"ข้าคาดหวังกับเจ้านะ"

เป็นเสียงของ ฉินเทียนหนาน

เย่ ชิวไป่ มองดูและพบว่า ฉินเทียนหนาน กำลังมองมาที่เขา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ เย่ ชิวไป่ พยักหน้า

แม้ว่าจะตัวเขาจะไม่ได้อะไรกับสำนักชางเต๋ามาก แต่กับตัวฉินเทียนหนานนั้น เย่ ชิวไป่รู้สึกดีด้วย

เพื่อประโยชน์ของอาจารย์และศาลาเฉาถัง ฉินเทียนหนานควรได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าสำนักต่อไป

ท้ายที่สุดหากมีเจ้าสำนักคนใหม่ ไม่อาจรู้ได้ว่าศาลาเฉาถังจะยังมีอยู่ได้หรือไม่?

เย่ ชิวไป่ ไม่อนุญาตให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เย่ ชิวไป่ก็ก้าวไปข้างหน้าและก้าวเข้าสู่ค่ายกลเคลื่อนย้าย!

ค่ายกลเคลื่อนย้ายทำงาน!

สิ่งแรกที่เห็นคือร่มเงาสีเขียวชอุ่ม

ต้นไม้โบราณสูงตระหง่านนับไม่ถ้วนสูงเสียดฟ้า

อย่างไรก็ตาม เย่ ชิวไป่ สามารถสัมผัสได้อย่างละเอียด

ที่นี่มีกลิ่นอายของอสูรที่คลุมเครือ!

ทันใดนั้น ดาบอาโม่ เริ่มสั่น

เย่ ชิวไป่ รู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของ ดาบอาโม่

เห็นได้ชัดว่าปราณอสูรที่นี่บริสุทธิ์มาก

ข้าเกรงว่าที่นี่ เก้าดาบอสูรสวรรค์ ของ เย่ ชิวไป่ จะมีพลังมากขึ้นเช่นกัน

ในขณะนี้ หินก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเย่ ชิวไป่

มีหมายเลขอยู่บนพื้นผิวหิน

แต่ตัวเลขในขณะนี้คือ 0

นี่คงเป็นคะแนน...

เพื่อให้ได้คะแนน สังหารสัตว์อสูรหรือ... ปล้นชิงจากผู้อื่น!

ในเวลานี้ เย่ ชิวไป่หันกลับมา และไม่ไกลนัก ก็มีเสียงคำรามมาทางเขา!

ฝุ่นฟุ้งกระจาย!

ในฝุ่นมีสัตว์อสูรสี่ขาวิ่งอยู่!

คำราม!

เสียงคำราม ส่งปราณเสียงอันน่ากลัวออกมา!

คาดว่าผู้คนในขอบเขตแก่นทองคำ จะไม่สามารถต้านทานปราณเสียงได้ และร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยตรง!

เย่ ชิวไป่ ถือดาบไม้สีขาวไว้ในมือ และเหวี่ยงมันไปข้างหน้าช้าๆ!

ปราณดาบพุ่งออกไป

ปะทะปราณเสียงนั้น

ในเวลาเดียวกัน พลังปราณของดาบจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนรอบตัวของเย่ ชิวไป่!

มันกลายเป็นปราณดาบขนาดใหญ่ฟันไปที่สัตว์อสูรสี่ขาที่วิ่งอยู่!

สัตว์อสูรสี่ขาดูเหมือนจะมีสติปัญญาเล็กน้อย เมื่อเห็นปราณดาบกำลังมาถึง มันรู้สึกถึงวิกฤตและไม่เลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน!

มันกระแทกเท้าทั้งสี่ข้างลงกับพื้น หยุดร่างของมัน

แล้วกระโดดไปด้านข้าง เพื่อหลีกเลี่ยงปราณดาบทำลายล้างที่กำลังจะมาถึง!

อย่างไรก็ตาม ถัดมา ร่างของเย่ ชิวไป่ก็หายไปจากที่เดิม!

ในชั่วพริบตา เขาก็มาอยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรสี่ขา

ฟันด้วยดาบ!

ศีรษะตกลงพื้นโดยไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย!

เย่ ชิวไป่ หยิบหินให้คะแนนออกมาดู

0 ข้างต้นได้เพิ่มขึ้นเป็น 10

5 1 โหวต

Article Rating

0 Comments

Inline Feedbacks

ดูความคิดเห็นทั้งหมด