บทที่ 13 เก้ายมโลก
บทที่ 13 เก้ายมโลก
ชีวิตหลังความตาย วิญญาณของทุกคนจะเข้าสู่ เก้ายมโลก(จิ่วหยู) ซึ่งความทรงจำของชีวิตก่อนหน้านี้จะถูกชะล้างออกไปด้วยน้ำยมโลกแห่งแม่น้ำเหลือง
หลังจากนั้นเจ้าสามารถกลับชาติมาเกิด
ที่นี่ท้องฟ้าเป็นสีเทา
อากาศรอบๆ ขุ่นมัว
มองไปรอบๆ หลู่ชางเฉิงเห็นแม่น้ำสีเหลืองอยู่ตรงหน้าเขา
เหนือแม่น้ำมีสะพาน
มีผีสีขาวนับไม่ถ้วนกำลังข้ามสะพาน...
บนสะพานมีกรอบประตูขนาดใหญ่และบนกรอบประตูมีคำขนาดใหญ่สองคำพิมพ์อยู่
ยมโลก!
“ใครกล้ารุกรานวังเก้าแดนมรณะของข้า!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังมาจากท้องฟ้า และเสียงก็กระจายไปทั่วทั้งพื้นที่!
หลู่ชางเฉิงมองไปยังร่างที่อยู่อากาศ ร่างที่ปราศจากลมหายใจ
"เจ้าคือใคร?"
ร่างนั้นถามว่า "เจ้ามาที่ยมโลกทำไม"
ในวันปกติจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดมาที่ยมโลกเลย ผู้ที่มาล้วนเป็นผู้ที่ตายในโลกนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไร สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่สามารถเข้าสู่ เก้ายมโลกได้นั้นต้องมีความแข็งแกร่ง
หลู่ชางเฉิง พูดเสียงดัง: "ไม่มีอะไร ข้าแค่ต้องการขอยืมน้ำยมโลกจากแม่น้ำหลือง ในวังของเจ้า"
ทันใดนั้น ใบหน้าของร่างนั้นก็เปลี่ยนไป และเขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด: "น้ำยมโลกในแม่น้ำเหลืองเป็นหนึ่งในสมบัติของวังเก้าแดนมรณะของข้า ข้าจะให้เจ้ายืมได้ยังไง!"
หลู่ชางเฉิง ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าต้องสู้กัน!
มีเพียงพลังเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เสียงดังได้
หลู่ชางเฉิง โบกดาบไม้ในมือ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม และเจตจำนงของดาบก็โผล่ออกมาจากร่างกายของเขาโดยธรรมชาติ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของคนกลุ่มนั้นก็เคร่งเครียด ร่างกายของพวกเขาเกร็งขึ้น และพวกเขาก็พร้อมที่จะรับการโจมตีของ หลู่ชางเฉิง ได้ทุกเมื่อ!
หลู่ชางเชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม: "เอาล่ะ พวกเจ้าเข้ามาทีละคน"
ในตอนแรกทั้งกลุ่มกำลังจะเข้าไปด้วยกัน
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาทั้งหมดก็หยุดทันทีและมองไปที่หลู่ชางเฉิงอย่างตกตะลึง
“ทำไมต้องทีละคน?”
หลู่ชางเฉิง พูดด้วยความขุ่นเคืองโดยชอบธรรม: "เจ้าคือผู้ดูแลของเก้ายมโลก เจ้าจะทำเรื่องอย่างการกลุ้มรุมได้ยังไง?
วู้ น่าไม่อายจริงๆ! "
กลุ่มของร่างไร้ลมหายใจมองหน้ากัน ใบหน้าที่เดิมเป็นสีดำก็กลายเป็นสีที่ดำเข้มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ไอ้****มาเพื่อกอบโกยสมบัติของเรา
ยังจะให้เราพูดคุยเกี่ยวกับตัวต่อตัวกับเจ้า? ?
มองเห็นเราสมองหมูหรือยังไง?
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระกับเขา เข้าไปด้วยกัน จับเขาทั้งเป็นและขังเขาไว้ในเก้ายมโลก เพื่อให้สัมผัสกับความเจ็บปวดจากการถูกไฟโลกาเผาไหม้!”
กล่าวจบ.
ร่างไร้ลมหายเหล่านั้นพุ่งตรงไปที่หลู่ชางเชิง!
สมบัติทั้งหมดปรากฎขึ้นในมือของพวกเขา แสดงให้เห็นถึงความตาย!
เมื่อเห็นเช่นนั้น ใบหน้าของหลู่ชางเชิงก็แข็งค้าง เขายกดาบไม้ในมือขึ้นแล้วฟันไปข้างหน้า!
ปังง!
ความว่างเปล่าแตกเป็นเสี่ยงๆ และพื้นที่ของเก้ายมโลกก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนแก้ว!
ทันใดนั้นแดนยมโลกทั้งเก้าก็ส่งเสียงดัง!
น้ำยมโลกในแม่น้ำเหลืองที่เงียบสงบก็เริ่มเดือดพล่านเช่นกัน!
ใบหน้าของหลายร่างเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน!
"วิถี!"
“มันคือวิถีแห่งดาบ มีใครในโลกนี้รู้เส้นทางแห่งวิถีได้อย่างไร!”
“เร็วเข้า สังเวยสมบัติด้วยเลือด!”
หลังจากพูดจบ ร่างเหล่านั้นก็ทุบไปที่หน้าอกของเขาทีละตัว พ่นแก่นแท้เลือดออกมาทีละตัว!
แก่นแท้เลือดตกลงบนประตูที่ดูเรียบง่ายและมั่นคง
หน้าประตูมีหัวผียิ้มกว้างมีเขี้ยวเต็มปาก!
“ประตูราโชมอน(หลัวเชงเม้ง)!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ประตูก็สูงขึ้นเล็กน้อย กลายเป็นประตูยักษ์ที่แบกท้องฟ้า!
ถล่มมารดามัน!
ประตูขวางพลังดาบอันน่าสะพรึงกลัวนั่น!
บูม!
ดาบที่สามารถทำลายความว่างเปล่าได้เฉือน ประตูราโชมอน!
ผลพวงของการปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะกวาดล้าง แดนมรณะ ทั้งหมด!
สะพานข้ามแม่น้ำเหลืองเริ่มร้าว!
แม้แต่กรอบประตูโบราณก็ได้รับผลกระทบจากผลที่ตามมาและพังทลายลง!
เพียงเสี้ยววินาที ประตูราโชมอนก็เปล่งเสียงออกมา!
แคร๊ก! แคร๊ก!
รอยแตกเหมือนรอยแยกเริ่มแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ!
ร่างเหล่านั้นก็ยังกระอักเลือดออกมาอีกด้วย
ประตูราโชมอนเชื่อมโยงกับพวกเขา
ตอนนี้ ประตู ได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีก!
พลังงานของดาบสลายไป และประตูราโชมอนก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน
“ท่านคือใคร นายท่าน”
ร่างที่กระอักเลือดกล่าว
พวกเขาทั้งหกคนล้วนเป็นชายชรา สวมเสื้อคลุมสีเทาและถือคทาอยู่ในมือ
เหนือคทามีสิ่งคล้ายลูกบอลส่องแสงสีเขียวจางๆ
“ทำไมข้าต้องบอก เพื่อที่เจ้าจะได้แก้แค้นข้าในอนาคต?แล้วไงตกลงเจ้าจะให้ข้ายืมน้ำยมโลกไหม?”
หลู่ชางเฉิง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเริ่มหมดความอดทน
เมื่อเห็นเช่นนี้ ชายชราทั้งหกก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆและพูดว่า "นายท่าน ไม่ใช่ว่าเราไม่ต้องการให้ยืม มันเป็นเพราะเราไม่มีสิทธิ์ พวกข้าชายชราทั้งหกเป็นแค่ทูตของแม่น้ำเหลือง น้ำในยมโลกมีจิตวิญญาณ และพวกมันจะถูกนำออกไปได้ ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากมันเท่านั้น "
หลู่ชางเฉิง เลิกคิ้วและพูดว่า "งั้นพาข้าไปที่นั่น"
ทั้งหกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ในที่สุดก็ถอนหายใจและพยักหน้าเห็นด้วย
“นายท่าน มากับเราเถิด”
หากมีการประทะกันอีก 2-3 ครั้ง พูดได้เลยว่าพวกเขารับไม่ไหว
วังเก้าแดนมรณะ จะพังทลายลงอย่างแน่นอน
ในเวลานั้น การกลับมาเกิดใหม่ในโลกนี้จะอยู่ในความสับสนวุ่นวาย!
มาถึงห้องโถงด้านข้าง
ตรงกลางห้องโถงด้านข้าง มีร่างที่ดูเลือนรางเล็กน้อยยืนอยู่
ทูตของแม่น้ำเหลือง โค้งคำนับให้กับร่างนั้น จากนั้นหันหลังและจากไป
ร่างนั้นหันกลับมา เป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนหญิงสาวมาก
ชายคนนั้นกล่าวว่า: "ข้ารู้เหตุผลที่เจ้ามา และไม่มีใครในวังเก้าแดนมรณะ ที่เป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า ข้าสามารถให้เจ้ายืมน้ำยมโลกจากแม่น้ำเหลืองได้ แต่ข้ามีข้อแม้อยู่หนึ่งอย่าง "
หลู่ชางเฉิง กล่าวว่า: "บอกข้ามา"
เมื่อได้รับความยิยยอม ชายคนนั้นก็พูดว่า: "ในอนาคต ข้าอยากให้เจ้าตามหามารจิ่วหยู เพื่อมาปกป้องสถานที่แห่งนี้"
"มารจิ่วหยูได้กลับชาติมาเกิดใหม่ และตอนนี้ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหากวังเก้าแดนมรณะไม่ถูกปราบปรามโดยผู้ปกครองเป็นเวลานาน มันจะอยู่ในความโกลาหล! "
หลู่ชางเฉิง คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วย
ที่เลวร้ายที่สุด ก็โยนเด็ก ไป่ชิว คนนั้นมาที่นี่เพื่อเป็นมารจิ่วหยู
เมื่อเห็นว่า หลู่ชางเฉิง พยักหน้าเห็นด้วย ชายคนนั้นก็โบกมือ ทันใดนั้น แม่น้ำน้ำยมโลกสีเหลืองก็ลอยขึ้นและรวมตัวกัน!
ลูกปัดสีเหลืองก่อตัวขึ้นและตกลงต่อหน้าหลู่ชางเฉิง
เมื่อได้รับของชิ้นนี้แล้ว หลู่ชางเฉิงก็พยักหน้าไปทางชายคนนั้น จากนั้นก็หันหลังและจากไป
ชายคนนั้นมองไปที่ด้านหลังของหลู่ชางเฉิง และอดสงสัยไม่ได้: "วิถีแห่งเต๋าของโลกนี้พังทลายลงแล้ว และหนทางสู่สวรรค์ก็ปิดตัวลง แล้วเขารู้หลักการของวิถีได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขามาจากแดนนอก? "
แต่หลังจากคิดแล้ว ก็ส่ายหัว คนแดนนอกจะมาสนใจที่นี่ได้ยังไง...
หลู่ชางเฉิง หลังจากออกจากห้องโถงด้านข้างแล้ว ก็เปิดพื้นที่ด้วยดาบโดยตรง และบินกลับไปโลกภายนอก
อย่างไรก็ตาม เมื่อ หลู่ชางเฉิง จากไป อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำ เหลือง มีร่างวิญญาณเลือนรางติดตาม หลู่ชางเฉิง ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า...